Monday, June 30, 2014

นวัตกรรมปิงปองจราจรชีวิต ๗ สี

เช้าวันนี้ผมไปโรงพยาบาลห้างฉัตรพร้อมกับพี่ชาย พี่ชายผมผิดนัด ส่วนผมไปก่อนวันนัด แต่คุณหมอก็ไม่ว่าอะไร ให้ยามากินต่ออีก ๒ เดือน....


บริเวณคลีนิกผู้ป่วยซึ่งอยู่ด้านหลัง ผมเห็นบอร์ดแสดงเรื่อง "นวัตกรรมปิงปองจราจรชีวิต ๗ สี" ผมสึกว่าให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ จึงขออนุญาตนำภาพมาโพสต์ให้เพื่อน ๆ ได้ดูดังนี้...


หัวแหลมจัง!  เข้าใจใช้สีบรรยายระดับของระดับความดันโลหิตและน้ำตาลในเลือดที่แตกต่างกัน พร้อมวิธีการดูแลรักษาสุขภาพตัวเอง!   เริ่มจากสีดำ... 


สีแดง...


สีส้ม...


สีเหลือง...


สีเขียว....


สีเขียวโอลีฟ...


สีขาว....



เค้าไปหาซื้อตะกร้ามาจากไหนนะเนี่ย?  มีครบทุกสีเลย!

Friday, June 27, 2014

smile a little smile


(ขอขอบคุณ uploader ใน YouTube)


เพื่อน ๆ เคยได้ยินเพลง  Smile a little smile for me  ของคณะ The Flying Machine หรือเปล่าครับ?

เพลงนี้ดังในช่วงที่ผมเรียนอยู่เทคนิคกรุงเทพฯ  จำได้ว่าเป็นเพลงที่แต่งง่าย ๆ ทำนองไม่ได้หวือหวาอะไร  (เกือบจะใช้ Pentatonic Scale ทั้งหมดก็ว่าได้)  แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันเพราะ ฟังแล้วติดหูทันที ตอน chorus ก็ประสานเสียงแบบง่าย ๆ แต่เจ๋ง!

วันนี้ขอนำเพลงมาประกอบภาพ smile a little smile เหล่านี้...










เป็นรอยยิ้มของเด็ก ๆ ที่พะโคะคุฮับ...

Thursday, June 26, 2014

อย่าโทษ คสช. เลย!

เจ้าของร้านอาหารพื้นเมือง "ลำแต้" ซึ่งอยู่ใกล้บ้าน นำคอมพิวเตอร์มาให้ผมช่วยซ่อม อาการคือ เปิดเครื่องแล้วไฟเข้าแต่จอยังคงมืด ผมแกะเครื่องออกดู...เห็นพัดลมหมุน แต่ไม่ได้ยินเสียง hard disk ทำงาน

ผมดึงแรมออกตัวนึงแล้วลองใหม่   "ปี๊บ"...ได้ยินเสียงเครื่องทำงาน  hard disk เริ่มเดิน...จอภาพสว่าง เข้าวินโดว์ได้แล้ว!  ผมตั้งค่าให้ใหม่ ล้างไฟล์ขยะออกแล้ว defrag อีกที  ก่อนประกอบเครื่องเข้าที่ ผมลองเอาแรมตัวที่ถอดออกใส่กลับคืนดูหน่อย   ปี๊บ! อ้าว...ยังทำงานได้แฮะ เป็นอันว่างานนี้ "ผีหลอก" อีกตามเคย!!  

ระหว่างที่เจ้าของมารับเครื่องคืน ผมได้ยินเค้าบ่นว่า "ขายไม่ดีเลย หลังปฏิวัติเนี่ยแย่สุด ๆ เลย บ้านใหญ่ก็เหมือนกัน"  บ้านใหญ่หมายถึงร้านอาหารจีนฉัตรแก้ว

อย่าไปโทษ คสช. เลยครับ จำได้หรือเปล่าว่าช่วงที่รัฐบาลยิ่งเละมุ่งเรื่องประชานิยม ประกาศขึ้นเงินเดือน (เอ้ามั้ยค้าาาา) ค่าอะไรต่อมิอะไรมันก็ถีบตัวแพงขึ้นนำหน้าไปก่อน (ส่วนเงินเดือนที่จะให้ไม่รู้ว่าได้หรือเปล่า)  พอวัตถุดิบขึ้นราคา พ่อค้าแม่ขาย...ไม่ว่าเป็นก๋วยเตี๋ยว อาหารตามสั่ง หรือขนมหวาน ต่างก็พากันขึ้นราคาตาม (เทียบเป็นเปอร์เซนต์แล้วมากกว่าเสียอีก) ก๋วยเตี๋ยวลูกทุ่ง...ธรรมดา ๔๐ พิเศษ ๖๐  ข้าวซอย ๔๐ ฯลฯ ขนมลูกเต๋าชิ้นละ ๕ บาทไม่ขึ้นราคาก็จริง แต่ลดขนาดลงมาเหลือเกือบจะเท่าลูกเต๋าจริง ๆ   อาหารการกินโคตรแพง...๒ คนแค่พออิ่ม เตรียมไว้ได้เลย ๑๐๐!  

สาวโรงงาน UFC ที่เคยฝากท้องไว้กับยายดา...บางคนพกข้าวห่อไปจากบ้านแทน! 

อย่างผมวันนี้ ทีแรกก็ตั้งใจจะขี่จักรยานไปซื้อแปรงทาสีใหม่สักด้าม แล้วจะแวะไปซื้ออาหารกลางวันจากร้านอาหารตามสั่งมาให้พี่ชาย แต่ก็เปลี่ยนใจ เก็บตังค์ ๑๐๐ บาทเข้าที่เดิม หันไปเคาะกระทะเสียงดัง "แก๊ก ๆ"  ก่อนลงมือผัดข้าวให้พี่ชายและตัวเองแทน!!


แล้วอย่างนี้ จะให้ร้านอาหารขายดิบขายดีได้อย่างไร?

Wednesday, June 25, 2014

กระดาษอัด

ผมซื้อกระดาษอัดหนา ๓ ม.ม. จำนวน ๑๐ แผ่นมาจากงานอิวหลีแฟร์ รู้สึกว่าจะลดราคาเหลือแค่แผ่นละ ๑๑๐ บาท (ถ้าจำไม่ผิด) ตอนซื้อผมก็ยังไม่รู้ว่าจะเอามาทำอะไรดี?

ตอนนี้ได้ใช้งานแล้วครับ! วันนี้ผมนำกระดาษอัดตีเพดานห้อง workshop จนแล้วเสร็จ (รอให้มีเวลาจึงค่อยโป้วและทาสี)...


เอามาทำผนังได้ด้วย...


อ่อ...ลืมบอกไปว่าผมได้ทำห้องเก็บของไว้เหนือบันไดโดยใช้เศษไม้ที่ซื้อจากครูหนิง


เศษไม้เก่าดูไม่สวย ผมจึงนำกระดาษอัดรองไว้ข้างใต้ แหงนดูแล้วคล้ายฝ้าเพดาน ถ้าได้ทาสีก็จะดูงามตา...


กระดาษอัดด้านมันทาสีง่าย ไม่ดูดสีด้วยครับ...


ผมพยายามใช้วัสดุที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์ มีเท่าไรก็ใช้เท่านั้น... 

Tuesday, June 24, 2014

วิธีผัดบวบของแม่

ตอนผมเป็นเด็ก... แม่มักผัดบวบให้กินบ่อย ๆ  ทุกวันนี้ ผมผัดบวบทีไรก็จะคิดถึงแม่!


เวลาปอกบวบ...แม่จะละเอียดมาก บวบทุกลูกถูกบรรจงปอกเอาเปลือกออกจนหมด เหลือแต่เนื้อ ก่อนทำการหั่น แม่จะใช้ลิ้นแตะชิมดู หากขม...แม่ก็ทิ้งไป (เคยบอกกับผมว่าเพราะงูมันเลื้อยผ่าน)...

แม่จะไม่ใส่หมู แต่ใช้กุ้งแห้งแบบตัวเล็กราคาถูก (จำได้ว่าบ้านเราไม่เคยกินกุ้งแห้งอย่างดี ตัวโต ๆ เลย) แค่เพียงหยิบมือ...ใส่ลงไปคั่วกับน้ำมันในกระทะจนมีกลิ่นหอม (ระวังไม่ให้ไหม้) ก่อนใส่บวบลงไปผัด แล้วเหยาะน้ำปลากับน้ำตาลตาม พร้อมทั้งเติมน้ำลงไปเพื่อให้มีน้ำขลุกขลิก  นี่คือ "วิธีผัดบวบของแม่" ซึ่งผมจะทำตามทุกครั้ง!

ส่วนเรื่องปอกบวบ ผมไม่ทำตาม กล่าวคือ จะปอกเปลือกไม่หมด เหลือส่วนบาง ๆ ไว้บ้าง แล้วก็ไม่ชิมด้วย ขมไม่ขมผมก็กินได้  ยิ่งขมยิ่งชอบ!

ไค่ฮู้แต้ ๆ ว่าคุณ bimbalo เปิ้นจาผัดบะนอยจั่งใด๋? 

Monday, June 23, 2014

ไม่ใช่แฟน แต่ทำแทนกันได้

เพื่อน ๆ ที่รักคงรู้จักน้ำยาอเนกประสงค์หรือน้ำยาครอบจักรวาลยี่ห้อ "โซแน็กซ์" บางท่านอาจมีไว้ประจำบ้าน เพื่อใช้ซ่อมอะไรต่อมิอะไร เช่นเดียวกับ "ช่างเหอะ" 



แต่ก่อนกระป๋องขนาด ๒๐๐ มล. ราคาละ ๖๐-๗๐ บาท แต่เดี๋ยวนี้ราคาเป็นร้อย เราต้องใช้อย่างประหยัด ฉีดเท่าที่จำเป็น พยายามเก็บไว้ใช้นาน ๆ...

แต่เจ้าสเปรย์ยี่ห้อนี้มีข้อเสียอยู่อย่างนึง คือ เจ้าตัวกดและหัวพ่น (เป็นพลาสติกสีแดง) มักจะหลุดง่าย ตั้งแต่ผมใช้มาหลายกระป๋อง ส่วนใหญ่มันหายไปก่อนที่จะใช้น้ำยาหมด...

ถ้าไม่มีที่กดตัวนั้น (อย่างที่เห็นในภาพ) เวลาเราจะฉีดพ่นอะไร มันก็ลำบาก จะใช้ปลายนิ้วกดให้น้ำยามันพ่นออกมาก็เจ็บนิ้ว เปื้อนมือ แถมยังสิ้นเปลือง!!


พอดีผมมีกระป๋องสเปรย์ฉีดยุงซึ่งใช้หมดแล้ว จึงแกะเอาเจ้าฝาครอบซึ่งเป็นที่กดและหัวพ่นออกมา แล้วนำไปสวมให้กับกระป๋องโซแน็กซ์อย่างเนี้ยครับ...


เสร็จแล้วก็ลองฉีดดู....ใช้ได้แฮะ!


 เรื่องหัวฉีดน้ำยาโซแน็กซ์หาย กลายเป็นเรื่องเล็กไปเลย!

Sunday, June 22, 2014

ความในใจ


ผมดูวิดีโอนี้แล้วคิดถึงเมเปิ้ลและอินดี้ ทั้งคู่เป็นนักเรียนไวโอลินที่ยังเหลืออยู่ของผม...


 
ผมอยากให้ทั้งเมเปิ้ลและอินดี้ มีพลังและความมุ่งมั่นให้ได้เหมือนเด็กหญิงในวิดีโอที่บรรเลงเพลง Concerto No.5 in D Major Op.22, movement แรก ของ F.Seitz ซึ่งเป็นบทเรียนที่ ๒ ในตำราซูซูกิเล่ม ๔

ขอแค่เพียง ๑ ใน ๑๐ ของเด็กวัย ๔ ขวบก็พอแล้ว!  

โดยเฉพาะอินดี้ ทุกวันนี้มาเรียนแบบไม่ได้พกความอยากเรียนมาด้วยเลย นักเรียนนั่งเล่นไวโอลินอยู่ห่าง ๆ  ฟังที่ผมพูดบ้างไม่ฟังบ้าง  ผมต้องพยายามเอาใจ และทำทุกอย่างเพื่อให้หนุ่มน้อยอยากเรียน และอยากเล่นเพลง Concerto No.5 ของ F.Seitz

น่าเสียดายที่ยิ่งนับวัน...ผมยิ่งสิ้นหวัง!

นี่คือความในใจของผม!

Saturday, June 21, 2014

ยาแนวกระเบื้อง

เหมือนเรือเกลือ... งานปูกระเบื้อง workshop วันนี้ผมเพิ่งจะยาแนวแล้วเสร็จ!!


ซื้อกาวยาแนวเดฟโก้แชมป์สีน้ำตาลโกโก้มาถุงนึง แต่หาไม่เจอ ก็เลยผลัดวันประกันพรุ่งมาเรื่อย ๆ... 


เพิ่งจะหาเจอ ด้านหลังถุงกาว เค้าเขียนอธิบายวิธีใช้งานไว้ดังนี้...
การเตรียมพื้นผิว 
ทำความสะอาดร่องกระเบื้องที่จะยาแนว ให้ปราศจากเศษฝุ่นผงและคราบไขมันต่าง ๆ
การผสม
ผสมน้ำสะอาดเข้ากับกาวยาแนวในอัตราส่วน น้ำ 350-400 มล. ต่อกาวยาแนว 1 กก. (1ถุง) โดยค่อย ๆ เติมน้ำสะอาดลงไปทีละน้อย แล้วกวนให้เข้ากันเป็นครีมเหนียวข้น จากนั้นปล่อยทิ้งไว้ให้เคมีบ่มตัวประมาณ 5-10 นาที ก่อนนำไปใช้
การใช้งาน
ใช้เกรียงยางปาดกาวยาแนวที่ผสมแล้ว ลงในร่องกระเบื้องให้เต็มทุก ๆ แนว ใช้เกรียงยางปาดกาวยาแนวบนผิวหน้าของกระเบื้องออก แล้วปล่อยทิ้งไว้ให้กาวยาแนวบ่มตัวประมาณ 2 ชั่วโมง หลังจากนั้นใช้ผ้าหรือฟองน้ำชุบบิดหมาด ๆ เช็ดทำความสะอาดให้ทั่วอีกครั้งหนึ่ง และปล่อยทิ้งไว้ให้แห้งสนิทประมาณ 48 ชั่วโมง ก่อนการใช้งาน
เพื่อน ๆ ที่รักครับ ผมเป็น "ช่างเหอะ" สิ่งที่ผมทำไม่ถูกต้องตามหลักที่ช่างตัวจริงทำ ผมผสมกาวทีละน้อย ยาแนวได้พื้นที่แค่ ๑ ใน ๓ ก็หยุดพักไปหลายวัน ทั้ง ๆ ที่ควรผสมกาวและยาแนวให้เสร็จในคราวเดียวเลย (เนื้อที่แค่ ๗ ตารางเมตรเอง) 


นอกจากนั้นยังไม่ใช้เครื่องมือที่ถูกต้อง อย่างเช่น เกรียงยาง ซึ่งยังไม่เคยเห็นด้วยซ้ำ อิอิ  ผมใช้พื้นรองเท้าฟองน้ำที่ใช้ใส่บนดาดฟ้านั่นแหละเป็นเกรียงยาง... 


ยาแนวด้วยการอัดกาวลงไปให้เต็ม ๆ ออกแรงกดให้หนัก ๆ อย่าอ่อนข้อ!!.


กดแล้วลากรองเท้าป้าด ๆ


อัดเข้าไป....


หลังจากนั้นค่อยปาดทำความสะอาดคราบกาวบนแผ่นกระเบื้อง ปล่อยทิ้งไว้ แล้วค่อยนำผ้าชุบน้ำหมาด ๆ มาเช็ด...


อย่าลืมล้างทำความสะอาดเครื่องมือก่อนเก็บ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือรองเท้าฟองน้ำซึ่งยังนำกลับไปสวมใส่ได้ตามเดิม... 

เหลือผงกาวติดก้นถุุงอีกหน่อย ผมใส่ขวดยาเก่าไว้ เผื่อจะได้ใช้เก็บงาน หรือซ่อมแซมบางจุด...


ส่วนกาวยาแนวผสมแล้วที่เหลือติดถาด ผมเหยาะน้ำเติมเข้าไปหน่อย คน ๆ ผสมล้างถาด...ได้เป็นสีน้ำ แทนที่จะเอาไปเททิ้ง ก็เอามาทาพื้นซีเมนต์บริเวณธรณีประตูอย่างที่เห็น...


ยาแนวกระเบื้องตามประสาช่างเหอะครับวันนี้!

Friday, June 20, 2014

The Grand Budapest Hotel


ผมชอบหนังฮาอย่าง  The Grand Budapest Hotel (2014) จริง ๆ...  ตั้งแต่เปลี่ยนมาใช้อินเทอร์เน็ตของ 3BB  ผมสามารถดาวน์โหลดหนังมาดูได้วันละ ๒-๓ เรื่อง  The Grand Budapest Hotel ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งโหลดได้ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง!

ผมมีความเห็นว่าตลกด้วยคำพูด หรือ Verbal jokes อย่างเนี้ย ต้องดูเสียงในฟิล์ม แล้วดูซ้ำหลาย ๆ รอบด้วย ยิ่งดูก็ยิ่งตลก  เนื้อเรื่องย่อและคำวิจารณ์ เพื่อน ๆ สามารถหาอ่านได้ในเว็บต่าง ๆ...

มีเรื่องหนึ่งที่อยากกล่าวถึง คือ "ดนตรีประกอบภาพยนต์"  ซึ่งประพันธ์โดย Alexandre Desplat  คน ๆ เดียวกับที่เขียนเพลงให้ The Monuments Men  (งานเข้าจริง ๆ หมอเนี้ย!)  ใครที่ชื่นชอบเสียงของบาลาไลก้า (Balalaika) ในหนังเรื่อง Doctor Zhivago  ถ้าได้ฟังดนตรีของ Alexandre Desplat  ใน The Grand Budapest Hotel ก็จะต้องชอบเช่นกัน...

ที่มาของภาพ - wikipedia
มีการนำเสียงจากกลองทิมปานีมาประกอบได้อย่างลงตัว เป็นการหาความงดงามจากของง่าย ๆ ผมคิดว่านักศึกษาที่กำลังเรียนเรื่องการประพันธ์เพลงน่าจะได้ลองฟังดู...

ดูหนังเรื่องนี้แล้ว ผมหัวเราะดัง ๆ เหมือนดู "บางรักซอย 9" ไม่ได้ ต้องแอบหัวร่อในใจอ่ะ!

Thursday, June 19, 2014

วิชาดนตรีสำหรับเด็ก


วันนี้ผมไปค้นเจอภาพวาด "คนเล่นเชลโล" จากฝีมือของเด็กหญิงยูกิ นักเรียนชั้นประถม ๑ โรงเรียนเพ็ญจิตตพงษ์ ทำให้นึกถึงช่วงหนึ่งปีที่ได้ไปสอนแทนพี่ชาย... 

นับเป็นความภูมิใจที่ผมได้ไปสอนให้เด็กนักเรียนได้รู้จักเครื่องดนตรีหลาย ๆ อย่าง แม้แต่ไม้บาตอง (baton) เด็ก ๆ ก็ได้เห็นและรู้จักหน้าที่ของมัน  เชลโลก็รู้จัก!


จำได้ว่าผมเคยนำฮาร์โมนิก้าไปแจกเด็ก ๆ ด้วย เลิกไปสอนแล้ว...แม้จะไม่มีใครสานต่อ แต่ผมก็หวังว่าสิ่งที่เด็กนักเรียนได้เรียนรู้จากครูวิชัยคงจะอยู่ในความทรงจำ สามารถนำไปบอกลูก ๆ หลาน ๆ ในอนาคตได้ว่าเรียนดนตรีแล้วมีความสุข...

แค่นั้นผมก็พอใจแล้ว!

Saturday, June 14, 2014

เครื่องมือติดตั้งลูกบิดประตู...


ช่วงนี้ที่ห้างฉัตรฝนตกเกือบทุกวัน บางครั้งมีลมแรง มันพัดประตูห้อง workshop ของช่างเหอะซึ่งยังไม่ได้นำกลอนมาใส่ให้ขยับไปมา...น่ารำคาญ! 



ต้องหาวิธีล็อคประตูแล้วล่ะ  ถามตัวเองว่าจะเลือกใช้กลอนประตูเหล็กแบบที่ใช้กับประตูตรงระเบียงชั้น ๒ และชั้น ๓ ดีไหม?  ผมชักเบื่อ...ไม่อยากใช้กลอนแบบนั้นกับประตูห้อง workshop ซะแล้ว!  พอดีมีลูกบิดประตูเก่า ๆ ที่ถอดเก็บไว้ ถ้าจะนำมาใช้ ก็ไม่ต้องซื้อกลอน กุญแจ และมือจับประตู   แต่ปัญหาคือผมยังไม่มีเครื่องมือสำหรับเจาะใส่ลูกบิดประตู...

วันก่อนไปซื้อมาแล้ว เป็นแบบถูก ราคาร้อยกว่าบาท มีแค่สองชิ้นดังนี้...


เครื่องมืออย่างอื่นก็มีสว่านไฟฟ้า ไขควง ค้อน และสิ่วปากแบน 

วิธีติดตั้งลูกบิดประตูก็ไม่ยากครับ  เพื่อน ๆ ต้องเจาะที่บานประตูเพื่อติดตั้งลูกบิด โดยใช้เจ้าตัวเจาะตัวใหญ่ที่มีฟันโดยรอบ (ภาษาปะกิตเค้าเรียกว่า Holesaw)


ตามภาพ A เค้าใช้กระดาษรูปแบบที่ให้มากับชุดลูกบิดประตูตัวใหม่ แต่ถ้าเพื่อน ๆ ใช้ของเก่าเหมือนผม คงต้องกะหาตำแหน่งเอาเอง ซึ่งไม่ยาก ให้วัดจากขอบประตูเข้าไป ๖.๒ ซม. ใช้เหล็กนำศูนย์เจาะทำเครื่องหมายเอาไว้ แล้วเอาปลายดอกสว่านจับตรงนั้น ตั้งสว่านให้ดี กดสวิชเจาะได้เลย ประคองสว่านให้อยู่ในตำแหน่งขนานกับพื้นตลอดเวลา  ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ กดให้ฟันเลื่อยกินเข้าไปในเนื้อไม้จนทะลุ ได้รูขนาดใหญ่...

(คำเตือน - เวลาทะลุต้องระวังสว่านบิดตัวอย่างแรงด้วย อาจทำให้ข้อมือบิดตาม แล้วเกิดอาการเคล็ดได้)




จากนั้นก็ต้องเจาะรูสำหรับเดือย (ในภาพเค้าใช้  Holesaw ขนาดเล็ก) แต่เครื่องมือที่ผมซื้อมาเป็นใบมีดเจาะปลายแหลมอย่างที่เห็นในภาพ ซึ่งก็ใช้ได้เหมือนกัน อย่าลืมหาตำแหน่งศูนย์กลางข้างประตูให้ตรงก็แล้วกัน...

ความจริงผมก็ mark ตำแหน่งที่จะเจาะไว้ถูกต้องแล้วนะ แต่ด้วยความเผลอเรอบวกกับความมึนงง ดันเจาะผิดที่ กว่าจะรู้ก็กินเนื้อไม้เข้าไปไม่น้อยแล้ว  ต้องขยับขึ้นมาเจาะให้ถูกตำแหน่ง เลยทำให้เกิดรอยน่าเกลียด แต่ก็แก้ไขได้ไม่ยาก ผงโป้วช่วยได้ เดี๋ยวมีเวลาค่อยโป้ว พอแห้งก็ขัดกระดาษทราย แล้วนำสีมาทาทับ...


ตอนนี้ปล่อยไว้อย่างเนี้ยก่อน...


ผมทำงานไม่รอบคอบ อายจังเลย อิอิ...