Thursday, March 26, 2015

โน้ตแบนโจ

หลังจากเทปูนหล่อเสาจนมืดจนค่ำแล้วปล่อยทิ้งไว้ ๒ คืน.... ผมก็แกะไม้แบบออก


โห!!  ส่วนล่างเรียบร้อยดีมีปูนเต็ม แต่ด้านบนซึ่งต้องปีนเก้าอี้ขึ้นไปหยอดปูนลงรูก็เป็นอย่างที่เห็น (คิดแล้วเชียว)  แต่โดยรวมแล้วก็เป็นที่น่าพอใจ เพราะตอนช่วงสูง ๆ ทำงานลำบาก แถมมืดก่อนงานเสร็จซะอีก ไฟก็ไม่มี! 


ทำให้ดีได้ด้วยการผสมปูนกาวที่มีอยู่แล้วนำมาเติมเต็ม....


ด้านข้างก็เช่นกัน...


ตอนนี้ผมฉาบอุดไว้หมดแล้ว กลับจาก Travellin' light ไป Bukit Lawang ค่อยมาขัดกระดาษทรายแล้วทาสี วางมือจากงานปูน ผมพอมีเวลาได้จัดระเบียบไฟล์ใน hard disk ไปเจอไฟล์ PDF หนังสือโน้ตเพลงสำหรับแบนโจ ๑ เล่ม หนา ๔๕ หน้า ชื่อว่า "Riverboat Banjo by Mel Bay"  


บอกก่อนว่าเล่มนี้มิใช่ตำราแบนโจนะครับ แต่เป็นโน้ตสำหรับนำไปบรรเลงกับแบนโจ ซึ่งมีทั้งหมด ๒๐ เพลงดังนี้...
  • Southern Fried Banjo
  • Ring The Banjo
  • Civil War Medley 
  • There'll Be A Hot Time (in the Old Town Tonight)
  • Wait 'Till The Sun Shines Nellie
  • There's A Tevern in the Town
  • Oh! Dem Golden Slippers
  • Give My Regards to Broadway
  • At A Georgia Camp Meeting
  • Bill Bailey, Won't You Please Come Home
  • Listen to the Mocking Bird
  • The Entertainer
  • At the V.P. Fair (St. Louis Is Where)
  • The Wabash Cannonball
  • When the Saints Go Marching in
  • You're a Grand Old Flag
  • Going South
  • My Gal Sal
  • Dear Old Girl
  • The Stars & Stripes Forever

ยกตัวอย่างเช่น...



จากเรื่องงานปูน กระโดดมาเรื่องแบนโจ ไม่เห็นเข้ากันเลย!

Wednesday, March 25, 2015

อีกก้าวหนึ่งของ music room

นอกจากจะเตรียมจัดข้าวของเพื่อออกเดินทาง ก็ต้องเก็บงานในส่วนที่จำเป็น แล้วยังเขียนบล็อกทุกวัน...... ผมวุ่นอยู่กับงานจนหัวหมุน!!

ห้องสอนดนตรีบริเวณระเบียงชั้นลอยที่ผมเคยเล่าให้ฟังใช้เวลาเกือบ ๒ ปีเต็ม ก็ยังไม่เสร็จซักที ทุกวันนี้น้องเมเปิ้ลยังโดนยุงกัดขณะเรียนไวโอลิน...


แต่ก็ไม่เลวนะ ผมทำแบบค่อยเป็นค่อยไปจนได้รูปได้ร่างขึ้นแล้ว ยังแปลกใจอยู่เหมือนกันว่าตัวคนเดียวยกโครงหน้าต่างไม้เก่าขึ้นมาวางข้างบนนี้ได้อย่างไร? เข้าใจว่าคงเป็นเพราะขนาดพอดีกับบริเวณที่จะติดตั้งด้วย เมื่อดึงขึ้นมาวางไว้จึงไม่ตก ของหนัก ๆ อย่างนี้ทำคนเดียวลำบากไม่น้อยเลย  ผมสบายใจเมื่อได้ตีตะปูยึดโครงหน้าต่างไว้แล้ว...


วันก่อนไปซื้อปูนกาวสำหรับปูกระเบื้องมา ๑ ถุง ที่เลือกใช้ปูนประเภทนี้เพราะมีงานกระเบื้องรออยู่ ขณะเดียวกันก็ต้องฉาบตกแต่งและเติมเต็มในส่วนที่เป็นรูเป็นร่องด้วย (ไม่รู้ว่าใช้งานผิดประเภทหรือเปล่า? หุหุ) ปูนถุงนี้ถุงเดียวใช้มันทุกอย่าง...เอาเข้าไป!


อัดข่องว่างระหว่างวงกบกับคาน...


โครงหน้าต่างของเดิมใช้บานปิดเปิด.... 


เปลี่ยนมาใช้บานเกล็ด จึงต้องดัดแปลงให้วงกบด้านนอกใช้ยึดกับชุดบานเกล็ดได้ ผมไปซื้อไม้สำเร็จจาก Global House มาลองดูก่อน ๔ เส้น ๆ ละ ๑๙ บาท...


เลือกที่ยาวพอกับความสูงของช่องหน้าต่าง แม้จะหน้าแคบไปหน่อยก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวแต่งได้...


นำมาตัดแล้วทากาวลาเท็กซ์...



ตีให้เสมอกับด้านด้าน ด้านหลังจะห่างก็ช่างมัน...


ตีประกบทั้งสองข้างแล้วปล่อยไว้อย่างนั้นก่อน เดี๋ยวค่อยโป้วและขัดกระดาษทราย ไม่ต้องทำดีนัก เพราะจะได้ดูเข้ากับของเก่า...



ทิ้งงานใส่บานเกล็ดไว้ก่อน....


เมื่อวานนี้ ผมหันไปเทปูนในส่วนที่เป็นช่องว่างระหว่างโครงหลังคาและที่ติดกับฝาผนัง หาเศษไม้อัดมาตีแปะเต็มด้านนอก ส่วนด้านในค่อย ๆ ตีไปทีละขั้น เพื่อจะได้เทคอนกรีตลงไป.....


ใช้ปูนที่มีอยู่นั่นแหละ ถ้าผสมแค่ปูนแล้วเทลงไปเลยก็ง่ายหน่อย...แต่ผมดันไปเอาหินขึ้นมาผสมด้วย!



มีหินด้วยทำให้เทปูนลงรูขนาดไม่ใหญ่ลำบากมั่ก ๆ ผมหากะละมังเก่ามาใส่คอนกรีต ค่อย ๆ นำขึ้นไปยืนบนเก้าอี้สูง แล้วใช้ทัพพีเก่าค่อย ๆ ตักใส่ทีละนิด ๆ


เต็มแล้วก็ตีไม้ประกบอีก เทปูนอีก  ดูเหมือนง่ายแต่ไม่ง่าย! ผมต้องโหนขึ้นลงขึ้นลงหลายครั้งกว่าจะเทปูนได้เต็ม


ต่อจากนั้นก็ไปทำด้านที่ติดกับผนังซึ่งยากขึ้นอีก กว่าจะเสร็จก็เล่นซะมืด ผมต้องทิ้งเอาไว้ก่อน...


ปูนแห้งดีแล้วค่อยแกะไม้ออก ใช้ปูนที่มีอยู่แต่งให้เรียบร้อย...

คงต้องเป็นหลังสงกรานต์แล้วล่ะ!!

Tuesday, March 24, 2015

คิดถึง banjo man


เช้านี้คิดถึงร้าน "ฉงน" ที่บ้านเก่าปงแสนทอง ผมตั้งใจว่าหลังจากกลับมาจาก Travellin' light ไปสุมาตรา ผมจะต้องเร่งมือทำให้ "ร้านเปียโน" บ้านขามแดงให้เกิดขึ้นจงได้... 



ตั้งใจจะใช้หนี้ให้หมดแล้วลงทุนอีก เงินที่เหลือจากการขายบ้านตอนนี้เหลือตัวเลขแค่ ๖ ตัวแม้จะต้องสำรองไว้เป็นค่าเลี้ยงดูตัวเอง แต่ก็มิได้เป็นกังวล คิดว่าทำไปเหอะถ้ามันเป็นความฝันของเรา...

เมื่อพูดถึงร้านกาแฟก็อดคิดถึงคุณปิว เจ้าของร้าน Cowboy Corner ไม่ได้...


คุณปิว มือแบนโจผู้มีชื่อเสียงในจังหวัดลำปาง เป็นนักออกแบบที่มีความคิดสร้างสรรค์ไม่เบา เวลาไปเยือนร้านของคุณปิวทีไร ผมเป็นต้องแอบขโมยความคิดแปลก ๆ ใหม่ ๆ กลับมาทุกที...


แอบเห็นภาพซึ่งติดอยู่เหนือเคาน์เตอร์ เคยเป็นของผม แต่จำไม่ได้ว่าไปอยู่ที่ร้านคุณปิวได้อย่างไร?


ในภาพคือสมาชิกวงดนตรี "The Cactus" สองในสามได้ตัดช่องน้อยแต่พอตัวจากไปแล้ว เหลือเพียงคนเล่นเบสที่ยืนกลาง อีกไม่นานก็คงจะตามไป  เหลือเวลาอยู่ไม่มาก มีอะไรอยากทำก็ลงมือซะ วันนี้ผมจึงอยากนำ "ตำราแบนโจ" มาแนะนำอีก ๑ เล่ม...


เป็นตำราแบนโจหนา ๒๒๔ หน้า หนาที่สุดตั้งแต่เห็นมา สมแล้วที่เป็น Bluegrass Banjo Bible เสียดายจังที่ผมไม่ได้เล่นแบนโจ ไม่งั้นคงจะหามาฝึกเกาให้หายคันไปเลยทีเดียว อิอิ

ใช้เล่มนี้เล่มเดียว ถ้าเพื่อน ๆ ฝึกจริงจัง รับรองว่าเมืองไทยมี banjo man ผงาดขึ้นมาอีกคนนึงอย่างแน่นอน...

Monday, March 23, 2015

จำเลยรัก

ผมสแกนโน้ตเพลง "จำเลยรัก" เก็บไว้ในเว็บ wichai.net ให้เพื่อน ๆ นักดนตรีได้นำไปบรรเลงมานานแล้ว...


อยู่ในคีย์ Dm ถ้าเพื่อน ๆ เล่น accom นักร้องก็ลดคีย์ลงมาเป็น Cm ซะหน่อยเพื่อไม่ให้สูงเกินไปสำหรับนักร้องน้องรักทั่ว ๆ ไป...


โชคดีเหลือเกินที่ทุกวันนี้เราสามารถค้นคว้าหาข้อมูลที่อยากรู้ได้ง่ายและรวดเร็วชนิด in a flash  ไทยวิกิพีเดียให้ความรู้เกี่ยวกับนวนิยายเรื่อง "จำเลยรัก" ของ "ชูวงศ์ ฉายะจินดา" ไว้ดังนี้...
จำเลยรัก เป็นนวนิยายในปี พ.ศ. ๑๕๐๓ ตีพิมพ์ในเดลิเมล์วันจันทร์ ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๕๐๔ - ๒๕๐๕ เป็นเรื่องราวของความแค้นของ หฤษฎิ์ พี่ชายที่ต้องสูญเสียน้องชายของตนเอง และเขาโกรธแค้นหญิงสาวต้นเหตุ ถึงกับจับตัวมาลงโทษเพื่อให้หายแค้น โดยไม่รู้ว่าจับมาผิดคน ไปจับโศรยา แต่แกิดความรักกันจึงได้แต่งงานกัน สุดท้ายหฤษฎิ์ยอมรับทุกคำบัญชาของโศรยา นับจากนี้ตราบจนชั่วชีวิต บทประพันธ์นี้มีการนำมาสร้างเป็นภาพนยตร์และละครโทรทัศน์ อีกหลายต่อหลายครั้ง
จำเลยรัก ถูกนำมาสร้างทำเป็นภาพยนตร์ ๒ ครั้ง (พ.ศ. ๒๕๐๖, พ.ศ. ๒๕๒๑)  และละครโทรทัศน์ ๕ ครั้ง (พ.ศ. ๒๔๑๗, พ.ศ. ๒๕๒๓, พ.ศ. ๒๕๓๑, พ.ศ. ๒๕๔๑, พ.ศ. ๒๕๕๑) มาแล้ว แต่ละครั้งก็ได้รับความนิยมอย่างดี
ภาพจากไทยวิกิพีเดีย

ไฟล์ pdf  ของนวนิยาย "จำเลยรัก" (๔๔๙ หน้า) เล็กเพียง 10.70 MB ผมเห็นท่าจะต้องเก็บอัดลงมือถือไปอ่านในทริป Travellin' light ไปสุมาตราอีกสักเล่ม... 

Sunday, March 22, 2015

อ่านเรื่องผี! (ต่อ)

หลายวันก่อนใน"อ่านเรื่องผี!" ผมบอกเพื่อน ๆ ว่าชอบหนังสือชุด "ภูติผีปีศาจไทย" ของครู "เหม เวชกร" คิดว่าเพื่อน ๆ หนอนหนังสือก็คงจะชอบเช่นเดียวกับผม 


วันนี้ได้ไฟล์ pdf "เปิดกรุผีไทย" ตอน "ผ้าป่าผีตาย" มาอีก ๑ เล่ม เพื่อน ๆ ลองอ่านตัวอย่างของความสยองขวัญดูสิครับ...
...สุนัขยังไม่ทันจะขาดเสียงหอนดี
ก็เกิดมีกลิ่นเหม็นคลุ้งของศพอย่างชัด ๆ มาตามลม
ผมถึงกับชะงักหยุดอยู่กับที่...
ในเวลานั้นมันค่อนข้างหนาวเหลือเกิน
....มีสิ่งหนึ่งมากระทบหน้าผมฉาดเบ้อเร่อ
ผมตกใจตัวชาวูบเซไปนิดหน่อย...
แต่มันไม่มีอะไร! ไม่มีใครในที่นั้น!
มีแต่ความมืด!  และความว่างเปล่าของทางเดิน!
หนังสือหนา ๑๗๓ หน้า มีเรื่องภูตผีปีศาจที่ทำให้ขนหัวลุกดังนี้...
  • ไปชุบตัว
  • น้าเกียรติ
  • อ้ายกล้าจะตายไม่ได้
  • อ้ายบักสอย
  • อ้ายเรืองพเนจร
  • นั่งหวย
  • ผีปอบ
  • ผ้าป่าผีตาย
  • อ้ายป็อก
  • เงินยวง 
  • เรื่องเก่าของบ้านเกิด
  • อ้ายทุยผู้ซื่อสัตย์
 ขออนุญาตสแกนรูปประกอบในหนังสือมาให้ดูด้วยดังนี้...
...ป้าจีบหัวเราะแล้วหันหน้ามาดูผม... ไฟสว่างเห็นหน้ากันถนัด  คุณพระช่วย ผมตาค้าง นั่นไม่ใช่หน้าของป้าจีบ... 

...หมาใต้ถุนเราก็หอนโหยหวนขึ้นประดังกับเสียงที่ได้ยิน...มันเป็นเสียงใครไม่รู้....ผมสะดุ้งหัวใจวาบเหมือนใจจะขาดและหยุดเต้น...

...พอลืมตาหายห่วง...ผมก็กลับตกใจถึงกับสะดุ้งทั้งตัว  เพราะกระท่อมที่เรานอนอยู่นั้น...ไม่มีใครอยู่เลย...ผู้คนทั้งหมดที่เราพูดเราคุยกันเมื่อคืนไม่มีเลย เงียบเชียบ... 

...มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินแซงหน้าน้าเกื้อ....มองเห็นตะคุ่ม ๆ  ....ก็ใครล่ะครับ จะบุกเข้ามานุงนัวกับคนเมาในยามค่ำคืนที่วัดเปลี่ยวทั้ง ๆ ที่ตัวเป็นหญิงสาว... 
...แต่ในครู่นั้นเอง...ทั้งสี่เสานั้นมีคนไต่ลงมา...มันเป็นคนคนเดียวกันทั้งสี่เสา ฉันกับเพื่อนยืนขาสั่น.... 
...บัดนั้นฟ้าแลบ...แล้วมีพายุพัดอย่างแรงมาใส่เรา....เย็นเยือกเข้าจับหัวใจ ผมมองในความมืด เหมือนเห็นดวงตาใครสองดวงมองดูผม....
...น่าประหลาด...ถ้าคิดว่าฝัน...ทำไมในระหว่างที่กำลังพูดคุยอยู่กับเงินยวงผมยังได้ยินเสียงข้างล่างโรงแรม เสียงบ๋อย...มันไม่ใช่ฝันเสียแล้ว....ใจวังเวงพิลึก.... 
 ...ในขณะนั้นเอง ได้เกิดเสียงประหลาดขึ้น...เสียงที่ร้องนั้นมีตัวมีตน....ยืนอยู่ในความมืด...และในชั่วขณะนั้นเอง....มันก็หายไปเฉย ๆ....
...พอร่างนั้นเข้ามาใกล้ แล้วเอาผ้าคลุมหัวออก...ผมเห็นหน้าในแสงเดือนอ่อน ๆ  เท่านั้นแหละครับ...ผมผุดลุกขึ้นนั่ง...ตัวสั่น... 

เรื่องผียังมีต่อนะครับ!!  เพื่อน ๆ อย่าลืมหาใบหนาดมาเตรียมไว้ด้วยนะ....

Saturday, March 21, 2015

การล้างพิษ

ในกล่องของฝากจากเชียงใหม่ นอกจากสูบลมและไฟฉายซึ่งเป็นอุปกรณ์สำคัญสำหรับ touring bike แล้ว พ่อเลี้ยงบิมยังอุตส่าห์แอบใส่ผลไม้สีสวยมาให้อีก ๒ ลูก...


เกิดมาก็เคยได้กินเจ้าแอปเปิ้ลสตาร์เพียง ๒-๓ ครั้งเท่านั้น วันนี้ผมโชคดีได้ลิ้มรสมันอีก ขอบคุณมาก ๆ ครับ... 




เกี่ยวกับเรื่องผลไม้ ผมก็เพิ่งได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับสุขภาพ (หนา ๑๓๓ หน้า) ที่ชื่อว่า "Detox ล้างพิษเพื่อชีวิตที่สดใส" เรียบเรียงโดยกองบรรณาธิการ "ใกล้หมอ"


คิดว่าตัวผมเองก็ต้องหันมาใส่ใจกับสุขภาพให้มากกว่าเดิม ถ้าไม่งั้นอาจจะอยู่เขียนบล็อกให้เพื่อน ๆ อ่านได้อีกไม่นาน จริง ๆ แล้วอยากไปเข้าหลักสูตรล้างพิษตับที่สันติอโศก แต่ยังติดขัดด้วยเหตุผลบางประการ จึงขอค้นหาวิธีล้างพิษ (detox) ด้วยตนเองแบบง่าย ๆ ไปพลาง ๆ ก่อน  โชคดีที่วันก่อนดาวน์โหลดไฟล์ PDF ของหนังสือเล่มนี้มาได้ เนื้อความใน "คำนำ" ส่วนหนึ่งกล่าวว่า....

"การล้างพิษ" ถือเป็นหนทางหนึ่งที่จะช่วยขจัดสารพิษที่สะสมอยู่ภายในร่างกาย คล้าย ๆ กับการอาบน้ำเพื่อชำระสิ่งสกปรกที่เกาะติดอยู่ตามร่างกายภายนอก ซึ่งสิ่งที่ได้ตามมาก็คือ ความสดชื่น เช่นเดียวกับการล้างพิษ เพราะสิ่งที่ได้ตามมาก็คือ สุขภาพที่ดีขึ้น และประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้น....

หน้า ๒๒-๒๓ กล่าวถึงการล้างพิษซึ่งทำได้หลายวิธี ดังนี้...

  • การอดอาหาร โดยดื่มน้ำผัก ผลไม้ และชาสมุนไพร
  • การปรับสูตรอาหาร
  • การสวนทวาร
  • การออกกำลังกาย จนถึงจุด peak เพื่อให้ growth homone หลั่ง
  • ล้างพิษด้วยวิธีวารีบำบัด (Hydropathic Treatment)
  • การฝึกการหายใจ และระบบช่วยการหายใจ
  • การใช้เอนไซม์ เพื่อช่วยเรื่องการหมุนเวียนโลหิตและช่วยล้างโลหิตให้สะอาดขึ้น
  • การให้โลหิต หรือการถ่ายโลหิต (Blood Transfusion)

ข้อแนะนำในการเข้าโปรแกรมล้างพิษ ๑ วัน

  1. เริ่มต้นวันโดยการดื่มน้ำสะอาดผสมน้ำมะนาวคั้นสดครึ่งลูก
  2. เลือกผักหรือผลไม้ปลอดสารพิษชนิดใดชนิดหนึ่งดังต่อไปนี้ ได้แก่ แอปเปิ้ล องุ่น ลูกแพร์ สับปะรด มะละกอ แครอท แตงกวา หรือชเลอรี โดยเลือกเพียงชนิดเดียวเท่านั้น
  3. รับประทานผักหรือผลไม้ชนิดที่เลือกเพียงอย่างเดียว โดยรับประทานประมาณ ๔-๕ มื้อ แต่ไม่ควรทานตลอดเวลา เพราะจะทำให้ระบบย่อยอาหารไม่ได้พัก
  4. สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบในการรับประทานได้ เช่น ทานเป็นชิ้น ๆ หรือปั่นเป็นน้ำดื่ม เป็นต้น

การทานผลไม้ชนิดเดียวกันตลอดทั้งวัน จะทำให้ระบบย่อยทำงานได้สะดวก แต่หากผลไม้ชนิดนั้นมีไม่พอที่จะทานได้ทั้งวัน สามารถเปลี่ยนไปทานผลไม้อื่นได้ แต่ต้องทิ้งระยะห่างอย่างน้อย ๒ ชั่วโมง หากคุณหิวระหว่างมื้อให้ดื่มน้ำผลไม้ได้

อยากให้เพื่อน ๆ ได้อ่าน และหันมาดูแลสุขภาพตัวเองให้มากขึ้นครับ...

Note - ขอขอบคุณข้อมูลจากหนังสือ "Detox ล้างพิษเพื่อชีวิตที่สดใส"