Friday, January 20, 2012
กล้องพัง!
และแล้ว…ก็เป็นจริงดังคาด! เจ้ามิวซาว กล้องที่ผมใช้ถ่ายภาพลงเว็บมาได้หลายปีก็ถึงวาระที่ต้องพักผ่อนซะแล้ว! สวิชไม่ทำงานครับ! ปกติแล้ว ถ้าเลื่อนฝาปิด(ที่มีคำว่า OLYMPUS) ออกจากหน้าเลนส์ สวิชจะทำงาน เจ้าเลนส์ที่หลบอยู่ก็จะยื่นออกไปข้างหน้า เสียงดังแซดดด….. เข้าสู่โหมดที่พร้อมจะใช้งาน แต่อนิจจา…ตอนนี้มันเงียบสนิท!
ภาพตึกแถวที่กำลังจะลงประกาศขายทางเน็ตคือผลงานชิ้นสุดท้ายของเจ้ามิวซาว
กล้องที่ประมูลมาในราคาพันกว่าบาท สามารถใช้งานมาได้ขนาดนี้ ก็นับว่าคุ้มแล้ว แต่ผมยังรู้สึกเสียดาย…อยากจะใช้บันทึกภาพต่อไปเรื่อย ๆ เพราะเจ้ามิวซาวใช้งานง่าย ถูกใจผมตรงที่มีช่อง view finder ซึ่งกล้อง compact ยุคใหม่ ๆ ไม่มี ผมอยากจะส่งไปให้ช่างดำซ่อมก็เกรงว่าจะไม่คุ้ม
แปลกจริง ๆ เวลาที่อะไรเสีย มันมักจะมีอย่างอื่นเข้าร่วมประท้วงกับเค้าด้วย เจ้ามิวซาวนี่ก็เป็นตัวอย่างที่ทำให้ผมต้องปวดหมอง งานนี้…แม้แต่”ช่างเหอะ” ก็ต้องส่ายหน้าครับผม! ไม่น่าเชื่อว่า…การจากไปของเจ้ามิวซาวจะทำให้ผมมีข้ออ้างที่จะไม่เขียนบล็อก ทั้ง ๆ ไม่เห็นจะต้องใช้ภาพประกอบจากเจ้ามิวซาวซักกะหน่อย!
อย่างไรก็ตาม ผมก็ได้ตั้งคำถามไว้ในใจแล้วว่า “ถ้าไม่มีเจ้ามิวซาว…ผมจะใช้กล้องที่ไหน มาใช้ทำเว็บหรือเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก?” ก็ยังมีกล้องที่อยู่ในโทรศัพท์มือถือซึ่งผมประมูลมาใช้ในราคาพันกว่าบาท (อีกแย้ว..ประมูลหาของถูกที่เสียง่าย) ซึ่งพอจะใช้เก็บภาพได้ แต่มันไม่ค่อยชัด ผมลองถ่ายภาพ “Paisitt Violin” มาให้ดูดังนี้…
บ่ายวันนี้ ผมขี่แมงกะไซค์ไปรับเบี้ยยังชีพที่กองสวัสดิการสังคม เทศบาลเมืองเขลางค์นคร ระหว่างทางผมเห็นสภาพท้องทุ่งและต้นข้าวเขียวขจี ยังมีบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติให้ได้สัมผัส ในขณะที่สองข้างทางหลวงสายเลี่ยงเมืองกำลังมีการก่อสร้างอาคารร้านค้ามากมายหลายแห่ง เห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะต้องจอดรถ…เก็บภาพมาฝากเพื่อน ๆ
ลำปางยังหาภาพเช่นนี้ดูได้ไม่ยากครับ…
ถ้าดูให้ดีจะเห็นว่าไกลออกไปกำลังมีการถมที่เพื่อก่อสร้างอะไรสักอย่างหนึ่ง พื้นที่ท้องนา(ก๋างโต้ง)กำลังถูกรุกราน ทำให้เหลือน้อยลงทุกที ๆ ทีแรกผมก็ไม่ค่อยได้สังเกตอะไรเท่าไหร่ จนมีชายคนหนึ่งส่งเสียงถามผมว่า “ที่นั่นกำลังจะสร้างอะไร?” (แปลจากกำเมืองแล้วเน้อ) ผมบอกว่าไม่รู้ เค้าโต้ตอบ “อ้าว…เห็นถ่ายรูป นึกว่ารู้!!” ผมหัวเราะในใจ…แล้วบอกไปว่า “ผมถ่ายรูปม้าต่างหาก”
ก็อยากรู้เหมือนกันครับว่าเค้ากำลังจะไปสร้างอะไรไว้ตรงนั้น!
อ่อ…บนถนนสายเลี่ยงเมือง ผมเห็นอุบัติเหตุรถยนต์ชนกันด้วย ระยะนี้ผมได้ข่าวที่ฟังแล้วหดหู่อยู่บ่อยครั้ง มันเกิดขึ้นกับผู้ที่เคยพบเห็นก็มี ที่ไม่รู้จักก็มี ผมเพียงแค่อยากยกมาเป็นอุทาหรณ์ เพื่อเตือนใจไม่ให้ประมาทกันเท่านั้นครับ
ที่แผนกจิตเวช โรงพยาบาลศูนย์ จะมีผู้ช่วยพยาบาลคนหนึ่งซึ่งคอยให้บริการคนไข้เป็นอย่างดี เธอเป็นคนมีน้ำใจและทำงานด้วยความขยันขันแข็ง ตอนเช้าต้องรีบส่งลูกไปโรงเรียนก่อนที่จะไปทำงาน วันนั้นมีเพื่อนซ้อนไปด้วยอีกหนึ่งคน เผอิญไปเกี่ยวกับรถอีกคันหนึ่งจนล้มลง ในขณะที่ทั้งสองกำลังพยุงตัวลุกขึ้น ก็มีรถยนต์คันหนึ่งมีเข้าชนอย่างเต็มแรงจนเสียชีวิตทั้งคู่ เป็นที่โศกเศร้ากันทั้งผู้คนในแผนกจิตเวชและคนที่เคยได้เห็นได้รู้จัก ผมก็เคยเป็นคนหนึ่งที่เคยไปรับยาให้พี่ชายนานเป็นปี ๆ ได้รับการบริการที่ประทับใจมาโดยตลอด พอได้ทราบข่าวก็รู้สึกสลดใจและเสียใจด้วยเป็นอย่างยิ่ง…
อ่อ…ก่อนจะไปที่เทศบาลเมืองเขลางค์นคร ผมต้องไปธนาคาร ระหว่างรอคิว ผมหยิบหนังสือพิมพ์มาอ่าน… พาดหัวมีว่า
มีภาพประกอบด้วยครับ…
ด้วยความเคารพต่อผู้เสียชีวิต ผมขออนุญาตนำมาลงไว้เพื่อเตือนใจทุก ๆ คน ขออย่าได้ประมาท อย่าลืมว่าทุกครั้งที่ท่านต้องขับรถพาผู้อื่นนั่งไปด้วย ให้ระลึกอยู่เสมอว่าท่านกำลังรับผิดชอบในชีวิตซึ่งมอบหมายไว้ให้ท่าน ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา ไม่ใช่เพียงแต่ท่านเท่านั้นที่จะต้องสูญเสีย แต่ยังมีอีกหลายชีวิตซึ่งผูกพันที่จะต้องพลอยสูญเสียไปกับท่านด้วย…
๔ พี่น้องเดินทางออกจากกรุงเทพฯ เพื่อท่องเที่ยวภาคเหนือ แล้วต้องมาพบจุดจบเช่นนั้น นับเป็นเรื่องที่น่าเวทนาและเป็นการสูญเสียที่ประเมินค่าไม่ได้จริง ๆ ครับ…
กล้องพังยังซื้อใหม่ได้ แต่ชีวิตของทุก ๆ คนไม่มีอะไรทดแทนได้!
จงอยู่ในความไม่ประมาทนะครับ….
Labels:
olympus,
กล้องพัง,
ความประมาท,
ท้องทุ่ง,
ภาพตัวอย่าง,
อุบัติเหตุ
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment