ผมชอบอ่านและชอบขีดชอบเขียนมาตั้งแต่เมื่อตอนเป็นเด็กนักเรียนแล้วหละ เคยฝันที่จะมีโรงพิมพ์ของตนเองและทำนิตยสารออกจำหน่าย อยากเป็นนักเขียน อยากเป็นบรรณาธิการ อยากเป็นช่างศิลป์ ทั้ง ๆ ที่เกือบตกวิชาภาษาไทยมาโดยตลอด ส่วนวิชาวาดเขียนก็ไม่เคยได้คะแนนดี...
ตอนเรียนช่างไฟฟ้าที่วิทยาลัยเทคนิคภาพพายัพ ผมตั้งสำนักพิมพ์ขึ้นเล่น ๆ โดยให้ชื่อว่า "สำนักพิมพ์ลมม้า" ตั้งตัวเองให้เป็นทั้งบรรณาธิการและนักเขียน ออกหนังสือเกี่ยวกับไฟฟ้า-อีเลคทรอนิคส์ ในชื่อว่า "A.M. Electronics" ตอนนั้นผมเขียนเองอ่านเอง โดยมีบรรจงเพื่อนสนิทเป็นผู้เขียนภาพประกอบ ฉบับสุดท้าย ฉบับที่ ๓ เดือนพฤษภาคม ๒๕๑๐ ไม่คลอด เพราะผมเขียนได้เพียงครึ่ง ๆ กลาง ๆ
ขอสแกนที่นายมือบอนตอบปัญหา Electronics มาให้ดูหน่อยละกัน...
บ้าไหมล่ะ? ผมถามเองตอบเอง โดยใช้ปากกาคอแร้งเบอร์ ๓ จุ่มน้ำหมึกอินเดียนอิ้งค์ เขียนตอบไปเรื่อย ๆ หากหมึกเลอะก็ใช้กระดาษซับซับ...
พอไปเรียนอยู่เทคนิคกรุงเทพ ปี ๒๕๑๓ ผมก็ทำ E.E. News โดยใช้เครื่องพิมพ์ดีดแบบกระเป๋าหิ้วซึ่งยืมจากเพื่อนที่ชื่อวิบูลย์ โตทอง ผมนั่งพิมพ์อยู่ที่ห้องในหอพักจำนงค์ แล้วก็นำไปให้เพื่อน ๆ แผนกอีเล็คทรอนิคส์ชั้นปีที่ ๔ ได้อ่านกัน ครั้นไปเรียนที่ดุริยศิลป์ ปี ๒๕๒๐ ผมก็พิมพ์ "ดุริยสาร" ด้วยเครื่องพิมพ์ที่ซื้อเอง แล้วนำไปติดไว้ที่บอร์ดตึกดนตรีให้เพื่อน ๆ อ่าน...
วันนี้ผมอยากจะสแกน E.E. News ฉบับที่ยังคงเหลืออยู่ให้เพื่อน ๆ ได้ดูซักหน่อย มีด้วยกัน ๘ หน้า ประกอบด้วยการ์ตูนเสียเป็นส่วนใหญ่
ที่ตึกอีเล็คทรอนิคส์ มีพื้นที่ว่างใต้ถุนตึกซึ่งใช้เป็นที่เล่นฟุตบอลในร่มได้ นักศึกษารอบเช้าปี ๔ ได้ตกลงที่จะแบ่งออกเป็น ๔ กลุ่ม เรียงรายชื่อตามลำดับตัวอักษร ได้เป็น หมู่ ๑ ถึงหมู่ ๔ แต่ละหมู่ก็จะจัดทีมนักเตะจำนวน ๕ คน ซึ่งประกอบด้วย กองหน้า ๒, กองหลัง ๒ และผู้รักษาประตู จากนั้นก็จัดให้มีการแข่งขันแบบพบกันหมด โดยใช้เวลาช่วงพักรับประทานอาหารกลางวัน ผมอยู่หมู่ ๔ แต่ไม่ได้ลงแข่งขันกับเค้าหรอก ขอทำหน้าที่ผู้สื่อข่าวและบรรณาธิการ E.E.News
จำไม่ได้แล้วว่ากิจกรรมเตะลูกพลาสติกของนักศึกษาปี ๔ ที่ใต้อาคารอีเล็คทรอนิคส์ในช่วงปี ๒๕๑๓ มีที่มาอย่างไร ตอนนั้นคำว่า ฟุตซอล (Futsal) ก็ยังไม่ปรากฏ มันเป็นภาพที่ยังคงประทับใจของนักศึกษารุ่น "ตึกพัง" บางคน หลายคนอาจจะลืมเลือนไปแล้วก็ได้ แต่ถ้าเขาเหล่านั้นได้มาเห็นภาพ E.E.News ฉบับนี้ คงจะระลึกได้ถึงความสนุกสนานของนักศึกษาทั้งห้อง ก และ ห้อง ข ในช่วงเวลานั้น...
น่าเสียดายที่ไม่มีใครในหมู่ ๑ ถึง ๔ ที่จะได้เห็น E.E. News ฉบับนี้!!
No comments:
Post a Comment