Friday, April 27, 2012

อย่าเสือก!

ดูเหมือนว่าวันนี้ผมตั้งชื่อเรื่องไม่สุภาพเอาซะเลย!  การนำ ส เสือมาใส่เกือกทำให้การพูดจาของผมใกล้เคียงกับบรรดาท่านผู้ทรงเกียรติในรัฐสภา(บางคน)เข้าไปทุกที ๆ แต่เอาเหอะ...ถ้าจะทิ้งหนังสือสมบัติผู้ดีทิ้งไปสักวันหนึ่งก็คงไม่เป็นไร! 

วันนี้...ผมอยากพูดเรื่องการยื่นหน้าเข้าไปเสนอแนะ หรือให้ความช่วยเหลือเรื่องข้อมูลให้กับบรรดาฝรั่งนักท่องเที่ยวที่ได้เจอะเจอบนเส้นทางที่ก้าวไป



แตกต่างจากเมื่อ ๒๐-๓๐ ปีก่อน ปัจจุบันนี้วิถีทางของบรรดานักเดินทางแบกเป้เปลี่ยนไปเยอะ แทบทุกคนมีคัมภีร์ของการเดินทางเล่มหนาอยู่ในมือ เค้าจะใช้มันเป็นผู้นำทางซึ่งบอกอย่างละเอียดทุกขั้นตอนว่าควรเดินทางอย่างไร กินที่ไหน และต้องเข้าพักที่ใด นอกจากนั้นส่วนใหญ่ยังมีเครื่องมือสื่อสารจำพวก netbook, iPad, iPhone หรือแท็บลกแท็บเล็ตอะไรต่อมิอะไรพกพาไปด้วย สามารถที่จะจับจองห้องพักไว้ล่วงหน้าก่อนเดินทางไปถึงด้วยระบบ 3จี!


สำหรับตัวกระผม...ก็ใช้ระบบ 3จีเช่นกัน แต่แตกต่างตรงที่ว่ามันเป็น จี(จน) จี(เจียม) และจี(จำกัด)  เคยมีประสบการณ์แบกเป้ในสมัยที่นักเดินทางยังไม่มีเครื่องมือช่วย เวลาเจอกันก็จะคุยและแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน ใครรู้จักที่พักราคาถูกและดีก็แนะนำ บางครั้งถึงกับแชร์ห้องพักเพื่อความประหยัดก็ยังทำได้ (แชร์ห้องที่พักอย่างเดียวนะ อิอิ)



แต่ทุกวันนี้...นักเดินทางรุ่นใหม่เค้าไม่เชื่อคนอื่นหรอก นอกจากทำตามคัมภีร์ที่มีอยู่ในมือ พอใกล้ถึงจุดหมายปลายทาง...ต่างก็หยิบหนังสือเล่มหนาออกมาเปิดดูว่าจะต้องเดินตรงไปพักที่โรงแรมอะไร จ่ายคืนละเท่าไหร่ ต่อให้มีโรงแรมที่ถูกกว่าหรือแชร์กันได้ เค้าก็ไม่สนใจ!

วัตถุประสงค์ในการเดินทางของเขาคือการไปให้ถึงจุดหมาย เพื่อให้บอกได้ว่าครั้งหนึ่งในชีวิตได้ไปเยือนมาแล้ว ดังนั้นผมจึงได้เห็นภาพหนุ่มสาวนักเดินทางที่เอาแต่หลับ ๆๆ ในช่วงที่รถวิ่งไปตามเส้นทาง เขาไม่สนใจภาพบ้านเรือนและผู้คนแปลกตาซึ่งอยู่สองข้างทาง ตั้งหน้าตั้งตาหลับตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง!


ต่างกับผมซึ่งตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา...นักเดินทางผู้หลับใหลไม่มีโอกาสได้เห็นฝูงเป็ดหรือหมูที่เดินเตร่ขวางอยู่หน้ารถ เธอไม่ได้สังเกตหรอกว่าควายในเมืองลาวนั้นมีขนหนากว่าควายไทย ไม่รับรู้แม้กระทั่งตอนที่รถสองคันต้องห้ามล้อกระทันหันเมื่อเผชิญหน้ากันบนเส้นทางแคบและคดเคี้ยว ลืมตาอีกทีเธอก็ถึงจุดหมาย พร้อมที่จะถูกจูงให้เดินต่อไปตามเส้นทางที่คัมภีร์บอกไว้!


นักเดินทางส่วนใหญ่มุ่งหน้าไปเหมือนการบรรเลงเพลงคลาสสิกซึ่งเล่นตามโน้ตที่กำหนด แต่การเดินทางของผมเปรียบเสมือนการบรรเลงเพลงแจ๊สซึ่งกอปรด้วยการ improvise ผมเปลี่ยนเส้นทางได้ทุกเมื่อ ไม่กลัวที่จะต้องเผชิญกับการแบกเป้หาที่พักในยามค่ำคืน


ได้เจอครูสาวชาวสวิสวัย ๓๐ คนหนึ่งบนรถโดยสารสายอุดมไชย-หลวงพระบาง คัมภีร์นักเดินทางบอกให้เธอไปพักที่ Riverside Guest House เธอบอกด้วยว่าจะต้องจ่ายค่าตุ๊ก ๆ เท่าไหร่ แต่เราไปถึงหลวงพระบางเวลาประมาณ ๔ ทุ่ม ตอนนั้นมีตุ๊ก ๆ อยู่คันเดียวรอรับเหยื่ออยู่ที่ท่ารถ เค้าเรียก ๒๕ พันกีบ หรือ ๑๐๐ บาทต่อหัวสำหรับการพาไปยังที่พักที่ต้องการ ผมเองขนาดเป็นคนที่รัดเข็มขัดสุด ๆ ก็ยังไม่ปฏิเสธที่จะจ่าย เพราะรู้ดีว่าที่ไหนก็เหมือนกันหมด นักเดินทางแบกเป้มาถึงด้วยความเหนื่อยล้าตอนสี่ทุ่ม!  ถ้าเป็นกลางวันผมคงจะแบกเป้เดินออกจากสถานีขนส่งแล้วมุ่งหน้าหาที่พักด้วยตนเอง!

สาวยุโรปบอก "Riverside Guest House" ลูกเดียว แถมบ่นด้วยว่าค่าตุ๊ก ๆ แพงมาก ในหนังสือบอกว่าถูกกว่านั้น!

ทุกคนมีเส้นทางของตนเอง...โดยอาศัยคัมภีร์นักเดินทางและอุปกรณ์สื่อสารทันสมัย เขาไม่ฟังเราหรอก เพราะฉะนั้นอย่าได้ใส่เกือกให้กับเสือโดยเข้าไปให้คำแนะนำเลย เสียเวลาเปล่า!

ผมไม่เคยให้ความสนใจ คิดว่ายูไปของยู...ไอไปของไอ แต่ถ้าได้นั่งติดกัน...ก็คุยกันได้


อย่างไรก็ตาม บางครั้งก็จำเป็นต้องยื่นจมูกเข้าไป อย่างเช่น ตอนที่รถตู้ห้วยทราย-หลวงน้ำทาจอดให้ผู้โดยสารลงฉี่ข้างทาง มีรถตู้อีกคันวิ่งเข้ามาจอด แล้วมีฝรั่งกลุ่มหนึ่งลงมาเจรจาสอบถามด้วยเรื่องอันใดก็ไม่รู้ ผมยืนดูอยู่ห่าง ๆ เห็นว่าสื่อสารกันไม่เข้าใจจึงได้ยื่นหน้าเข้าไป ไม่งั้นคงจะไปไหนมาสามวาสองศอกกันอยู่นาน!  ฝรั่งคนนั้นแค่เพียงอยากรู้ว่าแถวนั้นมี "ห้องส้วมที่ถูกสุขลักษณะ (Sanitary Toilet)" หรือเปล่า การเสือกของผมช่วยให้ทุกคนถึงบางอ้อ แยกย้ายกันเดินทางต่อ!




ลืมถามฝรั่งคนนั้นว่า..ที่เห็นในภาพนั่นจัดว่าเป็น Sanitary Toilet ด้วยอ่ะป่าว? อิอิ

No comments: