เมื่อวานนี้ได้คุยกับพ่อเลี้ยงภุชงค์ เจ้าของโรงแรมภราดรและผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์เสรีไทยจังหวัดแพร่ทางไลนเกือบทั้งวัน...ผมบอกว่าเมื่อแข้งขาหายดีแล้วจะไปพักอยู่กับพ่อเลี้ยงหลาย ๆ วัน อยากปั่นจักรยานเก็บภาพสถานที่ต่าง ๆ ในเมืองแพร่มาให้เพื่อน ๆ ได้ดู...
พ่อเลี้ยงกล่าวชมว่าทำอะไรได้หลายอย่าง แต่จริง ๆ แล้วผมรู้ตัวดีว่าไม่ได้ดีซักอย่าง เครื่องสายอย่างเช่นไวโอลินหรือเชลโลก็พอเล่นได้แค่ชาวบ้านไม่เขวี้ยงก้อนหินใส่หลังคา ครั้นเอาไปสอนได้แค่เพียงเด็กหัดใหม่ พอนักเรียนเก่งหน่อยก็สอนไม่ได้แล้ว เปีย-นง...เปียโนรึก็เช่นเดียวกัน ผมมั่วทั้งนั้น!
พอริจะเป็นชาวสวน แม้จะควงจอบพรวนดินได้คล่อง แต่ก็ไม่อยากให้โดนแม้แต่ไส้เดือน มีบ่อปลาก็จับปลาไม่เป็น มีสวนมะม่วงได้ผลมาก็ไม่รู้จะเอาไปขายให้ใคร ต้องเก็บใส่กระสอบปุ๋ยไปทิ้งถึงแม่เมาะ...
มาถึงวันนี้ก้าวสู่บั้นปลายของชีวิต ผมคงจะไปทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว ต้องไปหาหมออายุรกรรมและหมอฟันที่โรงพยาบาลห้างฉัตร หมอตาและหมอหัวใจที่ในเมืองเป็นประจำ แล้วตาแก่คนเนี้ยจะไปไหนรอด! เมื่อจำเป็นต้องอยู่ก็ต้องหาอะไรทำ ผมหันมาสานฝันต่องาน "ร้านเปียโน"......
ปัญหาเรื่องที่เคยมีรถยนต์จอดขวางอยู่ ๒ คันนั้นถูกขจัดไปแล้ว เจ้าอัลติสนั้นเจ้าของนำกลับไปเชียงใหม่ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ส่วนเจ้าโตของผมเมื่อชุบชีวิตแบตเตอรี่ของอาจารย์สุภาพได้ ผมก็ติดเครื่องขับออกไปให้ช่างมงคลซ่อมปะเก็นฝาสูบ ตอนนี้บริเวณชั้นล่างโล่งกว้าง ผมสามารถปรับปรุงให้เป็นร้านเปียโนในฝันได้ต่อ...
คิดถึงเรื่องการทำเค้าน์เตอร์บาร์ สมัยนี้โชคดีที่เข้าไปค้นหารูปภาพและบทความในอินเทอร์เน็ตได้ง่าย ใน Pinterest ผมได้ภาพมากระตุ้นความคิดมากมาย...
ถ้าผมทำเค้าน์เตอร์บาร์อีกตัวเดียว...ก็เปิด "ร้านเปียโน" ได้แล้วครับ
No comments:
Post a Comment