Friday, March 11, 2022

เล่นกับเผือก

ผมไปตลาดนัดวันพุธซึ่งจัดอยู่ใกล้บ้าน เห็นแม่ค้านำเผือกมาวางขายถุงละ ๑๐ บาท มันไม่ใช่เผือกหอมหัวใหญ่ ๆ แต่เป็นเผือกหัวเล็ก ...

ปกติก็ไม่ค่อยอยากเล่นกับเผือก เพราะรู้ว่ามันมีสารอะไรไม่รู้ทีทำให้คัน แต่ก็อดซื้อมา ๒ ถุงไม่ได้เพราะรู้สึกเห็นใจผู้ขุดเผือกขุดมันมาวางจำหน่าย ในขณะที่ผู้คนส่วนใหญ่ได้แต่เดินผ่านไปมา วิกิพีเดียกล่าวว่า...

พันธุ์เผือกที่พบในไทยแบ่งได้ 4 พันธุ์คือ

  • เผือกหอม เป็นชนิดหัวใหญ่ มีหัวเล็กติดอยู่กับหัวใหญ่เล็กน้อย ต้มรับประทานมีกลิ่นหอม กาบใบใหญ่สีเขียว
  • เผือกเหลือง หัวขนาดย่อม หัวสีเหลือง
  • เผือกไม้หรือเผือกไหหลำ หัวมีขนาดเล็ก
  • เผือกตาแดง ตาของหัวมีสีแดงเข้ม มีหัวเล็ก ๆ ติดอยู่รอบหัวใหญ่ เป็นกลุ่มจำนวนมาก กาบใบและเส้นใบสีแดง

medthai.com ให้ข้อมูลว่า...

เผือกช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย บำรุงร่างกายให้แข็งแรง ใช้เป็นยาลดไข้ มีธาตุเหล็กและฟลูออไรด์สูงช่วยป้องกันฟันผุ ทำให้กระดูกแข็งแรงได้ หัวเผือกเป็นอาหารที่ช่วยบำรุงลำไส้และแก้อาการท้องเสีย ช่วยบำรุงไต หัวเผือกเป็นอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง มีโปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม วิตามินบี 1 วิตามินซี และสารอาหารอื่น ๆ เกือบครบทุกชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย (แม้ว่าจะมีปริมาณไม่สูงมากนัก) เผือกจึงเป็นอาหารที่ให้พลังงานและบำรุงสุขภาพไปพร้อมกัน มีรสหวานจืดอมมันนิดหน่อย ย่อยได้ง่าย เหมาะทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ (แต่ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก เพราะเผือกมีแคลอรีสูง)
ข้อควรระวังในการรับประทานเผือก หัวและทั้งต้นมีผลึกแคลเซียมออกซาเลต (Calcium oxalate) ซึ่งมีฤทธิ์ทำให้คัน จึงไม่ควรรับประทานแบบดิบ ๆ ต้องนำมาผ่านการต้มหรือหมักก่อนถึงจะรับประทานได้ สำหรับบางรายก็อาจมีอาการแพ้เผือกได้ แม้จะทำให้สุกแล้วก็ตาม โดยอาการที่พบ คือ คันในช่องปากและลิ้นชา การรับประทานเผือกในปริมาณมากเกินไปจะทำให้ม้ามทำงานได้อย่างไม่เป็นปกติ
เอาเหอะ ไหน ๆ ก็ซื้อมาแล้ว คิดว่าน่าจะเป็นเผือกไม้ (?) การปอกเปลือกเผือกหัวเล็ก ๆ สำหรับผมแล้วนับเป็นการฝึกสมาธิและทดสอบความอดทนได้เป็นอย่างดี เผือกที่ซื้อมา ๒๐ บาทปอกเปลือกแล้วได้เกือบเต็มจาน...อย่างที่เห็น

เจ้าหัวเล็กหัวน้อยที่เลือกออก ผมกะว่าจะลองเอาไปฝังดิน (อยากรู้ว่ามันจะแตกหน่อหรือเปล่า?) ส่วนเศษเปลือกกองใหญ่ก็เอาไปทำปุ๋ย....

หั่นซะหน่อยแล้วล้าง ตอนนี้เริ่มคันแล้วจ้า เจ้ายางเหนียว ๆ นั่นแหละ หุหุ ผมนำเผือกแช่น้ำ คิดเอาเองตามประสาผู้ไม่มีความรู้ ตักเกลือป่นใส่ลงไปด้วยจำนวนนึง (จะได้ผลในการกำจัดสารพิษจากเผือกหรือเปล่าไม่รู้?) แช่น้ำไว้พักใหญ่แล้วเปลี่ยนน้ำ ยังไม่พอคราวนี้เอาน้ำส้มใส่อีก แช่อีก 

 
ล้างอีกหลายน้ำ...เมือกที่ติดกับเนื้อเผือกก็ยังไม่หมดสักกะที ในที่สุดผมก็ล้างน้ำสุดท้ายแล้วปล่อยให้สะเด็ดน้ำ จากนั้นก็นำมานึ่ง

 
สุกแล้วก็นำมาทำเผือกกวน โดยใส่เผือกทั้งหมดลงเคี่ยวในน้ำกะทิ + น้ำตาล + เกลือ คนไปเรื่อย ๆ พร้อมกับบดให้เละ (ระวังให้ดี อย่าให้ไหม้เด้อ)  ในที่สุด...ก็ได้เผือกกวนมาเต็มจาน กะว่าจะเอาไว้ทำไส้ซาลาเปา กินเปล่า ๆ หรือผสมข้าวต้ม
 

นาน ๆ กินทีคงไม่เป็นไรนิ!

No comments: