ย่างเข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี 2567 กิจวัตรแต่ละวันของตาแก่บ้านห้างฉัตรยังคงเป็นเช่นเดิม คือ สงบและเรียบง่าย...
อมน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นเพื่อทำ oil pulling แล้วขึ้นมาเดินเร็ว ๆ บนดาดฟ้า แกว่งแขนแกว่งขาพอให้คล้ามเนื้อคลายตัว เว็บ tcc.chaokoh.com กล่าวว่า...
การใช้น้ำมันในการอมกลั้วปากแล้วบ้วนทิ้ง หรือที่เรียกว่า ออยล์ พูลลิ่ง (Oil Pulling) ในอินเดียมีมานานนับพันปีแล้ว เพราะเชื่อว่าน้ำมันพืชเมื่อยู่ในปากแล้วสามารถดึงเอาจุลินทรีย์ที่ฟัน ซอกฟัน เหงือก ลิ้น กระพุ้งแก้ม เพดานปาก เมื่อน้ำมันมาอยู่ในปากก็ทำการบ้วนทิ้งไป เพื่อไม่ให้เชื้อก่อโรคทั้งหลายในช่องปากถูกกลืนเข้าไปในลำคอและเข้าไปตามส่วนต่างๆของร่างกาย ด้วยเหตุผลนี้จึงเป็นกลไกที่ทำให้รักษาได้หลายโรค...
เช้านี้ถ่ายภาพมาฝากเพื่อน ๆ ผมอยากให้เห็นดอยขุนตานที่อยู่ไกลสุดสายตาโน่น...
แนะนำให้เพื่อน ๆ ได้ไปสัมผัสบรรยากาศบน ย.4 - จุดสูงสุดดอยขุนตาน
สำหรับผมแล้ว...ตั้งใจว่าจะหาโอกาสไปอีก ไม่ยากเลยครับ! แค่ขับเจ้า Eddy ไปจอดไว้ที่บ้านสถานีแล้วนั่งรถไฟผ่าน 2-3 สถานีไปลงที่สถานีขุนตาน
จากนั้นก็แบกเป้เดินขึ้นดอยไปยังอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาน
ค้างคืนหนึ่งคืน เพื่อน ๆ จะตั้งเต็นท์นอนที่ลานชมดาว (ุถ้าไม่อยากเดินขึ้นดอยอีก) หรือจะเดินขึ้นดอยไปตั้งเต็นท์นอนบน ย.2 (เหนื่อยหน่อย) ก็ได้
เคยไปนอน ย.2 แล้ว คราวหน้าคงจะไม่ไปอีก แต่จะตั้งเต็นท์นอนที่ลานชมดาว วันรุ่งขึ้นก็เดินลงมาที่สถานีรถไฟขุนตานแล้วนั่งรถไฟกลับบ้านห้างฉัตร แค่นี้ก็มีความสุขได้ด้วยงบประมาณไม่เกิน 100 บาท...
เช้านี้ผมเก็บภาพเบื้องล่าง บริเวณสี่แยกไฟแดงห้างฉัตร (ใหม่)
เห็นรถราวิ่งผ่านไปมาแทบไม่ขาดสาย...
รถที่จะตรงไปเกาะคาก็มีไม่น้อย...
ที่น่าเห็นใจมาก ๆ คือคนขายพวงมาลัย ซึ่งเริ่มปรากฏให้เห็นนับแต่เปิดการจราจร เขาต้องเสี่ยงภัยจากรถที่วิ่งไปมาและมลพิษจากท่อไอเสีย...
อยู่ข้างบนนี้ แม้จะมีมลภาวะทางเสียงและควันขึ้นมากระทบ แต่ผมก็ยังปลอดภัยอยู่ภายในขอบรั้วกั้น...
ตอนกลางคืนยังได้ใช้แสงสว่างฟรี จากดวงอาทิตย์ซึ่งมีหลายดวงอยู่บนยอดเสาสูง 4 ต้น...
แถมพลังงานจากแผงโซล่าเซลล์ยังช่วยให้ทำงานกับคอมพิวเตอร์ได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าไฟ...
อยู่กับเจ้าอู่หลงซึ่งชอบทำตัวเหมือนนก...
มองออกไปนอกหน้าต่าง...เห็นพิราบ (นกก๋าแก๋) คู่นึงจู๋จี้กันอยู่ทั้งวัน
แค่นั้นก็พอแล้ว สำหรับชีวิตที่เหลืออยู่ของตาแก่บ้านห้างฉัตร...
No comments:
Post a Comment