ชีวิตของตาแก่บ้านห้างฉัตรได้ดำเนินมาจนถึงจุดที่เป็นอนาธิปไตย (Anarchy) อย่างค่อนข้างเป็นรูปธรรมแล้ว...
สวมบทบาทผู้แสวงหาประชาธิปไตยมานานพอ ตั้งแต่วันนี้ "คนชังชาติ" ผู้นี้ขอทิ้งไปซึ่งความหวังทั้งหลายทั้งปวง ไม่สนใจแล้วว่าจะมีรัฐบาลใหม่เมื่อไหร่ ใครจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี ตอนนี้ผมมีบ้านหรือรังที่นกน้อยขอซ่อนตัวอยู่อย่างไร้ความคาดหวังใด ๆ มีเวลาก็เสพสุขกับการชมภาพยนต์เก่า ๆ ที่ช่วยพาผมล่องลอยไปไกลสุดขอบฟ้า...
หนังเรื่องไหนโดนใจก็นั่งดูอย่างมีความสุข เรื่องใดที่ไม่ดีจริง ที่พอแค่ดูผ่าน ๆ ผมเปิดทิ้งไว้แล้วทำงานไป ฟังเสียงพอให้เข้าใจในเรื่องราว เรื่องค่าไฟไม่่ต้องเป็นห่วง เพราะใช้ไฟจากโซล่าเซลล์ตั้งแต่ 9 โมงเช้ายัน 3 ทุ่ม...
ไฟล์หนังสือตำรา (PDF) และภาพยนต์มากมายที่เก็บไว้ใน HDD ขนาด 3 TB บน My book เต็มมานานแล้ว ไม่ได้เปิดใช้งานมา 2-3 ปี วันนี้เริ่มนำมาเปิดฉายหนัง เรื่องใดดูแล้วจะลบทิ้งไป เหลือไว้แค่ไฟล์ PDF
พูดเรื่องขนมหวาน ทุุกวันนี้ผมไม่ซื้อขนมในห้างหรือร้านค้าใหญ่ ๆ ในเมือง แต่จะอุดหนุนขนมแบบห่อใบตองจากแม่ค้าในตลาดสด เป็นขนมง่าย ๆ ราคาถูกอย่างเช่น ข้าวเหนียวปิ้ง ข้าวต้มมัด บ้าบิ่น ฯลฯ หากมีเวลาก็จะตากกล้วยกินเอง...
อ่อ... รายงานเรื่องสิ่งที่ได้ทำเมื่อวันวานนี้หน่อยนะครับ ผมนำมุ้งแอร์ออกมากาง เพราะกลัวว่าถ้าพับไว้มันจะเสียในที่สุด!
นอกจากเก็บกวาดขยะจากผลงานของบรรดาหนูลูกหลานของเจ้ามิกกี้เม้าส์... ผมก็ยังได้ล้างหม้อกรองน้ำดื่มให้ไหลดียิ่งขึ้น...
รวมทั้งเครื่องกรองน้ำของพี่ชาย... ผมเดินลงบันไดไปนำขึ้นมาล้างข้างบน เสร็จแล้วก็นำลงไปติดตั้งทีละชิ้น ต้องขึ้นลงบันไดหลายเที่ยวอยู่...ขาก็เจ็บ กลัวพลาดตกบันได (ตายก็ดี ไม่ตายจะเป็นทุกข์ยิ่ง)
ขณะนำไปติดตั้ง...พี่ชายซึ่งนั่งกินข้าวอยู่ข้าง ๆ แทนที่จะถามถึงอาการของเครื่องกรองหรือของคนติดตั้งเครื่อง กลับพูดว่า "เงินหมื่นบาทจากเพื่อไทยคงไม่ได้แล้ว แต่สามพันบาทจากพิธาน่าจะได้..." ผมเงียบไม่ตอบ ไม่ขอออกความเห็นเรื่องการเมือง ได้แต่คิดว่าพี่น่าจะถามถึงแข้งขาของผมซะหน่อย!!
ขอบคุณเพื่อน ๆ ที่แวะเข้ามาดูสิ่งซึ่งหาสาระไม่ได้จากตาแก่คนนี้ครับ!
No comments:
Post a Comment