เช้าวันนี้ผมจัดอาหารเช้าให้พี่ชายตามปกติ สิ่งแรกที่ผมให้พี่ชายคือ “น้ำผลไม้” คำพูดที่จะใช้บ่อย ๆ คือ “เอ้า…ล้างลำไส้ก่อน” พร้อมกับยื่นแก้วน้ำผลไม้ให้พี่ชายดื่มด้วยหลอดดูด แล้วกลืนลงคอเสียงดัง "อึก ๆ” เมื่อใกล้หมดผมก็จะบอกว่า “เอาให้ดังป้อดเลย" พี่ชายผมก็จะดูดน้ำผลไม้จนหมดแก้วเสียงดังป้อดดดดดด...
จากนั้นผมก็จะทิ้งช่วงหน่อยนึง ให้พี่ชายได้ลุกขึ้นนั่งกินอาหารเช้าที่จัดเตรียมไว้ให้บนโต๊ะกลมเล็ก ๆ ที่สามารถดึงเข้าชิดขอบเตียงได้ รายการอาหารก็ไม่มีอะไรมาก แค่เพียงข้าวโอ้ตใส่นมถั่วเหลือง ขนมปังโฮลวีท ๑ คู่ และกาแฟเย็น ๑ แก้ว ส่วนใหญ่ก็จะกินเหลือ กินหก คล้ายกับเด็กที่ถูกพ่อแม่เอาใจจนไม่เห็นคุณค่าของอาหารที่เหลือคาถ้วยคาชาม แต่กรณีพี่ชายผมนั้นคงเป็นเพราะการสั่งงานของสมองมากกว่า
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมพาพี่ชายไปหาหมอที่คลีนิกบ้านฟ่อน พี่ชายยังเดินไม่ได้ แม้แต่จะเหยียดขาตรงเพื่อรับน้ำหนักตัวเองก็ทำไม่ได้ ผมต้องประคองปีก ยกและอุ้มเดินไปขึ้นรถ ลงรถ เดินไปนั่งรอคุณหมอได้ที่ม้ายาว...
คุณหมอให้ยาตัวเดิม และให้ความหวังว่าพี่ชายของผมจะมีชีวิตอยู่ได้อีกหลายปี…
เย็นวันอังคาร คุณน้อย (แม่น้องเดียร์) ก็กรุณามาเยี่ยมถึงบ้านพร้อมกับขนมจีบและซาลาเปา สิ่งที่วิเศษสุดที่คุณน้อยได้นำมาให้คือ “กำลังใจ” ซึ่งทำให้พี่ชายผมเกิดความหวังที่จะอยู่อย่างไม่ไร้ค่า แม้ว่าตัวเองจะเดินไม่ได้ก็ตาม…
ขอกราบขอบคุณคุณน้อยและผู้ที่ห่วงใยทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วย
No comments:
Post a Comment