เจ้าแชมป์ใช้ยางกันหนาม ผมมองเส้นทางข้างหน้าแล้ว... ไม่รู้สึกกลัวยางรั่ว!
จริง ๆ แล้วจากสามแยก (1) ถ้าจะเลี้ยวซ้าย มากลับรถตรงใต้สะพาน (2) ก็จะข้ามมาอยู่ฝั่งซ้ายของทางหลวง 1039 (4) ได้สบาย ๆ แต่ผมอยากลองลุยทาง off-road สักหน่อย แม้จะเป็นระยะสั้น ๆ (สีแดง) ก็ตาม
Off-road trail ข้ามทางรถไฟ เป็นแค่ทางเดินที่เต็มไปด้วยกิ่งไม้ เจ้าแชมป์บอกว่า"ไหว" แต่พอต้องขี่ลงเนินสูง ผมต้องลงจากรถเพราะกลัวหกคะเมน ระยะทางสั้น ๆ ที่เจ้าแชมป์รับบทบาทเสือภูเขา มันพาผมทะลุออกมาที่ทางหลวง 1039 ได้อย่างปลอดภัย...
ท้องฟ้ายังสดใส ไม่มีวี่แววว่าฝนจะตกตาม forecast ผมเห็นแล้วก็ยิ้มออก บอกตัวเองให้ลุยต่อ...
จุดแรกที่ผมเห็นคือร้านกาแฟชื่อ Cafe’ de Ariya หรือแปลเป็นไทยง่าย ๆ ว่า ร้านกาแฟอาริญา ตาแก่เมืองรถม้าจอดถ่ายรูปไว้หน่อยครับ...
ชอบใจศาลาพักร้อนซึ่งตั้งอยู่ริมทางหลวง... ผมคิดในใจว่าอย่างนี้นักปั่นท่องโลกมาจอดนอนพักค้างคืนได้สบาย
ร้านกาแฟตั้งอยู่ในพื้นที่กว้างขวางของอาริญาฟาร์ม
เป็นฟาร์มที่เพาะปลูกเมลอนที่นำพันธุ์มาจากญี่ปุ่น...
ถ่ายภาพรูปปูนปั้นขนาดใหญ่ของเจ้าเมลอนไว้แล้วกลับมาค้นหาภาพของจริงจากอินเทอร์เน็ต พบว่าเนื้อในมันน่ากินมั่ก ๆ
เห็นมีรถลูกค้าจอดอยู่ข้างใน... ผมได้แต่คิดว่าสักวันอาจได้มาดื่มกาแฟแลลองลิ้มรสเจ้าเมลอนสายพันธ์ุญี่ปุ่น
อาจเป็นแค่เพียงปลายทางฝัน?
นักฝันถ่ายภาพยีราฟไว้ก่อนที่จะปั่นจักรยานมุ่งหน้าต่อไป...
เส้นทางที่เห็นสามารถไปยังหลาย ๆ หมู่บ้าน รวมถึงตำบลวอแก้วที่อยู่ห่างไปสิบกว่ากิโลเมตร...
ถนนกำลังก่อสร้าง เทคอนกรีต คิด ๆ แล้วก็ภูมิใจในเส้นทางคมนาคมที่เชื่อมโยงทุกหมู่บ้านในชนบท...
ปูนยังไม่เช็ตตัวกั๊บ...รอก่อน
ผมปั่นจักรยานมาถึงโรงสีข้าวรุ่งพงษ์พัฒน์...
เป็นโรงสีข้าวที่ใหญ่ที่สุดในห้างฉัตรก็ว่าได้...
เก็บภาพไว้หน่อย...
จากโรงสีข้าวรุ่งพงษ์พัฒน์ เจ้าแชมป์พาผมขับเคลื่อนอีกไม่ไกลก็ผ่านโรงงานอะไรไม่รู้ใหญ่โตมากกกก...
รั้วยาวเหยียดหลายร้อยเมตร ผมถ่ายภาพไว้โดยไม่รู้ว่าเป็นโรงงานอะไร? (มารู้ทีหลังว่าที่ผมเห็นคือ บริษัทมาเจสติคอุตสาหกรรมอาหาร จำกัด)
ผมปั่นจนใกล้ทางแยกมีป้ายบอกว่าเลี้ยวซ้ายกลับไปห้างฉัตร...
นาฬิกาบอกเวลา ๑๔.๑๘ น. คิดว่ากลับบ้านก่อนดีฝ่า...
เลี้ยวซ้ายข้างหน้าครับ...
No comments:
Post a Comment