Saturday, February 07, 2009

เนินชมจันทร์

ค่ำคืนวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ นับได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขกับการเล่นดนตรีกับเพื่อนร่วมวงอีก ๓ คนที่ Jumka Chalet...



อาจารย์ติ่งขับรถปิคอัพ 4WD ไปรับผมที่หน้าบ้าน ตรงเวลาด้วยรอยยิ้มและ a helpin’ hand อันที่จริงเพียงแค่จอดรถรอให้ผมดึงประตูเหล็กหน้าบ้านลงปิดแล้วอุ้มหีบเพลงตัวใหญ่ไปที่รถก็ได้ แต่อาจารย์ติ่งกลับเปิดประตูลงมาช่วยหิ้วเจ้าหีบเพลงหนักอึ้งของผมไปให้ที่รถ จากนั้นเราก็ไปแวะรับอาจารย์ต้อมมือกีต้าร์…ก่อนที่จะมุ่งหน้าสู่จุดหมายซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองลำปางออกไปประมาณ ๒๗ กิโลเมตร

เป็นงานวันเกิดซึ่งเจ้าภาพต้องการเลี้ยงสังสรรค์ภายใต้บรรยากาศที่เป็นธรรมชาติและเสียงเพลงจากวงดนตรีเล็ก ๆ ของพวกเรา การใช้สถานที่ที่ Jumka Chalet จึงนับว่าเหมาะสมที่สุด  ผู้ร่วมงานมีเพียง ๒๐ กว่าคน…งานเลี้ยงที่สนามหญ้าเป็นไปอย่างชื่นมื่น


ขณะบรรเลงเพลง นอกจากจะอุ้มเจ้าหีบเพลงตัวใหญ่แล้ว ผมยังมีกล้อง Canon PowerShot S200 ตัวเล็กใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง บางครั้งผมก็จะละมือจากคีย์บอร์ดเพื่อนำมันออกมาเก็บภาพแห่งความทรงจำ อาจารย์ต้อมเป็นมือกีต้าร์ที่ผมชื่นชอบสไตล์การตีคอร์ดที่กระชับและหนักแน่น ผมก็รู้สึกยินดีที่ได้ร่วมงาน...


อาจารย์ติ่งลงทุนควักกระเป๋านำเงิน ๖,๐๐๐ บาทไปซื้อกีต้าร์เบส (โปร่ง)ไว้เป็นเครื่องมือสำหรับการบรรเลงแบบ serenade หรือเดินเล่นแบบ unplugged ไปตามโต๊ะ….

นักดนตรีเสร็จสิ้นการปฏิบัติหน้าที่เวลาประมาณ ๕ ทุ่ม อาจารย์ติ่งต้องพาผมและอาจารย์ต้อมไปส่งบ้าน…ระหว่างทางอาจารย์ติ่งบอกว่าอยากพาไปดูภาพเมืองลำปางจากเนินชมจันทร์ซึ่งอยู่ไม่ไกล สารถีหักพวงมาลัยเลี้ยวซ้ายไปยังศาลากลางใหม่เมื่อถึงสี่แยกบนเส้นทางหลวงลำปาง-แพร่ เลี้ยวเข้าประตูใหญ่ที่ศาลากลาง มุ่งหน้าไปตามถนนลาดยางได้ครู่เดียวก็หยุดรถแล้วหักเลี้ยวขวา นำรถค่อย ๆ ไต่ขึ้นไปตามเส้นทางที่ผมไม่อาจเรียกว่าเป็นทางรถยนต์ โห…สภาพของถนนที่ผมเห็นข้างหน้านั่น! คงมีเพียงรถ 4WD เท่านั้นจึงจะกล้าลุยขึ้นไป คนขับต้องใจถึงจริง ๆ


เจ้าของรถผู้นิยมการเที่ยวป่าด้วยรถยนต์บอกว่าชอบขึ้นไปที่นั่นเพื่อดูพระอาทิตย์ตกดิน พร้อมกับเบียร์หนึ่งกระป๋อง (และภรรยาคู่ใจ) นั่งเบาะหน้าคู่กับคนขับ ผมไม่รู้สึกกลัวแม้แต่น้อย เลือดนักผจญภัยร้อนระอุไปทั่วร่าง ในระหว่างที่รถค่อย ๆ ไต่ไปตามเส้นทางข้างหน้า มันก็เหมือนกับทุกครั้งที่ผมนั่งเรือหางยาวจากท่าพระจันทร์ไปยังวัดนกในตอนกลางคืน ผมจะมองเห็นเพียงสายน้ำที่ซ่านกระเซ็นเมื่อหัวเรือพุ่งไป ที่นั่นในความมืดเราฝากชีวิตไว้ให้กับนายท้ายเรือเพียงอย่างเดียว แต่ที่นี่ภายใต้การควบคุมพวงมาลัยของอาจารย์ติ่ง ยิ่งโคลงไปเคลงมา ผมก็ยิ่งสนุก


ในที่สุดเราก็ขึ้นถึงเนินชมจันทร์….


จันทร์เจ้าขาห่างเกินกว่าที่จะเอื้อมถึง  กล้องตัวเล็กของผมไม่สามารถจับภาพได้ชัดเจนไปกว่านี้แล้ว…


 ความมืดโอบกอดเราไว้ ขณะที่สายลมเย็นพัดมาทักทาย….



หลังจากตักตวงความสดชื่นจากเนินชมจันทร์ อาจารย์ติ่งก็พามาส่งที่บ้าน  ผมรู้สึกดีจังเลยกับสำหรับช่วงเวลาในคืนนี้!

No comments: