Tuesday, October 29, 2013

แนะนำสายการบินน้องใหม่

วันนี้ผมได้รับข่าวแจ้งให้ทราบว่า...วันที่ ๒ พฤศจิกายนนี้ สายการบินน้องใหม่ Thai Lion Air จะเริ่มเปิดตัว!


เป็นสายการบิน low cost ซึ่งมีบริการน้ำหนักกระเป๋า 15 ก.ก. รวมอยู่ในราคาตั๋ว บินด้วยเครื่อง Boeing 737 900ER


เห็นว่าเที่ยวบินแรกจะทะยานสู่ท้องฟ้าในวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ นี้


ช่วงแรกเปิด ๓ เส้นทาง คือ กรุงเทพ (ดอนเมือง) - เชียงใหม่, กรุงเทพ (ดอนเมือง) - กัวลาลัมเปอร์ และ กรุงเทพ (ดอนเมือง) - จาการ์ต้า  เพื่อน ๆ ที่สนใจอยากทราบว่ามีโปรโมชั่นอย่างไรในช่วงเปิดตัว สามารถติดตามดูได้ในเว็บของ Thai Lion Air ครับ...

แล้วอย่าลืมมาบอกกันบ้างนะ...

Monday, October 28, 2013

สารภาพบาป

วันก่อนผมเล่าถึง "เจ้าตาเดียว" หนูตัวที่ ๒ ที่ดักจับไว้ได้....


ช่วงบ่าย  ๆ ผมก็นำมันไปปล่อยไว้ตรงบริเวณที่ว่างข้างวัด จุดเดียวกันกับที่เคยนำเจ้าตัวแรกไปปล่อย...



ตั้งท่าเตรียมเปิดให้ "เจ้าตาเดียว" ออกไปสู่อิสรภาพ....


พอเปิดฝากับดัก มันก็วิ่งปู๊ดหายวับเข้าไปในพงไม้!  ไปดีเถอะนะ...เจ้าตาเดียว!


รู้สึกสบายใจที่ไม่ได้ทำร้ายหนู สัตว์ซึ่งผมทั้งเกลียดและกลัว ผมเพียงแค่ย้ายให้มันไปอยู่นิวาสสถานแห่งใหม่เท่านั้น...  

ตอนค่ำ ระหว่างที่นั่งทำงานอยู่หน้าคอมพ์ฯ  ผมได้ยินเสียงแกร๊ก ๆ อยู่ในถังขยะ รู้สึกแปลกใจ...ต้องลุกจากเก้าอี้ไปดู  โห...ผมเห็นลูกหนูตัวน้อย ๕ ตัวอยู่ที่ก้นถัง บางตัวพยายามกระโดดเหย็ง ๆ ขึ้นมา แต่ไม่พ้นปากถัง!!


เสียใจที่พรากแม่ของมันไปซะแล้ว ผมรู้สึกเป็นบาป  เช้าวันนี้จึงรีบนำมันไปปล่อยตรงที่ ๆ นำแม่ของมันไปปล่อย  ผมเห็นเจ้าตัวเล็กทั้ง ๕ ตัววิ่งจากถังขยะออกไปตัวละทิศละทาง ไม่คิดว่าลูกหนูจะหาแม่ของมันเจอ  ผมได้แต่ส่งใจให้มันอยู่รอดปลอดภัย.... 

วันนี้จึงต้องมาสารภาพบาปกับเพื่อน ๆ

Sunday, October 27, 2013

ตาเจ็บ...


เมื่อวันที่ ๑๖ สิงหาคม ผมได้เขียนถึงเรื่อง "วิธีกำจัดหนู" เล่าว่าดักหนูตัวแรกได้แล้ว นำไปปล่อยที่ที่ดินว่างข้างวัด....

ตัวนี้คือเจ้าหนูตัวที่ผมนำไปปล่อย...


ไม่นานมานี้ก็มีหนูอีกตัวหนึ่งย้ายสัมมะโนครัวเข้ามาอยู่ด้วย มันยึดใต้เตาแก๊สเป็นที่อยู่โดยไม่ได้ขออนุญาตเจ้าบ้าน  ตอนกลางวันซุ่มเงียบ พอตกกลางคืนก็ค่อยออกมาหากิน  ผมเคยบอกเสียงดัง ๆ (ไม่รู้ว่าจะได้ยินหรือเปล่า) ว่า...รอก่อนเหอะ เดี๋ยวจะพาไปอยู่กับหนูรุ่นพี่ที่ "ข้างวัดวิลล่า"!

เมื่อคืนนี้ผมวางกับดักโดยใช้ขนมปังโฮลวีทเป็นเหยื่อล่อ  วางกับดักไว้ใกล้เตาแก๊สแล้วปิดไฟ...ผมนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพ์ฯ ได้ไม่ถึง ๑๐ นาที  ก็ได้ยินเสียงลั่นดัง "แป๊ก"  ผมคิดในใจว่า "จับตัวได้แล้ว... พรุ่งนี้จะพาเอ็งไปอยู่ที่ใหม่...."  ผมไม่ได้ลุกขึ้นเปิดไฟดู เพราะได้ยินเสียงหนูวิ่งพล่านอยู่ในกับดัก!

เช้านี้ผมเห็นเจ้า Mickey อยู่ในกรงขังตามคาด แม้จะเกลียดและกลัวหนู ผมก็อยากจะถ่ายภาพมันไว้...


รู้สึกว่าตัวนี้จะมีใบหูใหญ่กว่าตัวแรกนิดนึง แล้วก็อ้วนกว่าด้วย...


อ้าว!! ทำไมตาข้างซ้ายไม่ดูสวยเหมือนข้างขวาล่ะ?


close-up หน่อย...


โถ น่าสงสารจัง หนูตัวนี้คงจะเห็นตาเดียว...


ใจเย็น ๆ นะหนูจ๋า  เดี๋ยวจะพาไปหาหมอตา เอ๊ย... พาไปอยู่ที่ใหม่ ไม่รู้ว่าแถวนั้นจะมีคลีนิกจักษุแพทย์หรือเปล่า! 

Thursday, October 24, 2013

Schwinn Coffee1

ข้างนอกยังคงมีฝนตกอยู่  ผมนำวารสาร "จักรยาน" ฉบับปฐมฤกษ์ เดือนตุลาคม ๒๕๒๓ ออกมาเปิดอ่าน... 


หน้า ๓๗ "ย่อยข่าวชาวจักรยาน" มีเรื่อง "หาขโมยไม่ได้ในมะริกา" เล่าว่า...
บี.วี. นารายณม์ ออกเดินทางจากประเทศอินเดียตอนใต้กว่า ๔๘,๐๐๐ กิโลเมตรด้วยจักรยานคู่ชีพ รอนแรมไปจนถึงเมืองชิคาโก ในสหรัฐอเมริกา ซึ่ง ณ ที่นั้นปรากฏว่าจักรยานคู่ชีพของเขาถูกมือดีขโมยไปซะฉิบ
มร. นารายณม์โวยวายเป็นการใหญ่ เขาแจ้งแก่ผู้คนทั่วไปและนักหนังสือพิมพ์ว่า ก่อนออกเดินทางมาจากบ้านเกิดเมืองนอนของเขา ใครค่อใครไม่ว่าจะเป็นพี่ป้าน้าอา เพื่อนฝูง ตลอดจนคนที่รู้จักมักคุ้นและนับถือ ทุกคนบอกกับเขาว่า ประเทศสหรัฐอเมริการ่ำรวยล้นฟ้า ผู้ที่ทำงานต่างก็มีรายได้มหาศาลนักหนา แล้วจะไปหาไอ้พวกขโมยได้ที่ไหน ทั้งนี้ก็เพราะประชาชีต่างก็ต้องอยู่ดีกินดีกันหมด ไม่ยากจนอดอยากยากแค้นอย่างในประเทศอินเดีย จึงจะต้องมีพวกลักเล็กขโมยน้อยเป็นธรรมเนียม
ข่าวนี้สร้างความอับอายขายหน้าแก่ชาวมะริกันเป็นล้นพ้น โดยเหตุนี้ บริษัทชวินน์ ไบซิเคิ้ล คัมปะนี ก็เลยจัดแจงมอบจักรยานยี่ห้อ "ชวินน์ ๑๐ สปิด"  ใหม่เอี่ยมให้แก่ บี.วี. นารายณม์ ขี่ท่องเที่ยวตามประสาของเขาต่อไป  ใครต่อใครต่างก็ภาวนาว่า ขอให้ มร. นารายณม์ อย่าลืมล็อครถจักรยานของเขาในขณะจอดตามถนนรนแคมในประเทศสหรัฐฯ อีกเลย....
อ่านแล้วผมเกิดความสนใจในรถจักรยานชวินน์ ขึ้นมาทันที  จากการค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต..ผมไปเจอจักรยานชวินน์สวยน่ารักเข้าคันนึง เป็นจักรยานชวินน์คลาสสิก "Coffee1"  ต้องขออนุญาตนำภาพมาให้เพื่อน ๆ ได้ดู...

ที่มา - bikeradar.com
 น้ำหนักรถ ๑๖.๕ กิโลกรัม โครงเหล็ก ล้อขอบอลูมิเนียม ๓๖ ซี่  ใช้เกียร์ชิมาโน ๓ สปีด...

ที่มา - bikeradar.com
คันนี้ยิ่งสวย...


ถ้าผมมีสักคัน คงจะเรียกมันว่า "เจ้ากาแฟ" เป็นแน่แท้...

Wednesday, October 23, 2013

get rid of

Get rid of  มีความหมายว่า ขจัดหรือกำจัดออกไป  ในหนังฆาตกรรม...ผมเคยได้ยินคำสั่งที่ว่า "Get rid of him!"


วันนี้ต้องรับหน้าที่ถ่ายภาพ "วงดนตรี60+"  โดยไม่มีเวลาย้ายของที่อยู่หลังเปียโนออกไป  ผมบอกตัวเองว่า "ไม่เป็นไร ถ่ายไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวค่อยใช้ PhotoShop ลบออก"


ถ่ายออกมาแล้ว เห็นแผงไฟอยู่ข้างหลังนักร้อง ส่วนมือเปียโนก็มีอะไรแหลม ๆ งอกออกมาจากหัว!! ผมต้องใช้โปรแกรม PhotoShop ช่วยขจัด background ที่รกตาออกไป  ต้องยอมรับว่าแก่แล้วมือไม้สั่น ทำให้ขาดความเนียน!


เมื่อถูกขอให้ช่วยลบภาพ "พี่ปุ๊" ออกด้วย ผมก็ต้องพึ่งพา PhotoShop อีกครั้ง  ชะแว๊บ...หายไปแล้วครับ!


ขอบคุณ PhotoShop!

Monday, October 21, 2013

ทีลอซู

ผมตั้งใจไว้ว่าก่อนตายต้องขอกลับไปเห็นน้ำตกโตนงาช้างที่จังหวัดสงขลาอีกครั้ง..! 


ภาพน้ำตกโตนงาช้าง - ที่มา wikalenda.com
นอกจากนั้นก็ยังมี "น้ำตกทีลอซู" อีกแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ในรายชื่อที่ ๆ อยากไป! 

ภาพน้ำตกทีลอซู - ที่มา teelorsugarden.com
ในเว็บ teelorsugarden.com ของลุงเสน่ห์บรรยายไว้ว่า...
คำว่า "ทีลอซู" เป็นภาษากระเหรี่ยงแปลว่าน้ำตกดำตั้งอยู่ในเขตอนุรักษ์พันธ์สัตว์ป่า อุ้มผางห่างจากที่ทำการเขต ฯ 3 กิโลเมตร ตั้งอยู่บนความสูงจากระดับน้ำทะเล 900 เมตรเกิดจากลำห้วยกล้อทอ ลำน้ำทั้งสายตกสู่หน้าผาสูงชัน มีน้ำไหลตลอดปี ความกว้างของตัวน้ำตกประมาณ 500 เมตร ไหลลดหลั่นเป็นชั้น ๆ มีความสูงประมาณ 300 เมตรล้อมรอบด้วยป่าดงดิบที่สมบูรณ์ ทีลอซูเป็นน้ำตกทีมีความงามมากติดอันดับ 1 ใน 6 ของโลก เป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย และได้รับคำกล่าวขานถึงความงามที่สุดของเอเชียอาคเนย์ด้วย ทีลอซูมีความงามเป็นพิเศษ ในช่วงฤดูฝนระหว่าง 1 มิ.ย. – 31 พ.ย.  ปริมาณน้ำฝนที่มีมากจะเพิ่มปริมาณน้ำในลำธารทำให้สายน้ำตกกว้างใหญ่กว่าฤดูอื่น
กำลังคิดว่าเพื่อคลายเกลียวความเครียดลงบ้าง ผมน่าจะหลบไปเที่ยวที่ไหนสักแห่ง...

เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ผมเคยนำจักรยานพับ (เจ้า Coyote) ใส่กระเป๋าขึ้นรถเมล์เขียวไปเชียงแสน ตั้งโดยตั้งใจว่าจะนำไปขี่ในเมืองสิง ประเทศลาว แต่กล้องถ่ายรูปเกิดเสียซะก่อน ทำให้ต้องเลิกล้มการเดินทางไปอย่างน่าเสียดาย  อย่างไรก็ตาม...เพียง ๓ คืนที่อยู่ในเชียงแสน ผมก็สามารถนำเรื่องมาเล่าให้เพื่อน ๆ อ่านได้เป็นเดือน ๆ พร้อมกับภาพประกอบอีกนับร้อย (ลองเข้าไปพิมพ์คำว่า "FB Trip เชียงแสน" ใน google แล้วจะเห็น)  

ขณะนี้ภาพของ "ทีลอซู" น้ำตกในความฝันได้ปรากฏชัดในจินตนาการ  ทำให้ผมคิดอยากเขียนเรื่อง FB Trip อีกสักบท คือ "FB Trip - แม่สอดแล้วดอดไปทีลอซู"  เอาอย่างนี้ดีมั้ยเอ่ย?
  • นั่งรถเมล์เขียวจากลำปางไปแม่สอด พร้อมจักรยานพับ
  • พักที่เกสต์เฮ้าส์ ๒ คืน ปั่นเที่ยวในบริเวณตัวเมืองแม่สอดเหมือนกับที่เคยปั่นที่เชียงแสน
  • ฝากจักรยานไว้ที่เกสต์เฮ้าส์แล้วนั่งรถสองแถวไปอำเภออุ้มผาง กะให้ถึงตอนเย็น ๆ
  • พักรอที่่อุ้มผาง ๑ คืน เพื่อสมทบกับทัวร์ไปยังน้ำตกทีลอซู 
 อยากเห็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยจริง ๆ นะ  มีใครอยากไปกับผมบ้าง??

Sunday, October 20, 2013

แนะนำเว็บ torrents อีกเว็บ

ช่วงก่อนออกพรรษามีฝนตกแทบทุกวัน อากาศชื้น...พื้นดินแฉะ!   ช่างเหอะได้แต่เฝ้ามองผ่านหน้าต่างไปยังหนองน้ำหลังบ้าน 

ถ่ายภาพไว้ ๑ บาน แล้วนำมาทำเป็นภาพสีน้ำ....


ควาย ๓ ตัวที่เคยเห็นเดินอยู่แถวนั้นหายหน้าไปหมดแล้ว น่าสงสารเหลือเกิน คิดว่าอาจจะถูกขายนำไปขึ้นเขียงแล้วก็เป็นได้! 


เห็นหนองน้ำ (ภาษาอังกฤษเรียกว่า swamp) ที่อยู่หลังบ้าน ทำให้ผมคิดถึงภาพยนต์เรื่อง Psycho (1960)  ฆาตกร Norman Bates เข็นรถของ Marion Crane พาร่างไร้วิญญาณของเธอพร้อมกับเงินที่ยักยอกมาจากบริษัทจำนวน ๔,๐๐๐ เหรียญลงสู่ก้นบึ้ง  ผมคิดว่า swamp นี้ลึกไม่พอ อิอิ...

Psycho (1960)
ทำอะไรไม่ได้ ผมก็ดาวน์โหลดภาพยนต์เรื่อง Psycho มานั่งดู...

Psycho II (1983)
Psycho III (1986)
ปัจจุบันนี้ช่างง่ายดายเหลือเกิน สำหรับการหาภาพยนต์เก่า ๆ มาดู  รู้สึกว่าผมจะเคยแนะนำเว็บที่เพื่อน ๆ สามารถเข้าไปหาหนังดี ๆ มาไว้ดู อย่างเช่น เว็บ asiatorrents.me  หรือ torrenting.com  ไว้แล้ว วันนี้ขอแนะนำอีกเว็บนึง คือ เว็บของ YIFY  (คลิกได้ ที่นี่ ครับ)


Psycho ทั้ง ๓ ตอนผมดาวน์โหลดจากเว็บ YIFY มาดูได้หมด!  ไฟล์มีขนาดเล็กแต่คุณภาพดี ชัดเจนทั้งภาพและเสียง ใช้เวลาโหลดไม่นาน!

แดดเริ่มออกแล้ว ผมดูหนังจนลืมไปว่ายังมีงานรออีกมากมาย!!

Saturday, October 19, 2013

รับสมัครนักเรียนเครื่องสายรุ่น ๒

หลังจากที่ลุงน้ำชาย้ายบ้านมาอยู่ที่ห้างฉัตร แม้ว่าหลายสิ่งหลายอย่างจะยังไม่เข้าที่เข้าทาง แต่สถานที่ก็พอจะใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ของเยาวชนได้แล้ว จึงอยากเริ่มสอนเด็กตัวน้อย ๆ ให้เล่นเครื่องสายกันต่อไป...



เด็กนักเรียนชั้นอนุบาล ๓ ที่ผู้ปกครองเห็นว่ามีใจรักด้านดนตรี อยากจะให้ได้เล่นเครื่องสาย เช่น ไวโอลิน วิโอล่า หรือเชลโล สามารถมาลงชื่อสมัครเรียนไว้ล่วงหน้าได้แล้ว....

กฎกติกามีดังนี้ :-

  • ระดับอนุบาลไม่ต้องเสียค่าเรียน
  • พอขึ้นชั้นประถม หากตั้งใจจริงและยังสนใจ สามารถเรียนฟรีต่อไปได้เรื่อย ๆ   
  • ผู้ปกครองต้องจัดหาเครื่องดนตรีตามขนาดที่เหมาะสมให้เด็กได้ใช้เรียนและฝึกซ้อม   
  • ผู้ปกครองต้องส่งนักเรียนไปเรียนที่บ้านห้างฉัตรอย่างสม่ำเสมอ (ไม่เรียน ๆ หยุด ๆ)
  • หากมีปัญหานักเรียนไม่อยากเรียน ไม่อยากฝึกซ้อม แล้วต้องเลิกเรียนไปในที่สุด ผู้สอนไม่ขอรับผิดชอบในเรื่องเครื่องดนตรีที่ซื้อมาใช้
  • นักเรียนต้องยืนเรียน ผู้ปกครองต้องไม่ซื้อเก้าอี้ให้นั่ง
  • นักเรียนต้องซ้อมแบบฝึกหัดที่มีให้อย่างสม่ำเสมอ
  • ผู้ปกครองต้องดาวน์โหลดตำราเรียนไปพิมพ์เอง 
  • ประกาศรับตั้งแต่บัดนี้จนถึงสิ้นปี ๒๕๕๖
  • เริ่มเรียนเดือนมกราคม ๒๕๕๗
  • หากมีนักเรียน ๔ คนขึ้นไป จะสอนพร้อมกันเป็นกลุ่ม โดยใช้เวลา ๒ ชั่วโมง (๑๓.๐๐ น. - ๑๕.๐๐ น. มีพักครึ่ง)
  • ถ้าจำนวนนักเรียนน้อยกว่า ๔ คน เบื้องต้นจะสอนแบบตัวต่อตัวครั้งละครึ่งชั่วโมง พอขึ้นซูซูกิเล่ม ๒ จะขยายเวลาเป็น ๑ ชั่วโมง
กระจองงอง ๆ เจ้าข้าเอ๊ย....

Friday, October 18, 2013

ผู้เชื่อในความสุข

ผมมีหนังสือวีรธรรมฉบับที่ ๕๔๙ วันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๑๐ หน้าปกเป็นรูปของ วอลท์ ดิสนี่ย์...



ในหน้า ๒๓ มีบทความเรื่อง "อังเดร โมรัวส์ ผู้เชื่อในความสุข"


ส่วนหนึ่งมีใจความว่า...
โมรัวส์ ปราชญ์หนังสือ
โมรัวส์มีอาชีพในทางหนังสือ ชีวิตของเขาแน่นอน เต็มไปด้วยความรู้มากมาย ประการแรกเขาเป็นนักประพันธ์นวนิยาย เขียนเรื่องชนิดที่ไม่ใช่ชีวิตของบุคคลจริง ๆ แต่เป็นเรื่องระลึกถึงบุคคลเท่านั้น เช่นเรื่อง "Bernard Quesnay"  "Climats"  ฯลฯ
คนผู้นี้ปราศจากความดิ้นรน แต่มีความสงบ เต็มไปด้วยความรู้ก็ค่อย ๆ กลายเป็นนักเขียนเรื่องชีวิตที่น่าอ่านที่สุด เขียนเรื่องชีวิตที่แปลกประหลาด ที่ยุ่งเหยิงที่สุด นับตั้งแต่มาร์แชล ปรูสต์ ไปถึงสเตนคาล โดยผ่านไปทางไบรอน แชลลีย์ โชแปง 
นอกจากเป็นนักนวนิยาย นักชีวประวัติแล้ว โมรัวส์ยังเป็นนักเขียนประวัติศาสตร์อีก เมื่อ ค.ศ.1943 เขาจำหน่ายหนังสือ "ประวัติศาสตร์อังกฤษ" ต่อมา "ประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส"  เมื่อเร็ว ๆ นี้เขาเขียน "ประวัติศาสตร์ขนานสหรัฐอเมริกาและรัสเซีย"  เขาเขียนร่วมกับ อารากอง
 โมรัวส์เต็มไปด้วยจิตใจ
สิ่งสำคัญของโมรัวส์ก็คือความสุข เขาเองเคยพูดว่า เขามี "สัญชาติญาณแห่งความสุข" มนุษย์เกิดมาเพื่อหาความสุข  ตลอดชีวิตของเขา เขาพยายามให้คนเข้าใจน้ำหนักของความเรียบร้อย ไม่ใช่ความเรียบร้อยที่น่าเบื่อ แต่ที่มีสติปัญญา สงบ อยู่ในหลังคาที่ไม่โคลงเคลง ยืนอยู่บนขาที่มั่นคง พื้นรองเท้าหนักแน่น และเบาจิต  เมื่อเบาจิตแล้วก็รอดพ้นจากความเห็นฝ่ายข้างร้าย ซึ่งมีอยู่เป็นประจำตามสมัย กล่าวได้ว่า โมรัวส์มีความเชื่อในความสุข

เพื่อน ๆ เชื่อในความสุขหรือเปล่าครับ? 

Thursday, October 17, 2013

ศิลปะการอ่านหนังสือ


ผมยังอ่าน "เรื่องรักในปักกิ่ง" ไม่จบ ช่วงนี้ฝนตกอากาศชื้น "ช่างเหอะ" ทำอะไรไม่ได้มากนัก ประจวบกับพี่ชายได้ขันเกลียวความเครียดในตัวผมให้แน่นขึ้นด้วยการกระทำ  สกรูดูเหมือนว่าใกล้จะขาด!

ผมคงต้องงดรับฟังข่าวสารบ้านเมือง รวมทั้ง deactivate FB สักระยะนึงด้วย! 


วันนี้หยิบหนังสือ "ศิลปะการอ่านหนังสือ" ออกมาอ่าน เป็นหนังสือหนา ๑๒๒ หน้า เขียนโดย ดร.ครรชิต มาลัยวงศ์ พิมพ์ครั้งแรกเมื่อเดือนธันวาคม ๒๕๒๘ ราคาจำหน่ายเล่มละ ๑๕ บาท ผมอดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมหนังสือถึงได้ราคาถูกเช่นนี้!

อ่อ...เป็นหนังสือที่จัดจำหน่ายโดยชมรมเด็ก ในหน้าแรกมีเขียนไว้ว่า...
หนังสือต่าง ๆ ของชมรมเด็ก จะเป็นเรื่องอ่านเสริมความรู้ หรือเรื่องบันทึกที่เลือกสรรแล้วว่าเหมาะสมกับเยาวชน จุดประสงค์ของชมรมเด็ก คือส่งเสริมให้เยาวชนรักการอ่าน รู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ชมรมเด็กหวังว่าท่านคงเพลิดเพลินและได้คติจากการอ่านหนังสือเล่มนี้
หน้า ๒๓-๒๔ เขียนว่า...
ผู้อ่านหลายท่านอาจจะคิดว่า ตนเองมีเวลาน้อยจนไม่อาจจะอ่านหนังสือเล่มใดได้นาน ๆ ท่านต้องการอ่านให้จบ ๆ โดยเร็ว เพื่อที่จะได้จับเรื่องใหม่  หาหนังสือเล่มใหม่อ่านต่อไป การคิดเช่นนี้เท่ากับว่าท่านได้ให้ความสำคัญต่อความเร็วของการอ่านมากเกินไป หนังสือแต่ละประเภทนั้น ผู้อ่านจะต้องอ่านด้วยความเร็วต่าง ๆ กันออกไป ท่านไม่อาจอาจ "ตรรกศาสตร์" ของ จำนงค์ ทองประเสริฐ ได้รวดเร็วเท่ากับที่อ่าน "ล่องไพร" ของ น้อย อินทนนท์ และขณะเดียวกัน แม้ในเรื่องจีนด้วยกัน ท่านก็อาจจะอ่าน "สามก๊ก" ของเจ้าพระยาพระคลังให้เร็วเท่ากับที่อ่าน "เซียวฮื้อยี้" ของ ว.ณ เมืองลุง
เวลาที่มีเพียงสั้น ๆ ของคน ๆ หนึ่งนั้น ไม่จำเป็นต้องพร่าให้หมดไปด้วยการอ่านหนังสือให้ได้มากที่สุด และเร็วที่สุด เพราะถ้าท่านต้องการเช่นนี้ ท่านอาจหาเรื่องย่อที่คนอื่นเขาอ่านเรื่องจริงแล้วนำมาย่อพิมพ์ขายมาอ่านได้ง่าย ๆ  นอกจากนี้ หนังสือบางเล่ม ท่านยังต้องใช้ความคิดพิจารณาไปตามเหตุผลที่ผู้ประพันธ์ได้หยิบยกขึ้นมาอ้าง ในกรณีเช่นนี้ท่านไม่อาจจะตะลุยอ่าน "ข้อคิดของ ม. ชูพินิจ" ให้จบในชั่วโมงเดียว เพราะถ้าท่านทำเช่นนั้น ท่านจะไม่เหลือเศษอะไรไว้ในสมองเลย ตรงข้ามท่านต้องอ่านข้อคิดทีละเรื่อง อาจะเป็นเพียงคืนละเรื่อง แล้วพิจารณาใคร่ครวญตามไปนั่นแหละ ท่านจึงจะเข้าใจ และได้รับสิ่งที่นักประพันธ์ผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้ต้องการให้เราทราบ....
หุหุ วันนี้ขอเอามาเป็นข้ออ้างที่จะดองหนังสือ "เรื่องรักในปักกิ่ง" ไว้อีกสักเพลานึง

Wednesday, October 16, 2013

ยอยพวงมาลัย

อาจกล่าวได้ว่าการกลับไปเรียนภาษาอังกฤษที่มหาวิทยาลัยพายัพนั้น ช่วยกระตุ้นให้ผมสนใจในเรื่องที่มาของศัพท์แสงต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น...

ภาพจมูก - ที่มา sopon.ac.th
อย่างเช่น คำว่า "จมูก" ผมไม่รู้หรอกนะว่าทำไมถึงเรียกเช่นนั้น แต่ถ้าเป็น "กำเมือง" เค้าเรียกว่า "ฮูดัง" ถ้าอย่างนี้ก็ชัดเจน เพราะมันมี "รู" และเวลาหายใจแรง ๆ จะเกิดเสียงดัง  ถ้าบอกว่า "กั๊ดฮูดัง" ผมจะเห็นภาพได้ชัดเจนกว่า "คัดจมูก"

มีคำหลายคำที่น่าสนใจ พูดแล้วทำให้เห็นภาพ อย่างเช่น จานเสียง/แผ่นเสียง....

ภาพจานเสียง/แผ่นเสียง - ที่มา 3d-viera.blogspot.com
หรือหีบเพลง...


คำไทยที่ใช้ทับศัพท์ภาษาอังกฤษก็มีเยอะ (เข้าไปดูได้ใน www.rta.mi.th/chukiat/story/thai_eng1.htm) ส่วนศัพท์ช่างที่เรียกกันคุ้นหูก็มีไม่น้อย อย่างที่ผมเคยพูดว่า "ตอกกิ๊ปเดินสายไฟ" หรือ "ฝังพุกยึดที่วางสบู่" ฯลฯ   เคยมีช่างจากนครปฐมแวะมาพบ"เจ้าโต" จอดอยู่หน้าบ้าน เค้าเปิดฝากระโปรงขึ้นดู แล้วชี้ให้ผมดูบริเวณจุดเชื่อมต่อแกนพวงมาลัย (steering shaft) พูดเสียงดังว่า "  ถ้าไม่อยากตกเขาตาย ให้รีบซื้อยอยพวงมาลัยมาเปลี่ยนได้แล้ว!"


จริงด้วยซิ!   เจ้าตัวที่เค้าชี้ให้ดูมันอยู่ในสภาพน่ากลัวว่าจะหลุดได้ทุกเมื่อ!!  ตอนขับเจ้าโตไปบ้านวอแก้ว ผมกลัวอยู่เหมือนกัน แต่ก็ค่อย ๆ ประคับประคองไปจนถึงมือหมอ...


"ช่างรอด" ได้ช่วยตรวจสอบ และซื้ออะไหล่มาเตรียมไว้แล้วครับ...


เห็นเค้าเขียนว่า "ยางยอยพวงมาลัยพร้อมสกรู"...


น่าสนใจจัง!  คิดว่า "ยอย" น่าจะเพี้ยนมาจากคำว่า "joint" ผมลองออกเสียงคำ ๒ คำสลับไปมา...


เจ้าตูบตัวน้อยยืนทำหูกางมองดูอยู่ห่าง ๆ  มันคงไม่รู้จักยอยพวงมาลัยหรอก!

Tuesday, October 15, 2013

ทำสมุดเก็บข้อมูล

ศจ. ระพี สาคริก - ภาพสแกนจากรูปที่ได้ตัดเก็บไว้
ผมเพิ่งเขียนเรื่องของ ศาตราจารย์ระพี สาคริก ลงในบล็อก "ฟังลุงน้ำชาคุย"  ตามปกติก็จะประกอบเรื่องที่เขียนด้วยภาพที่ถ่ายด้วยตนเอง แต่ถ้าหากไม่มี ก็จะไปค้นหาในอินเทอร์เน็ต นำมาโพสต์ไว้แล้วระบุที่มาไว้ใต้ภาพ!

ค้นหาภาพอาจารย์ปู่วันนี้...ผมต้องหยิบ "สมุดเก็บข้อมูล" เล่มหนึ่งออกมา 


จำได้ว่าผมเคยตัดเก็บภาพเล็ก ๆ (จากนิตยสารอะไรจำไม่ได้)  ของอาจารย์ระพีมาเก็บไว้  สีสันยังดูสดสวยอยู่เลย  นำไปสแกนแล้วก็ยังดูดี...

สมัยที่ยังไม่มีการจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบดิจิตอล ผมต้องเก็บรูปภาพและข้อเขียนต่าง ๆ โดยตัดมาจากหนังสือ (ภาษาอังกฤษเรียกว่า Clipping = the cutting-out of articles from a paper publication)  แล้วนำไปทากาว ติดไว้บนสมุดวาดเขียน...

  
ด้วยเหตุนี้ ช่างเหอะจึงมีสาระหลากหลายมาให้เพื่อน ๆ อ่าน อย่างเช่นเรื่อง  "การย้ายต้นไม้" 

ทั้งภาพและบทความ (เขียนโดยอาจารย์ธนิต มะลิสุวรรณ) ก็นำมาจาก "สมุดเก็บข้อมูล"...


ถ้าไม่มีสมุดเล่มนี้ เรื่องราวหรือสาระที่มีประโยชน์เช่นนี้ ก็คงจะหาได้ไม่ง่ายนัก!

ทุกวันนี้ผมก็ยังคงใช้วิธีการเก็บข้อมูลแบบเดิม ๆ อยู่ โดยทำควบคู่กันไปกับการบันทึกเป็นระบบดิจิตอล ไว้ใน hard disk ขนาด 500-1,000 GB   อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำ "สมุดเก็บข้อมูล" มีเพียงสมุดวาดเขียน ๑ เล่ม และกาว (เป็นกาวใส กาวลาเท็กซ์ หรือ กาวหลอดแบบลูกกลิ้งก็ได้)  ส่วนเครื่องมือก็มีเพียงกรรไกรและใจรักก็พอแล้ว!



เพื่อน ๆ ลองทำแก้กลุ้มก็ได้นะ... :)