Wednesday, December 25, 2019

รีวิวน้ำพริกกะปิ

ที่บ้านห้างฉัตรในแต่ละวันมีถ้วยโถโอชามให้ผมต้องล้างมากมาย... แม้จะกินกันแค่ ๓ คน


วันนี้ขอเปลี่ยนจากเรื่องงาน DIY มาคุยเรื่องอาหารการกินซักหน่อยดีกว่า เป็นเรื่องอาหารโปรดที่แม่นาคทำให้พ่อมากกินที่บ้านริมคลองพระโขนง ซึ่งเรารู้จักกันดีว่า "น้ำพริกกะปิ"  เว็บ wongnai.com เขียนถึงวิธีทำน้ำพริกกะปิไว้ให้อ่านแล้วน้ำลายสอดังนี้... 
๑. ตำพริกขี้หนูกับกระเทียมพอแหลก ใส่กะปิ น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา ตำให้เข้ากัน
๒. ใส่มะเขือพวง มะนาว ตำเบา ๆ พอให้มะเขือแหลกเล็กน้อย เติมน้ำเปล่า คนให้เข้ากัน ตักใส่ถ้วยทานพร้อมผักสด หรือผักลวก เสิร์ฟพร้อมไข่เจียวชะอม และปลาอินทรีย์ย่าง อร่อยแซ่บฟินติดลมบนเลยค่า
Tip : หากอยากให้กะปิที่นำมาตำหอมยิ่งขึ้นไปอีก ให้นำกะปิไปห่อใบตอง แล้วนำไปย่างจนมีกลิ่นหอม ๆ ออกมา น้ำพริกกะปิก็ยิ่งห้อมหอมขึ้นไปอีกค่า
ขอบคุณที่มาครับ  อ่อ...ผมเห็น youtuber บางคนรีวิวโทรศัพท์มือถือโดยนำมาสองยี่ห้อมาเปรียบเทียบกัน อย่างเช่น "Oppo A5s VS Vivo Y12 ใครน่าซื้อกว่ากัน?"  ก็เลยอยากนำน้ำพริกกะปิซื้อที่ตลาดสดเทศบาลห้างฉัตรจากแม่ค้า ๒ เจ้ามา VS เปรียบเทียบให้เห็นกันบ้าง...



ที่ตลาดสดเทศบาลห้างฉัตรจะมีแม่ค้าเจ้าหนึ่งตั้งโต๊ะอยู่ด้านหน้า ขี้นบันไดไปก็เห็นแล้ว (1) เกือบทุกวันจะมีน้ำพริกกะปิขายเป็นชุด ๆ ละ ๒๐ บาท...



อีกเจ้านึง ขายอาหารพื้นเมืองอยู่ในตลาดตรงหัวมุม (2) เจ้านี้นาน ๆ ถึงจะตำน้ำพริกกะปิมาวางขาย ชุดละ ๒๐ บาทเท่ากัน...  



เอาหละ... ลงทุน ๔๐ บาท ผมซื้อน้ำพริกกะปิจากแม่ค้าทั้ง ๒ เจ้ามาลองชิม เพื่อเปรียบเทียบว่าของใครจะอร่อยกว่ากัน นำมาวางไว้ด้วยกันแล้วถ่ายภาพไว้ก่อน ด้านซ้ายเป็นของแม่ค้า 1 ด้านขวาเป็นของแม่ค้า 2  อืมมม...ราคาเท่ากัน ปริมาณก็พอ ๆ กัน แต่เพื่อน ๆ ต้องตัดสินเอาเองว่าของใครสวยน่ากินกว่ากัน?


   
แม่ค้า 1 ให้ไข่ทอดชะอมกับแตงกวา...



แม่ค้า 2 ไม่มีแตงกวา แต่ให้ถั่วฝักยาว-มะเขือชุบแป้งทอดแทน...



ดูกันชัด ๆ แล้วค่อยตัดสินใจให้คะแนนนะครับ แม่ค้า 1 ตำพริกละเอียดกว่า (จริงๆ แล้วน่าจะใช้เครื่องปั่นมากกว่า)  ใส่กระเทียมและมะเขือเปาะ



ส่วนของแม่ค้า 2 มีพริกขี้หนูและมะเขือพวงลอยหน้า  พูดถึงรสชาติของน้ำพริก นักชิม ๓ คนซึ่งอายุรวมกันกว่า ๒๐๐ ปีได้ให้คำตอบเป็นเอกฉันท์ว่าของแม่ค้า 2 อร่อยกว่า (เข้าใจว่าคงเป็นเพราะทั้ง ๓ คนชอบกินหวาน)


สรุปแล้วผมให้เสมอกันครับ น้ำพริกกะปิชุดละ ๒๐ บาทอย่างเนี้ยหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว!! 

Tuesday, December 24, 2019

เปลี่ยนยางจักรยาน

หลังจากใช้งานมาเกือบ ๕ ปี เจ้า Banian ก็ถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนยางทั้ง ๒ เส้น...



ยางที่ติดมากับรถแม้ดูแล้วสภาพจะยังพอใช้งานได้ แต่ก็ไม่เหมาะที่จะใช้เดินทางไกลต่อไป ผมสั่งซื้อยางนอกและยางในมา ๒ ชุด เลือกยางนอกแบบขอบลวดยี่ห้อ Wanda ขนาด 20 x 1.75 (47-406) ราคาเส้นละ ๑๔๐ บาท



ยางในขนาด 20 x 1.75 เส้นละ ๑๐๐ บาท...


รวมแล้ว ๔๘๐ บาทเพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น วิธีเปลี่ยนก็ไม่ยากครับ ถอดของเก่าออกมาแล้วนำของใหม่ใส่เข้าไปโดยใช้เครื่องมือถอดยางยี่ห้อ Giant ที่ซื้อมา เติมลมให้เรียบร้อยแล้วอย่าลืมทำความสะอาดขอบล้อและซี่ล้อด้วยนะครับ...



ดูดอกยางใหม่ซิครับ...



เปลี่ยนยางเสร็จแล้วจ้า...



ก่อนนำออกใช้งาน ปั่นขึ้นเขาลงดอยก็ต้องใช้กุญแจ ๖ เหลี่ยมขันปรับจุดต่าง ๆ ให้เข้าที่ จากนั้นก็หยอดน้ำมันหล่อลื่น แล้วใช้สเปรย์จารบีขาว Bosny ฉีดเฟืองและโซ่



ลองใช้ดูครับ ง่ายดี สั่งซื้อมากระป๋องละ ๘๙ บาท



ปรับแต่งและตรวจเช็คให้ดี


 เรียบร้อยพร้อมออกเดินทางแย้ว...


Safety first  ได้เวลาก็ต้องเปลี่ยนครับ อย่ารอให้เกิดอุบัติเหตุซะก่อน!

Saturday, November 30, 2019

ซ่อมฐานยึดกล้องสไตล์ช่างเหอะ

เพื่อน ๆ ที่รัก! วันนี้ช่างเหอะเขียนเรื่องซ่อมฐานยึดกล้องติดรถยนต์หน่อยเด้อ...



กล้องติดรถยนต์ราคาถูกจากจีนบางครั้งก็ไม่แข็งแรงทนทาน บิดนิดบิดหน่อยเจ้าตัวต่อระหว่างฐานยึดกับตัวกล้องก็เสียแล้ว ทำด้วยพลาสติกคุณภาพต่ำ...รับแรงกดไม่เท่าไรก็พัง !



ช่างเหอะ...จัดอยู่ในจำพวกสุกเอาเผากิน ดังนั้นการซ่อมก็เอาง่ายเข้าว่า ผมไม่ต้องเสียเวลาหาอะไหล่ตัวใหม่ ไม่ต้องใช้กาวทาให้เปื้อนมือ แค่หาเข็มขัดรัดท่อ (host clamp) ขนาด หุนมา ๑ ตัว โยนชิ้นส่วนและเจ้าตัวที่แตกทิ้งไปให้หมด เอาเข็มขัดมารัดไว้แทนอย่างที่เห็นนี่แหละ...



ใช้ไขควงแบนขันให้ตึงมือ เรียบร้อยแล้วกั๊บ มันแน่นดีกว่าเก่าด้วยซ้ำ...



ไม่ต้องเสียเวลา ไม่ต้องหาอะไหล่ เป็นสไตล์ DIY ของช่างเหอะครับผม

Wednesday, November 20, 2019

call it a night

วันนี้คุยเรื่องภาษาปะกิตนิดนึงน้าาาา...



เวลาอินดี้มาเรียนไวโอลินกับผม นอกจากวิชาดนตรีแล้ว...ตาแก่เมืองรถม้าจะพยายามสอดแทรกด้านภาษาอังกฤษวันละนิดวันละหน่อย เพื่อให้นักเรียนได้รู้คำศัพท์บางคำที่ใช้ได้ในชีวิตประจำวัน นอกเหนือจากที่ได้รับการสอนจากครูผู้เชี่ยวชาญในโรงเรียน ผมบอกอินดี้ว่า "อย่ากลัวฝรั่ง อย่าหงอ!"  เค้าใช้ภาษา Mother tongue ของเค้าพูดกับเราคนไทยผู้พูดไทยและยังรู้ภาษาที่เค้าพูดอีกด้วย (จะดีมากน้อยแค่ไหนก็ไม่ว่ากัน) !

ผมค่อนข้างเชื่อว่าในบรรดาครูภาษาอังกฤษตามโรงเรียน หากอาศัยแค่เพียงตำรา ไม่มีเวลาดูหนังฝรั่ง (เสียงในฟิล์ม) ไม่ค่อยสนใจใฝ่หาความรู้เพิ่มเติม และไม่ชอบเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ ครูเหล่านั้นแม้จะเก่งจริง แต่บางครั้งอาจไม่รู้จักคำศัพท์บางคำที่ใช้ทั่วไปในภาษาพูด หรือเป็นคำสแลง สำนวนที่ไม่ค่อยจะได้ยิน ด้วยเหตุนี้ผมจึงอยากให้อินดี้รู้จักคำศัพท์นอกตำราไว้บ้าง อย่างเช่นคำว่า take a leak (ไปฉี่) เป็นต้น  ทุกวันนี้ไม่มีอินดี้มาเรียนอีกแล้ว ผมไม่รู้จะหาสำนวนแผลง ๆ มาบอกใคร เลยขอมาเขียนแก้กลุ้มในบล็อกช่างเหอะละกัน...

เมื่อคืนดูหนังเรื่อง Hospitality  พบสำนวนที่ Cam ใช้พูดกับ Donna ว่า "call it a night" น่าสนใจครับ...


ภาพจาก imdb.com - thanks!
คุณครูพี่แนนเขียนไว้ในไทยรัฐออนไลน์ว่า..
Call it a day และ Call it a night เป็นสำนวนใช้ในความหมายว่า ได้เวลาเลิกทำงานหรือกิจกรรมที่ทำอยู่ เพราะทำมาตลอดทั้งวันหรือคืนแล้ว อย่างเช่นวันนี้แนนสอนหนังสือมาตลอดทั้งวัน และตบท้ายวันด้วยการส่งบทความนี้ถึงมือท่านผู้อ่าน คิดว่าวันนี้ได้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่าแล้ว คงได้เวลา Call it a day ก็จะพูดว่า “I’m very tried. Let’s call it a day! วันนี้เหนื่อยจริงๆ เลิกงานกันดีกว่า!”
ขอบคุณมากครับ ขอหยิบยกเอามาอ้างอิงซะเลย อยากให้เพื่อน ๆ จำเอาไว้ใช้พูดกับฝรั่งครับ อย่างเช่นภรรยารบเร้าจะให้สามีทำการบ้านทั้งคืน ก็บอกไปเลยว่า "I’m so tried. Let’s call it a night"  เหมือนอย่างที่ครูแนนยกตัวอย่างไว้ข้างบนอ่ะ

อยากรู้ที่เค้าพูดกันในหนัง Hospitality ก็ต้องไปหาโหลดมาดูเองเด้อ... 

Tuesday, November 19, 2019

ทดสอบจานหน้า 49 ฟัน

เพื่อน ๆ จำได้มั้ยครับว่า ผมเปลี่ยนจานหน้าของเจ้า Banian จาก ๕๒ ฟันเป็น ๓๙ ฟันแล้ว... อยากให้การปั่นขึ้นเนินทำได้ง่ายขึ้นอ่ะ



ใช้จานราคา ๑๖๓ บาทมาใส่แทนจานที่ติดมากับรถ...  ประหยัดดี!


ผมเขียนว่า "...แล้วค่อยหาเวลาออกไปปั่นบนท้องถนน เพื่อทดสอบจานหน้า 39T ว่ามันจะพาผมขึ้นเขาลูกเล็ก ๆ ได้หรือเปล่า?..."


วันนี้มีโอกาสได้ทดสอบแล้วครับ บนถนนหมายเลข 1039 (ลำปาง-ห้างฉัตรสายเก่า) มีสะพานข้ามทางรถไฟซึ่งสูงเอาการ...



กลับมาจากการซ้อม ระหว่างทางผมเห็นแล้ว! นั่นไงสะพานข้ามทางรถไฟข้างหน้าโน้น...  


ปั่นตรงไปด้วยเกียร์ 9 (49/11) จนขึ้นสะพาน ระหว่างที่รถไต่ขึ้นทางชัน ก็ลดเกียร์ลงเรื่อย ๆ พยายามรักษารอบขาให้คงที่ ตั้งแต่หัดซ่อมจักรยานมาเนี่ย...ผมเริ่มมองเห็นภาพในสมองเมื่อเปลี่ยนเกียร์จาก 9-8-7-6-5



รู้สึกดีใจที่การปั่น uphill ไม่หนักสักเท่าใด พอถึงจุด peak ยังคงค้างอีกตั้ง ๓ เกียร์ ผมคิดว่าหากต้องโหลดสัมภาระติดรถเพิ่มอีก ๒๐ กิโลกรัม หนักขึ้น...ถึงตอนนั้นคงต้องใช้ถึงเกียร์ 1 


โอเคครับ... จานใบใหม่ใช้ได้ไม่ติดขัด หวังว่า FB Trip ครั้งต่อไป คงไม่ต้องลงจูงบ่อย ๆ แล้วเนอะ

Monday, November 18, 2019

หมอหนุ่ย

เพื่อน ๆ MC08 ต่างเรียกคุณจักรกฤษณ์ ศิริวัฒรางกุล ซึ่งอาศัยอยู่ที่ Jordan Parkway, N Prince George, Hopewell VA, USA ว่า "หมอหนุ่ย" 


ภาพจากหนังสืออนุสรณ์ ๕๐ ปี่มงฟอร์ต ๐๘

วันนี้คิดถึงหมอหนุ่ยครับ ขออนุญาตเขียนถึงสักหน่อย โอกาสที่จะได้พบกันคงไม่มีอีกแล้ว...



ตอนเรียนหนังสือที่มงฟอร์ต หมอหนุ่ยใช้นามสกุลว่า "ศรีวิชัย" จำได้ว่าหมอหนุ่ยเล่นกีต้าร์ดีมาก เป็นนักเรียนเก่งระดับ Top 5  บ้านอยู่ที่ "ร้านใบเมี่ยง" อาคารพาณิชย์ใกล้ตลาดต้นลำไย ถนนวิชยานนท์ ผ่านมากว่า ๕๐ ปี...ผมจำไม่ได้แล้ว! ลองดูใน Google Street View เห็นภาพอาคารซึ่งไม่แน่ใจว่าจะเป็นที่อยู่ของหมอหนุ่ยในอดีตหรือไม่?? 

ภาพจาก Google Street View - thanks!

ในรูปนักเรียนเก่า ผม (5) พยายามมองหาว่าหมอหนุ่ยยืนอยู่ตรงไหน? ถ้าจะให้เดาก็คิดว่าน่าจะอยู่หน้าทักษิณ (2) และเสี่ยซ้ง ยืนอยู่แถวเดียวกันกับท่านนายพลนรินทร์ (4) ติดกับจงฤทธิ์ (aussie man)...



ก่อนจบ มศ.๓ หมอหนุ่ยไปเล่นกีต้าร์ที่บ้านทุ่งโฮเต็ลของผมเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นก็ไม่พบกันอีกเลย ผมไม่ทราบข่าวคราวของหนุ่ยอยู่ราว ๆ ๕ ทศวรรษ ต่อมาค้นหาในอินเทอร์เน็ตได้ข่าวว่าเพื่อนคนนี้ไปเป็นนายแพทย์อยู่ที่อเมริกาโน่น หมอหนุ่ยเลี้ยงสุนัขตัวละเป็นล้าน...ว่ากันเช่นนั้น ไม่ทราบเหมือนกันว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไหน แต่ก็เป็นอเมริกันชนผู้ร่ำรวยคนหนึ่ง เคยได้โทรศัพท์คุยกันครั้งนึงในช่วงที่หมอหนุ่ยกลับมาเยี่ยมบ้านที่เชียงใหม่ จากนั้นเราก็ไม่ได้สื่อสารถึงกันอีก (หลังจากผมเลิกใช้ไลน์)

หมอหนุ่ยเป็นคนเก่งคนกล้า จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต ด้วยฐานะที่ร่ำรวย อาศัยอยู่ในบ้านเมืองศิวิไลซ์ เป็นหมอดูแลรักษาตัวเอง หมอหนุ่ยน่าจะมีอายุเป็นร้อยหรือไม่ก็เฉียดร้อย ที่ได้ข่าวมาว่าอาจมีโครงการกลับมาอยู่เมืองไทยในช่วงบั้นปลาย ก็อยากจะบอกหมอว่าอย่ามาเล้ย!

ประเทศกูมีไม่มีความยุติธรรมให้กับเพื่อนหรอก! อยู่เมกานั่นแหละดีแล้ว!

Sunday, November 17, 2019

ซ่อมเครื่องทำน้ำอุ่น

วันนี้ขอเขียนเรื่องงาน DIY หน่อยนะครับ...


เครื่องทำน้ำอุ่นยี่ห้อ Sharp รุ่น WH-462E ขนาด 3,500 W ราคา ๔ พันกว่า  เพื่อนบ้านซื้อมาแพง ถ้ามันไม่ทำงานก็เป็นที่น่าเสียดาย จริง ๆ แล้วเจ้าเครื่องทำน้ำอุ่นหรือที่ฝรั่งเรียกว่า Water Heater หากติดตั้งถูกวิธี ระบบน้ำเข้า-ออกสมบูรณ์ ด้วยแรงดันคงที่และแรงพอ ถ้าเปิดใช้งานตามปกติ อายุของมันก็จะนาน ไม่เสียง่าย ๆ หรอก! 

แต่ถ้าเกิดเสียขึ้นมา ก็ซ่อมไม่ยาก เพราะตัวเครื่องไม่มีอะไรซับซ้อน ชิ้นส่วนอุปกรณ์ก็หาได้มีขนาดเล็กจิ๋วไม่ ระบบการทำงานไม่ซับซ้อน การตรวจเช็คเครื่องไม่ใช่เรื่องยาก แต่สิ่งที่น่ากังวลคือ เรื่องไฟรั่วหรือไฟดูด ซึ่งต้องระวังให้ดี อย่าเหยียบพื้นด้วยเท้าเปล่า อย่าให้เปียกน้ำ จะทำอะไรก็ต้องแน่ใจว่าตัดไฟแล้ว  อาการเสียส่วนใหญ่คือน้ำไม่ร้อน ไฟสีแดงแสดงสถานะ heater ไม่ติด เมื่อแกะฝาหน้าออกมา เราจะเห็นตับไตไส้พุงของมันอย่างในภาพ....


เมื่อทราบว่าไม่มีอาการเหม็นไหม้มาก่อน น้ำก็ไหลปกติดี ผมก็ค่อนข้างเชื่อมั่นว่า heater ไม่ขาด ยิ่งเปิดออกมาแล้วเห็นสภาพดูใหม่ใสวับ คิดว่าอุปกรณ์ที่เสียน่าจะเป็นเจ้าสวิทช์ตัวที่แกะออกมาวางข้างนอกนั่นมากกว่า...


ตัวพลาสติกต่อกับท่อน้ำเข้าที่เห็นอยู่่ข้างหน้านั่น คือตัวบังคับให้แผงวงจรจ่ายไฟกับ heater (เรียกง่าย ๆ ว่า "หม้อต้ม") เวลาเราเปิดก๊อกและกดปุ่มด้านหน้า (2) แรงดันน้ำจะไปทำให้เดือยเหล็กเล็ก ๆ นั่น (3) ยื่นออกมากดเจ้าสวิทช์ (4) ให้อยู่ในตำแหน่ง ON ถ้าน้ำไม่แรงพอ ก็ไม่สามารถกดเปิดสวิทช์ได้ (เพื่อป้องกันมิให้หม้อต้มพัง)



แกะสวิทช์ออกมาเช็คดูแล้ว พบว่ามันไม่ทำงาน (ปุ่มมันจม)  



ทีแรกก็ปวดหัวอยู่เหมือนกัน เพราะจะสั่งอะไหล่มาเปลี่ยนเห็นที่จะยุ่งยากเสียเวลา ผมสวมวิญญาณช่างเหอะอีกครั้ง เอาเจ้าโซแน็กออกมา หุหุ...มีคุณบิมคนเดียวเท่านั้นที่จะเข้าใจ พ่อเลี้ยงเจียงใหม่รู้ดีว่า เอะอะอะไรก็มักเรียกใช้เจ้าโซแน็กอยู่เป็นนิจ...



ไม่ต้องทำอะไรมาก แค่ฉีดน้ำยาอเนกประสงค์เข้าไป เอามือกำเจ้าสวิทช์สี่เหลี่ยมนั่นตบลงกับพื้นหลาย ๆ ครั้ง ในที่สุดเจ้าปุ่มเล็ก ๆ ก็เด้งออกมา ใช้นิ้วกดต๊อกแต๊ก ๆ ได้แล้ว ฉีดโซแน๊กอีกหน่อย ค่อย ๆ กดสวิทช์ on-off ไปมา ตรวจสอบด้วย ohmmeter พบว่าใช้งานได้แล้ว จากนั้นก็นำสวิทช์ประกอบเข้าที่ตามเดิม แล้วหาสายไฟมาต่อเพื่อนำไปทดสอบกับฝักบัวในห้องน้ำ...



ดีแย้ว! สวิทช์ทำงานตามปกติ ช่างเหอะยิ้มออกเมื่อสัมผัสน้ำอุ่นที่ไหลออกมาจากท่อ!

Saturday, November 16, 2019

ความสุขบนเส้นทาง ๒๘ กิโลเมตร

ขอรายงานต่อเรื่องการซ้อมปั่นจักรยานสำหรับ "FB Trip ไปทุ่งไหหิน" นะครับ...


เช้านี้ออกจากบ้านประมาณ ๖ โมงครึ่ง อากาศไม่หนาว ผมสวมกางเกงสะดอ เสื้อยืด ทับด้วยเสื้อเชิ้ตไม่กลัดกระดุมเพื่อใช้ประโยชน์จากกระเป๋าเสื้อ ไม่พกกระเป๋าตังค์ ไม่มีมือถือ ไม่มีน้ำดื่ม และไม่มีเป้าหมายล่วงหน้า จากบ้าน (ร้านเปียโน) ปั่นตรงไปยังบ้านแม่ฮาวก่อน แล้วตัดสินใจเลี้ยวขวา ผ่านวัดดอนสัก ไปจนถึงวัดสถานีรถไฟ แล้วมุ่งหน้าไปจนถึงบ้านป่าไคร้ ถีงตอนนั้นก็ได้ประมาณ ๑๐ กิโลเมตร...



ไปจนถึงวัดบ้านล้องที่เคยถ่ายภาพมาแล้วครั้งนึง เช้านี้เห็นประตูโบสถ์เปิดอยู่ หากไม่แวะดูคงจะเสียชื่อลุงน้ำชา....


จากวัดบ้านล้อง ปั่นไปเรื่อย ๆ จนถึงวัดทุ่งผา...


บรรยากาศท้องทุ่งทำให้ลุงน้ำชาลืมความทุกข์ทั้งปวง...




สรุปแล้ว วันนี้ผมปั่นจักรยานผ่านวัดทั้งหมด ๖ วัด แวะถ่ายภาพแค่ ๒ วัด รวมรูปที่เก็บได้ ๑๓๐ บาน มีทั้งนก หมา วัว และเพิ่มมาใหม่คือควาย...
 

กลับเข้าบ้านก่อน ๘ โมงครึ่ง ผมใช้เวลาไปทั้งหมดประมาณ ๒ ชั่วโมง ได้ระยะทางคิดคร่าว ๆ ประมาณ ๒๘ กิโลเมตร เหลืออีก ๔๐ วันที่จะฟื้นฟูพลังขา ไม่รู้ว่าจะแข็งแรงพอที่จะปั่นไปทุ่งไหหินได้หรือเปล่า?


งานนี้ถ้าไม่ไหวก็คงต้องยกเลิก!