Friday, October 30, 2015

รถเมล์ขาว เทศบาลนครเชียงใหม่


เชียงใหม่เป็นเมืองใหญ่ที่ต้องอาศัยระบบขนส่งมวลชนที่ดี ผมจำได้ว่าหลายปีมาแล้วเคยมีรถเมล์ของเทศบาลนครเชียงใหม่วิ่งจากสถานีขนส่งอาเขตไปยังสนามม้าหนองฮ้อ (เคยนั่งและเก็บภาพไว้ด้วย) น่าเสียดายที่โครงการถูกเลิกล้มไป หลังจากบริการได้ไม่นาน...


เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา ผมได้ไปที่สถานีขนส่งอาเขตเชียงใหม่เพื่อขึ้นรถเมล์เขียวกลับลำปาง...


พบว่าทางเทศบาลฯ ได้นำรถเมล์กลับมาให้บริการอีกแล้ว...


ดีกว่าเก่า เพราะมีถึง ๓ สาย...


เป็นรถบัสปรับอากาศสีขาวขนาดเล็ก จอดรออยู่ด้านหน้าเห็นได้ชัดเจน...





สาย ๑ วิ่งไปหลัง ม.ช. ผ่านกาดหลวง....


สาย ๒ ไปห้วยแก้ว...


สาย ๗ ไปขนส่งช้างเผือก...


 นับว่าเป็นสิ่งที่ดี ช่วยให้นักเดินทางมีทางเลือกมากขึ้น... 

Thursday, October 29, 2015

ล้างพิษตับ - ตารางปฏิบัติวันแรก


ระหว่างวันที่ ๑๕ ตุลาคม - ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๘ ผมไปร่วมใน "หลักสูตรล้างพิษตับแบบอาจารย์ขวัญดิน" ที่สถาบันฝึกอบรมผู้นำ ซึ่งจัดเป็นรุ่นที่ ๑๒๘ ตารางปฏิบัติในวันแรกมีดังนี้...
๐๙.๐๐ น. - ๑๔.๓๐ น. ลงทะเบียน กรอกข้อมูลสุขภาพ / ตรวจสุขภาพ วัดความดัน ชั่งน้ำหนัก ตรวจธาตุเจ้าเรือน ฯลฯ / เข้าบ้านพัก
๑๔.๓๐ น. หยุดรับประทานของขบเคี้ยว ดื่มน้ำผลไม้หรือน้ำเปล่าได้
๑๔.๓๐ น. - ๑๕.๓๐ น. ปฐมนิเทศ
๑๕.๓๐ น. - ๑๖.๑๕ น. แนะนำการสวนล้างลำไส้ระบายพิษ (ดีท็อกซ์)
๑๖.๑๕ น. - ๑๘.๑๕ น. สวนล้างลำไส้ระบายพิษด้วยน้ำสะเดาที่บ้านพัก
๑๘.๑๕ น. - ๑๘.๔๕ น. แนะนำกิจกรรมล้างพิษ, แนะนำผู้ช่วยครู - จิตอาสา และหมอบำบัด ที่ห้องประชุม ๓
๑๙.๐๐ น. รับประทานสมุนไพรระบายพิษชำระเมือกมัน ที่ห้องประชุม ๓
๑๙.๓๐ น. ประชุมกลุ่มย่อยผู้ที่มีอาการท้องผูกหรือเป็นไมเกรน ที่ห้องเรือนเครื่องดื่ม ส่วนผู้ไม่มีอาการให้กลับบ้านพัก
๒๐.๐๐ น. เลิกประชุมกลุ่มย่อย / กลับเข้าบ้านพัก / ภารกิจส่วนตัว / เข้านอน
เรื่องการอดอาหาร ผู้ช่วยครูบอกว่าถ้าหิวก็สามารถไปชงน้ำข้าวกล้องที่เรือนเครื่องดื่มกินได้ แต่ผมไม่ไป ได้แต่ดื่มน้ำด่าง พยายามให้ได้ ๕ ขวดตามคำแนะนำ แปลกจัง..ไม่รู้สึกหิว ท้องก็ไม่ร้องด้วย!


มีจักรยาน ผมได้เปรียบคนอื่น ๆ สามารถปั่นจากบ้านพักไปยังห้องประชุม ๓ ได้สบาย...


ช่วง ๑๖.๑๕ น- ๑๘.๑๕ น. ต้องสวนล้างลำไส้ระบายพิษด้วยน้ำสะเดา หรือพูดง่าย ๆ ว่าสวนก้นตัวเอง ผมมีเวลา ๒ ชั่วโมงที่จะลงมือปฏิบัติ.... ต้องเรียนรู้อีกแล้ว!!


กว่าจะผ่านไปได้ก็ลำบากอยู่ไม่น้อย... แล้วจะเล่าให้ฟังครับ!!!

Wednesday, October 28, 2015

เปียโนคีย์ค้าง...

เมื่อวานนี้ผมไปซ่อมเปียโนให้อาจารย์ท่านหนึ่ง อาการคือคีย์ค้างและเสียงเพี้ยน!


เป็นเปียโนอัพไรท์รุ่นที่ผลิตในอินโดนีเซีย สภาพค่อนข้างเก่า เปิดฝาออกมาเห็นค้อนเคาะที่ค้างอยู่...




มีอยู่ ๓ ตัว...ผมต้องซ่อมอาการคีย์ค้างก่อน โดยทำเครื่องหมายไว้แล้วยก action ออกไปทั้งชุด



ใช้ไขควงปากแบนแกะชิ้นส่วนของค้อนเคาะออกมาซ่อมทีละชุด บางตัวอาจสปริงหลุด...


บางตัวอาจฝืด (ห้ามใช้น้ำมันหล่อลื่นโดยเด็ดขาด คาร์บอนจากไส้ดินสออาจพอช่วยได้)...


อย่าลืมปัดฝุ่นทำความสะอาดก่อนนำ action ใส่กลับคืนด้วยความระมัดระวัง...


 เมื่อคีย์หายค้างก็ลงมือตั้งสายได้...


แต่ดันลืมเครื่องมือสำคัญไปชิ้นนึงคือ...เจ้าตัวเนี้ย


ทำให้งานช้าลง กว่าจะแล้วเสร็จก็ ๔ โมงเย็น ผมปั่นจักรยานกลับบ้านห้างฉัตรด้วยความเหนื่อยล้า!

Tuesday, October 27, 2015

map drawing

เช้าวันนี้...พร้อมกับเครื่องมือซ่อมเปียโน ผมปั่นจักรยานออกจากบ้านห้างฉัตรเข้าเมืองเพื่อพบคุณหมอพรเทพตามนัด 


รู้สึกดีใจที่น้ำหนักตัวลดลง รอบเอวก็ลดลง... ผมได้รับยาโรคหัวใจมากินตามปกติ จากนั้นก็ปั่นจักรยานไปโรงงานเซรามิกแสงอรุณเพื่อตั้งสายเปียโนให้คุณอารีย์...


ปรากฏว่าเจ้าของเปียโนไปต่างจังหวัด ผมจึงตัดสินใจไปซ่อมเปียโนให้อาจารย์ท่านหนึ่งซึ่งมีบ้านอยู่ทางวัดม่อนจำศีล ตำบลพระบาท...
  

ผมขี่จักรยานจากคลีนิกหมอพรเทพบนถนนบุญวาทย์ไปยังถนนสนามบิน ข้ามสี่แยกซุปเปอร์ไฮเวย์ (1) ไปผ่านบ้านเก่าที่แอร์พอร์ทวิลล่า (2) เลี้ยวซ้ายที่สะพาน (3) แล้วขี่เลียบลำคลองไปเรื่อย ๆ จนผ่านหน้าวิทยาลัยสารพัดช่าง (4)...


อาศัยแผนที่ที่ท่านอาจารย์เขียนไว้ให้ผิด ทำให้ผมไปปั่นจักรยานหาคนละทิศคนละทางจนเหงื่อหยด!!  หมดทางก็ต้องโทรไปสอบถาม ถึงได้ข้ามสะพาน (6) แล้วเลี้ยวซ้ายไปจนถึงจุดหมาย (7) ได้ในที่สุด

ผมคิดว่าการฝึกเขียนและอ่านแผนที่เป็นสิ่งหนึ่งซึ่งจะทำให้เพื่อน ๆ เป็นนักเดินทางที่บรรลุถึงเป้าหมายได้โดยไม่หลงทางหรือทำให้คนอื่นหลง!

อยากเป็นนักเดินทาง ก็ต้องฝึก map drawing ไว้ด้วยครับ!

Monday, October 26, 2015

ขวดดีท็อกซ์

 

เริ่มเข้าเหมันต์ เช้านี้มีหมอกลงให้เห็น แต่ลมหนาวที่รอคอยยังคงมาไม่ถึง ถ้าวันใดได้สัมผัสสายลมเย็น...ผมคงจะยิ้มได้อย่างมีความสุข!   

พักนี้งานช่างเหอะยังไม่คืบหน้า การปูกระเบื้องห้องเครื่องสายยังคงต้องรอเครื่องมือที่จะทำให้เสร็จ เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน พรุ่งนี้ก็จะออกพรรษาแล้ว! อย่างนี้แล้วร่างกายจะไม่ให้ทรุดโทรมได้อย่างไร?  

พูดถึงเรื่องสุขภาพ... หลังจากกลับจากการล้างพิษตับที่กาญจนบุรี พฤติกรรมในการกินของผมเปลี่ยนไปไม่น้อย ทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งดี เท่าที่คิดได้มีดังนี้...
- น้ำหนักลดลงไปประมาณ ๔ กิโลกรัม
- เลิกดื่มกาแฟและหลีกเลี่ยงการบริโภคไขมันทรานส์
- ตื่นแต่เช้า ดีท็อกซ์ตัวเองทุกวัน
- ทำ oil pulling ทุกเช้า
- เข้านอนเร็วกว่าเดิม
- กินข้าวน้อยลง และคำนึงถึงประโยชน์และโทษของสิ่งที่จะนำเข้าปากทุกครั้ง
- บริโภคผักและผลไม้มากกว่าเดิม
- เคี้ยวอาหารละเอียดกว่าเดิม
- ใช้เวลานั่งหน้าคอมพ์ฯ น้อยลง
จริง ๆ แล้วมีอีกนะ แต่คิดไม่ออก 555

ผมไม่ได้เขียนเรื่องดนตรีมานาน เพราะตระหนักดีว่าตัวเองไม่มีภูมิพอที่จะเขียน โดยเฉพาะของเรื่องไวโอลิน (อายเค้าน่ะ)  จึงอยากจะเขียนเล่าเรื่องการไปล้างพิษตับที่โรงเรียนผู้นำ จังหวัดกาญจนบุรีมากกว่า...

ปกติเป็นคนไม่กลัวเข็ม ถ้าไปเจาะเลือดผมจะมองดูตลอด...ไม่เคยเบือนหน้าหนี!  จำได้ว่าที่วิทยาลัยพายัพ.. ผมเรียนวิชาสรีรวิทยา (physiology) อาจารย์ Betsy ให้เจาะนิ้วตัวเองเพื่อนำเลือดไปตรวจหากรู๊ป ก็เจาะได้สบาย แถมยังช่วยเจาะให้เพื่อน ๆ ด้วย แต่ไปล้างพิษตับ ทุกคนจะต้อง detox ตัวเอง พูดง่าย ๆ ก็คือต้องสวนก้นตัวเองนั่นแหละ มันทำให้ผมรู้สึกเป็นกังวลเหมือนกันนะ ก็ยังไม่เคยทำมาก่อนนี่นา!

ไปถึงค่ายล้างพิษฯ เค้าก็แจกชุดล้างพิษให้ หนึ่งในนั้นคือ "ขวดดีท๊อกซ์ (detox bottle)"
   

ข้างถุงบรรจุขวดดีท๊อกซ์มีคำแนะนำพิมพ์ไว้ดังนี้...


๑๔.๓๐ น. วันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๘ เริ่มปฐมนิเทศ  จากนั้นครูผู้ช่วยก็แนะนำการสวนล้างพิษลำไส้ระบายพิษ (ดีท็อกซ์)

  
ผมนั่งฟังอย่างสนอกสนใจ ในใจคิดว่าเราจะทำได้หรือเปล่าน้อ?

Sunday, October 25, 2015

การเดินทางไกลด้วยรถบัส

วันนี้ผมได้อ่านข่าว "อุบัติเหตุรถทัวร์นำเที่ยวเสียหลักหลุดโค้ง  ๑๐๐ ศพ เขาตับเต่า ในพื้นที่ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี เสียชีวิตคาที่ ๘ ราย บาดเจ็บสาหัส ๒๒ ราย บาดเจ็บเล็กน้อย ๖ ราย..." ด้วยความรู้สึกสลดใจ!

ภาพจาก manager online
เพิ่งกลับจากการปั่นจักรยานในจังหวัดกาญจนบุรี  อยากเห็นเส้นทางผ่านตำบลท่ากระดาน...ผมเข้าไปใน google earth  ค้นหาตำแหน่งของอุทยานแห่งชาติเอราวัณซึ่งอยู่ในอำเภอศรีสวัสดิ์ แล้ว scroll ดูเส้นทางที่ตัดผ่านพื้นที่อันตราย... 


มิน่าเล่า... อุบัติเหตุจึงเกิดขึ้นบ่อยครั้งจนจุดดังกล่าวถูกเรียกว่า "โค้ง ๑๐๐ ศพ" (ขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บด้วยครับ)

การเดินทางไกลด้วยรถยนต์โดยสาร ผมเคยบอกกับเพื่อน ๆ ว่า ถ้าเป็นตอนกลางวัน ผมจะไม่หลับ แต่จะตื่นตัวอยู่เสมอ แม้จะเป็นเส้นทางที่ไปมาอยู่เป็นประจำก็ตาม ส่วนการเดินทางตอนกลางคืนก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องหลับ...

คืนวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๘... ผมนั่งรถ บขส. (ป.2) จากห้างฉัตรไปหมอชิต เบาะนั่งสบายครับ!


แอร์ก็เย็น ถึงกับมีผ้าห่มแจกให้คนละผืน...


เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว บนรถกลางคืน..ผู้โดยสารส่วนใหญ่ก็จะหลับในระหว่างการเดินทาง หากอุบัติเหตุเกิดขึ้น กว่าจะรู้ตัวก็เมื่อมันผ่านไปแล้ว หรือบางครั้งอาจไม่มีโอกาสได้รู้ตัวอีกเลย! 


เพื่อน ๆ ที่รักครับ ถ้าเป็นการเดินทางไกลด้วยรถบัส ผมจะต้องมองหารถ บขส. ก่อน จริงอยู่ที่ว่าผู้สูงอายุอย่างผม บขส. ลดค่าโดยสารครึ่งนึง แต่ข้อดีอีกอย่างหนึ่งก็คือ การขับรถที่จำกัดความเร็ว สามารถตรวจสอบได้ผ่านระบบ GPS 


ปัจจุบันนี้พอรถออกก็จะมีวิดีโอแสดงให้เห็นการคาดเข็มขัดนิรภัย ตลอดจนแจ้งข้อควรรู้ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ..


ทั้งเขียนบอกไว้บนแผ่นป้ายและฉายเป็นตัววิ่งให้ผู้โดยสารทุกคนคาดเข็มขัด แต่ผมก็ไม่เห็นใครทำตาม ถ้าจะมีก็คงเป็นเจ้าตาแก่จากเมืองรถม้าเท่านั้น! 


 

การคาดเข็มขัดแม้จะทำให้เคลื่อนไหวได้ไม่คล่องตัว แต่ก็มีประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่หลับใหล หากเกิดอุบัติเหตุ เราคงไม่ถึงกับกระเด็นออกไปนอกรถ (เหมือนในภาพบนสุด) 

ส่วนสัมภาระอย่างพวกเป้หรือกระเป๋าใบใหญ่ ให้เอาไว้ในที่เก็บจะดีกว่า หากเอาขึ้นรถไปอัดไว้กับตัวก็จะทำให้ไม่สะดวก บางครั้งอาจตกใส่ได้! 


เป็น tips เล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับการเดินทางสไตล์ช่างเหอะ!

Sunday, October 11, 2015

rehair - เพิ่มค่าตัวให้น้องโบว์

ว่าด้วยเรื่อง rehair ต่ออีกนิดนะครับ ผมเคยเล่าว่าก่อนหน้านี้ได้ทดลองเปลี่ยนหางม้าให้กับคันชักไวโอลินของน้องเมเปิล...



วันนั้นต้องรื้อเอาหางม้าคันชักไวโอลินของคุณหมอพรเทพที่ได้ใส่ไว้แล้วออกมาใช้ก่อน ผมจึงต้องหาซื้ออะไหล่มาใหม่ ซึ่งก็ได้มาแล้วครับ ทาง Violin & String Studio ซึ่งอยู่ในเชียงใหม่ส่งมาให้ทางไปรษณีย์ด่วนพิเศษ...


เค้าส่งให้ฟรีครับ ผมสั่งมา ๒ ชุด ๆ ละ ๕๐๐ บาท เป็นหางม้ายาว ๘๐-๘๒ เซนติเมตร สามารถนำมาใส่คันชักไวโอลินและวิโอล่าขนาด 4/4 ได้เลย....


แกะออกมาให้เพื่อน ๆ ดูหน่อยนะ ปลายด้านนึงมัดด้ายและใส่กาวมาแล้ว... 


เป็นการหาประสบการณ์ในการใส่หางม้าให้คันชักไวโอลินครั้งที่สามของผม...



ก็ยังไม่เป็นที่พอใจซักเท่าไร ผมคิดว่าต้องเตรียมเครื่องไม้เครื่องมือให้ดีกว่านี้ แต่อย่างไร มันก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ครับ เช้าวันนี้ผมขึ้นรถสองแถวจากห้างฉัตรนำไปให้คุณหมอพรเทพที่โบสถ์โมทนา ถนนห้างฉัตร....


ระหว่างนั่งรอรถที่ศาลาริมทาง...ขอถ่ายรูปน้องโบว์ที่กำลังจะจากอ้อมอกไปไว้เป็นที่ระลึก...



อยากให้เพื่อน ๆ ลองฝึก rehair ดูนะ ลงทุนแค่ ๕๐๐ บาทจะสามารถเปลี่ยนน้องโบว์สุดที่รักให้กลายเป็นคันชักราคาเป็นพันได้เล้ย!!