Saturday, December 22, 2012

Feature ใหม่ของ Blogger!



ผมใช้บริการของ Blogger ในการเขียน "บล็อกช่างเหอะ" มานานแล้ว คุณเมธีและคุณไพสิทธิ์ก็ใช้ ถ้าเปรียบเทียบกับ WordPress ที่ใช้ทำ "บล็อกคุยกะลุงน้ำชา" ผมคงต้องสารภาพว่าผมชอบ Blogger มากกว่า  เหตุผล คือ..เร็วกว่า  อีกทั้งยังสะดวกในการเขียน การอัพโหลดภาพ ทำลิงค์ หรือปรับเปลี่ยนแก้ไข 

พอดีตั้งใจว่าจะใช้เขียนเกี่ยวกับงานช่างหรืออะไรก็ตามที่เป็นเรื่องราวของเทคนิค เมื่อไม่มีวัตถุดิบบางครั้งผมก็ละเลยเจ้า Blogger ติดต่อกันนาน ดังเช่นในช่่วงที่ผ่านมา!

เมื่อวานนี้ ผมได้เข้ามาเขียน"บล็อกช่างเหอะ" อีก พบว่านอกจากรูปโฉมใหม่ในหน้า admin แล้ว บนแถบเมนูก็ยังมี option "ให้แทรกวิดีโอ" เพิ่มขึ้นมา  ถ้างั้นก็แจ๋วซิครับ !  ผมทดลองใส่วิดีโอคลิป "นั่งเรือชมทะเลสาบอินเล" (ยาว 2:21 นาที ขนาด 42.5 MB) ลงในบล็อกทันที!


ง่ายมากครับ ขั้นตอนน้อยกว่าการใส่วิดีโอคลิปใน WordPress เสียอีก!

เพียงแต่ตอนอัพโหลดต้องใจเย็น ๆ หน่อยเท่านั้น เมื่ออัพสมบูรณ์แล้ว...มันจะขึ้นให้เรียบร้อยเลย  เพื่อน ๆ ไม่ต้องทำลิงค์ให้ยุ่งยาก  ตัวอย่างได้มาดังนี้ครับ....


ผมรู้สึกดีใจที่การเขียนบล็อกหรือทำเว็บสมัยนี้ มันช่างง่ายเสียจริง!

Friday, December 21, 2012

เลือกเป้


สวัสดีเพื่อน ๆ ที่รัก...

ผมต้องขออภัยอีกครั้งที่ว่างเว้นการอัพเดทบล็อกช่างเหอะไปเสียนาน  วันนี้ไม่เขียนต่อคงไม่ได้แล้ว

สำหรับเรื่องงานช่าง แม้ผมจะมีโอกาสได้ทำบ้างในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าสนใจสักเท่าใด พอดีมีทีท่าว่าจะได้ขายบ้านด้วย...ผมก็เลยต้องเที่ยวหาดูบ้านไว้ล่วงหน้า เผื่อขายได้จริง ๆ ผมจะได้ย้ายไปอยู่ที่ใหม่ได้โดยไม่ติดขัด  เมื่อถึงตอนนั้นผมก็คิดว่าน่าจะมีเรื่องราวเกี่ยวกับงานซ่อมสร้างบ้านที่นำมาเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังได้มากขึ้นกว่าเดิม...

ส่วนในบล็อก "ฟังลุงน้ำชาคุย"  พักนี้ก็ยังคงเป็นเรื่องราวของการท่องเที่ยวเหมือนเดิม  ถึงกระนั้น...ผมก็ยังคิดว่าบางสิ่งบางอย่างน่าจะนำมาเขียนไว้ในบล็อกช่างเหอะตัวนี้มากกว่า อย่างเช่น การที่ผมจะเลือกขนาดเป้สำหรับทริปที่จะมาถึงในเร็ววันนี้!

กล่าวคือ ผมมีโครงการที่จะใช้เวลาในช่วงปีใหม่สำหรับการแบกเป้ไปเยือนประเทศลาวอีกครั้ง ทีแรกผมคิดว่าจะเปลี่ยนลักษณะของการเดินทาง  จากที่เคยใช้เป้ใบใหญ่  นั่งรถลงเรือ...แล้วแบกเป้เดินต่อไปตามจุดหมายปลายทางซึ่งบางครั้งต้อง improvise กันสด ๆ เหมือนอย่างที่เพิ่งไปพม่าเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา  ผมคิดที่จะเปลี่ยนไปใช้เป้ใบเล็กแล้วหิ้วกระเป๋าใส่จักรยานพับได้ไปด้วย!


สืบเนื่องมาจากการที่ครูหนิงได้ขายจักรยานพับให้ผมมาในราคามิตรภาพ หลังจากที่ได้ลองใช้มาระยะหนึ่ง...ปรากฏว่าอาการปวดหลังของผมได้หายไป รู้สึกเดินเหินคล่องแคล่วขึ้น  ผมเกิดแรงใจที่จะไปท่องเที่ยวโดยมีจักรยานพับนำใส่กระเป๋าไปด้วย...

เมื่ออาทิตย์ก่อนผมได้ไปถามราคากระเป๋าสำหรับบรรจุจักรยานพับมาแล้ว ปรากฏว่าราคาใบละ ๗๕๐ บาท ซึ่งผมก็คิดว่าใช้ได้  ถ้าซื้อมาใช้ใส่จักรยานพับแล้วนำใส่รถทัวร์หรือรถไฟไปด้วย พอถึงปลายทางก็นำออกมาประกอบ(กาง) พร้อมสำหรับขี่ไปที่ไหนก็ได้ โดยมีเป้ขนาดเล็กบรรจุข้าวของที่จำเป็นวางท้ายไป!

ผมคิดจะไปลาว ดังนั้นการนำกระเป๋าจักรยานพับใส่รถเมล์เขียวไปเชียงของจึงไม่น่าเป็นปัญหา พอถึงเชียงของก็ปั่นไปที่พัก ปั่นเที่ยวซักวันสองวัน จากนั้นก็บรรจุกระเป๋าำแล้วนำลงเรือข้ามไปฝั่งลาว ผมมั่นใจว่าสามารถนำขึ้นรถตู้หรือรถเมล์ได้แน่นอน..เพราะขนาดกระเป๋าจักรยานนั้นเล็กกว่าบรรดากระสอบข้าวสารของชาวบ้านเสียอีก!

แต่แล้วผมก็ต้องเปลี่ยนใจ ด้วยเหตุผลที่ว่าจักรยานยังไ่ม่อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์และพร้อมสำหรับขี่ทางไกล นอกจากนั้นผมยังไม่มีอุปกรณ์ต่าง ๆ อาทิ สูบลม เครื่องวัดระยะทาง กระติกน้ำ เครื่องมือ ตลอดจนเสื้อผ้าสำหรับสวมใส่ขี่จักรยาน รองเท้าก็ไม่มี  ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ต้องใช้เงินและใช้เวลาในการจัดหา ผมไม่มีทั้งเงินและเวลา! ได้แต่บอกตัวเองว่า "เอาไว้พร้อมแล้วค่อยไปจะดีกว่า"


ด้วยเหตุนี้ ผมจึงได้ตัดสินใจเลือกใช้เป้ใบใหญ่ สำหรับทริปที่จะถึงนี้

เดี๋ยวผมต้องจัดของลงเป้แล้วครับ...

Tuesday, November 27, 2012

แก้ปัญหาน้ำล้น...


น้ำประปามาถึงหน้าบ้านแล้ว แต่ยังไม่ได้ขอใช้  ผมยังคงใช้ระบบน้ำบาลอยู่เหมือนเดิม คิดเสียว่าเอาไว้ให้เจ้าของใหม่เค้ามาต่อเอาเองก็แล้วกัน

นานมาแล้วที่เจ้าถังกรองเกิดมีปัญหาเรื่องน้ำล้น...เนื่องจากไหลลงถังเก็บไม่ทัน  ผมได้ทำท่อระบายน้ำอย่างที่เห็นในภาพแล้วเดินท่อฝังดินต่อไปทิ้งลงท่อระบายน้ำซึ่งอยู่หลังบ้าน แต่ก่อนก็ไม่มีปัญหาอะไรเพราะมันอยู่ใต้ดิน จนกระทั่งวันหนึ่งเพื่อนบ้านเค้าดันไปขุดทำที่ระบายน้ำของตัวเอง พลอยทำให้น้ำทิ้งจากบ้านผมทะลักออกข้างบนแล้วไหลเจิ่งนอง พื้นถนนข้างหลังบ้านจึงเปียกอยู่ทั้งวันเพราะน้ำล้นจากถังกรองบ้านผม!

ไม่นานมานี้ผมได้ทำการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว ไม่มีน้ำจากบ้านผมไหลนองไปบนพื้นถนนอีกเลย!

ผมแก้ปัญหาด้วยการปิดปลายท่อน้ำทิ้งที่ต่อออกไปนอกบ้าน แล้วต่อสปริงเกอร์ไว้ตามจุดต่าง ๆ ในสวนหลังบ้าน (ประมาณ ๕ จุด) โดยใช้น้ำที่ล้นออกจากถังกรอง...


พอน้ำล้นจากถังกรอง มันก็จะไปทำหน้าที่รดต้นไม้ แทนที่จะไหลออกไปทิ้งโดยเปล่าประโยชน์ แถมยังทำให้ทางสาธารณะต้องเฉอะแฉะด้วย!

ช่วยรดน้ำต้นกะเพราในกระถาง...


ช่วยรดน้ำต้นข่าข้างรั้ว...


ใบชะพูได้รับน้ำชุ่มฉ่ำ ทำให้ใบใหญ่กว่าเดิม!


พริกขี้หนูกับตะไคร้บอกว่าชื่นใจแท้ ๆ...


เสียดายที่ผมยังไม่ทันได้ทำสวนครัวเป็นจริงเป็นจัง (ตามที่บอกคุณบิมไว้) แต่เอาเถอะ....อย่างน้อยมันก็แก้ปัญหาเรื่องน้ำล้นไปได้!

Monday, November 26, 2012

สีน้ำมัน

ผมชอบทาสีน้ำมันหรือที่เรียกว่า "สีเคลือบเงา (gloss enamel)" ยิ่งถ้าได้แปรงทาสีที่จับถนัดมือและขนแปรงไม่ร่วงหลุด ก็ยิ่งทำงานได้สนุกและเพลิดเพลินเหมือนได้ไปอยู่อีกโลกหนึ่งเลย! 

เมื่อวานนี้ ผมไปซื้อเครื่องไม้เครื่องมือในการทาสีมาเพิ่มอีก หมดตังค์ไป ๓๙๒ บาท......


ที่ร้านอิวหลี...ผมเคยซื้อสีน้ำมันยี่ห้อปลาทองมา ๑ แกลลอน ราคา ๓๕๐ บาท  และมีอยู่วันหนึ่งไปเดินห้างไทวัสดุ...ผมเห็นสีน้ำมันลดราคาเหลือแกลลอนละ ๒๕๔ บาท จึงได้คว้าติดมือกลับมาอีก ๑ กระป๋อง!  โชคดีืั้ที่ก่อนหน้านี้ได้ไปเล่นดนตรีงานแต่งงาน...ก็เลยมีรายได้พิเศษซื้อของที่อยากได้!

สำหรับสีน้ำมัน...ถ้าเปิดใช้งานแล้ว ควรวางแผนใช้ให้หมด เพื่อน ๆ ลองมาดูซิว่าผมทำอะไรบ้างกับสีน้ำมัน ๑ แกลลอน (๓๕๐ บาท)


ผมทาประตูเหล็กหลังบ้าน ๒ บาน (ทั้งสองด้าน)


ทาผนังและเพดานห้องน้ำชั้น ๓....


ทาราวบันไดขึ้นชั้นลอย...


ทาราวเหล็กตรงชั้นลอย...


และทาราวบันไดขึ้นชั้น ๒....


หลังจากเสร็จงานทั้งหมด ยังมีสีเหลืออยู่ในปริมาณที่เห็น...


ผมยังมีงานอีกคือจะต้องทาสีของวงกบประตู หน้าต่าง และช่องระบายอากาศ  สีที่ต้องการคือสี "เทาแก่" เมื่อวานนี้ผมจึงได้ซื้อสีปลาทองขนาด 1/4 แกลลอน (ราคา ๑๑๐ บาท)มาด้วย  ผมไม่เลือกสีเทาแก่แต่เลือกซื้อสีดำ  กล่าวคือผมไม่อยากเก็บสีที่เหลือไว้เพราะอีกไม่นานมันจะแข็งตัว ถ้าหาทางใช้ได้...ก็จะเป็นการดี  ผมคิดว่าจะใช้สีดำผสมให้กลายเป็นสีเทาแก่...สำหรับใช้ทาวงกบ

ก่อนอื่นผมเทสีที่เหลือในกระป๋องลงใส่ขวดแยมไว้ก่อน เพื่อเก็บไว้ใช้งานช่อมแซมแต่งแต้มเล็ก ๆ น้อย ๆ การเก็บไว้ในขวดอย่างนี้จะเก็บไว้ได้นานเพราะฝาปิดสนิท...อากาศไม่เข้า!


จากนั้นก็เทสีดำลงผสมกับสีที่เหลืออยู่ในกระป๋อง คน ๆๆๆๆ ให้ดี  ผสมจนได้ระดับสีที่ต้องการ


เข้มขนาดนี้แหละที่ต้องการ ผมใช้สีดำไปประมาณ 3/4 กระป๋อง ส่วนที่เหลือผมจะนำไปทาปี๊บ เพื่อทำที่อบกล้วยตากตามที่คุณเมธีเคยแนะนำ (ไม่ได้ใช้คลุมหัวนะ)


นี่ไง....วงกบที่ได้ทาสี(ผสมเอง)เรียบร้อยแล้ว!!

เล่นกับสีน้ำมันแล้วสนุกดี...ทำให้ลืมความทุกข์ไปได้เยอะ  :)

Wednesday, October 31, 2012

ขี้...ผสมกาว!

สิ่งที่คนทำงานไม้จะขาดไม่ได้  ผมว่าน่าจะเป็น "ขี้เลื่อยผสมกาว" (บางครั้งผมก็เรียกว่า "ขี้กบ"  ซึ่งจริง ๆ แล้ว ผมก็ยังไม่เคยเห็นขี้จากกบจริง ๆ เหมือนกัน อิอิ!

เวลาเราเลื่อยไม้ ไสไม้ หรือขัดกระดาษทราย จะได้ขี้เลื่อยออกมาจำนวนหนึ่ง เป็นผงไม้ซึ่งจะละเอียดมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับงาน ถ้าขัดกระดาษทรายก็จะได้ผงที่ละเอียดมากกว่างานไสไม้  สำหรับขี้...กองนี้ ได้มาจากการไสไม้ครับ...


มีขี้...แล้วก็ต้องมีกาว ผมไปซื้อกาวลาเท็กซ์จากร้านอิวหลีมา ๑ ขวด (เจ้า classifier สำหรับภาชนะบรรจุลักษณะนี้ช่างเรียกยากจริง ๆ ตอนมันเป็นน้ำดื่มมาส่งก็เรียกเป็นถัง  ตอนเป็นวิตามินหรืออาหารเสริมก็เรียกเป็นขวด ผมจะเรียก "กาว ๑ ขวด" ก็ฟังทะแม่ง ๆ  จะว่า "กาว ๑ ถัง" ก็ขัดหูพิลึก...ฮา)  


Latex เป็นกาวที่ใช้ได้ดีสำหรับงานไม้  มันแห้งช้าก็จริง แต่ถ้าติดแล้ว...ต่อให้ช้างจากข้าง ๆ หลอดกาวตราช้าง ๑๐ เชือกมาช่วยกันดึง ชิ้นงานก็ไม่หลุดออกจากกันง่าย ๆ   กาวน้ำหนักสุทธิ 32 OZ  ่ของ TOA ราคาประมาณ ๗๐ กว่าบาท  ผมไม่ได้ซื้อ...แต่เลือกใช้ยี่ห้อ Win (ราคา ๔๕ บาท)แทน!  เห็นด้านหลังมีพิมพ์ไว้ว่า Manufactured by TOA

พูดถึงการใช้งานกันหน่อย....ไม้วงกบช่องระบายอากาศห้องน้ำชั้นสามมีอาการผุ เพราะโดนน้ำโดนแดดมา ๑๐ กว่าปี 


ผมนำขี้กบผสมกาวลาเท็กซ์ในอัตราส่วนที่เหมาะสม ขยำ ๆ ให้เข้ากันดี แล้วนำไปอุด...เหมือนหมอฟันอุดฟัน  อุดและอัดเข้าไปจนเต็ม  ในที่สุดก็จะได้อย่างที่เห็นในภาพ...


ต้องทิ้งไว้ให้แห้ง (หลายวัน)...จากนั้นจึงค่อยใช้กระดาษทรายหยาบขัดให้เรีียบ แต่งอีกหน่อยด้วยกระดาษทรายละเอียด ก่อนที่จะทาสีให้ดูดี...

มองดูรอบตัว ถ้าตรงไหนมีรูน่าเกลียด ก็ใช้ขี้...กับกาวที่เหลืออุดเข้าไป


ขี้...ผสมกาวมีประโยชน์จริง ๆ นะ  ไม่เหม็นด้วย!!

Tuesday, October 30, 2012

ถ้าหาก็เจอ...


บ่ายวานนี้...ผมออกไปซื้อวัสดุและอุปกรณ์ชิ้นเล็กชิ้นน้อยมาทำงานงาน DIY  เพื่อแก้ง่อม (คำเมือง...หมายความว่า "แก้เหงา") หมดไป ๑๘๖ บาท

อุปกรณ์บางอย่างก็เอามาใช้ยึดของเก่า อย่างเช่นปืนโบราณ ให้ติดกับผนัง...


ยังมีที่จะต้องติดตั้งอีก...


รวมทั้งรูปอาจารย์ศิลป์ พีระศรี ที่ต้อมและซาซื้อมาฝากด้วย...


ออกไปหาซื้ออุปกรณ์....ผมอยากได้สกรูยาว ๆ พร้อมน๊อตหางปลาเพื่อมาทำแท่นซ่อมคันชัก...แต่หาไม่ได้  พอกลับมาบ้าน ผมลองไปค้นตามกล่องเก็บตะปู โชคดีจัง...ได้น๊อตหางปลามาตัวนึง!  ค้นต่ออีก...ในที่สุดก็เจอเข้ากับสกรูซึ่งมีขนาดเข้ากันได้พอดีกับน๊อต  นี่ไง....วางให้ดูเสียหน่อย!


เอาไปใส่กับแท่นซ่อมคันชักแล้วเป็นเช่นนี้...


ถ้าขันน๊อตเข้าไป..มันจะบีบให้บล็อคไม้อยู่กับที่  เป็นการทำแบบง่าย ๆ เพื่อปรับแท่นวางปลายเท้าน้องโบว์ให้เหมาะสมกับความสูง!

ผมยังไม่ได้ขัดกระดาษทรายให้ดูดีนะครับ....

Monday, October 29, 2012

ที่แขวนคันชัก..


ที่แขวนวิโอล่าซึ่งครูหน่อยให้ผมมา(ตัวกลาง) ไม่ได้เป็นแบบมีแป้นแล้วใช้สกรูยึดติดกับฝาผนัง แต่ตัวนี้มีแค่ขาเกี่ยว ๒ ขา ปราศจากตัวล็อค จึงมีโอกาสหลุดตกได้ทุกเวลา!!

รู้สึกว่าจะเสี่ยงเกินไป เพราะวันดีคืนดีที่แขวนอาจจะหลุดออก แล้วกอดคอพาน้องเริงร่า (วิโอล่าตัวละ ๕,๕๐๐ บาทของผม) ร่วงหล่นลงสู่พื้นห้อง ซึ่งคงจะคล้ายกับคนกระโดดจากหน้าต่างบนอาคารชั้นห้าลงสู่ถนนเบื้องล่าง!

วันนี้ผมจึงเปลี่ยนแปลงเสียใหม่ ไม่ยอมแขวนเจ้าวิโอล่าจนกว่าจะมีที่แขวนแบบใช้สกรูยึดกับฝาผนังมาติดตั้ง  ส่วนเจ้าแผ่นไม้นั่น...ผมก็ดัดแปลงให้เป็นที่แขวนคันชัก โดยใช้ตาขอเหล็ก ๔๕ องศา (ตัวละ ๒ บาท) ขันเข้าไป......



ได้ที่แขวนคันชักอย่างที่เห็นในภาพ...


๘ บาท...แขวนน้องโบว์ได้ ๔ ตัว!  

Sunday, October 28, 2012

เล่นกับไม้


วันอาทิตย์นี้เป็นอีกวันหนึ่งซึ่งยังไม่มี string class  น้องมะเหมี่ยว(เล็ก)ก็ลาหยุดด้วย ผมจึงมีเวลาทั้งวันได้ทำในสิ่งที่อยากทำ    ช่วงเช้า...ผมทำที่แขวนไวโอลินและวิโอล่าไว้ในห้อง Old Dreamz  ห้องนี้จะใช้เป็นที่สอนเครื่องสาย และใช้เป็นที่ซ้อมวง string ensemble ในอนาคต...



ช่วงบ่าย...ผมหาเศษไม้มาไส  ทำเป็นชั้นวางถ้วยกาแฟ....


วัสดุที่ใช้เป็นเศษไม้ที่ทิ้งขว้าง ไม่ได้ใช้งาน ถ้ามีเวลาเราก็สามารถหยิบเอามาทำประโยชน์ได้   ยังเหลือเศษอีกหน่อย...ผมนำมาทำเป็นที่จับคันชัก (Bow Holder)  เพื่อจะได้ใช้สำหรับศึกษาในเรื่องการเปลี่ยนหางม้า (rehair)   ผมอยากเปลี่ยนหางม้าเป็นครับ...จะได้ช่วยซ่อมคันชักให้เพื่อน ๆ



ก็คิดเอาเองเท่าที่จะทำได้  โดยให้ปลายด้านหนึ่งมีบล็อคไม้ที่สามารถปรับเลื่อนไปมาได้ ตรงนั้นใช้วางด้านปลายคันชัก (tip)  ส่วนอีกด้านหนึ่งจะใช้เป็นที่วางคันชักทางด้าน Frog.... .


ผมตั้งใจว่าจะทำง่าย ๆ ด้วยการใช้สิ่วเซาะร่องให้วางปลายคันชักได้พอดี  ก็คงต้องรอให้หาซื้อสิ่วเล็ก ๆ มาได้ก่อน ถึงค่อยทำต่อ

เพลินดี...แต่ขี้กบเต็มบ้านเลย อิอิ

Friday, October 26, 2012

เจ้านกน้อย...




คุณหมอใจดีท่านหนึ่งไว้วางใจให้ซ่อมไวโอลินจีนยี่ห้อ "Lark" อายุประมาณ ๒๐ ปี   ช่างเหอะเห็นว่าอาการเสียไม่เหลือบ่าฝ่าแรง จึงอาสาที่จะซ่อมให้... 

ก่อนอื่นต้องพูดถึงคำว่า Lark ก่อน มันอยู่ในเนื้อเพลง The Sound of Music ซึ่งขับร้องโดย Julie Andrews (ดาราที่ผมชื่นชอบมาก ๆ)  เนื้อเพลงท่อนหนึ่งมีว่า...
To laugh like a brook when it trips and falls 
Over stones on its way
To sing through the night
Like a lark who is learning to prey 
Lark คือนกชนิดหนึ่ง ตัวเล็ก ร่าเริง และร้องเสียงไพเราะ ในสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ ๑ กล่าวว่า Larks = นกกระจาบฝน  (nók grà-jàap fon)   

ผมขออนุญาตเรียกไวโอลินยี่ห้อ Lark ของคุณหมอว่า "เจ้านกน้อย" ก็แล้วกัน...


รัง...เอ๊ย กล่องของเจ้านกน้อยยังดูแข็งแรงอยู่เลย!


อาการป่วยมีดังนี้..

  • เอ็นยึดหางปลา (Tail Gut) หายไป ตัวหางปลายังอยู่
  • คันชักไม่มีหางม้า ตัวไม้คันชักยังดีอยู่
  • ไม่มีสาย
  • ไม่มียางสน
แค่นั้นเองครับ  ผมไปซื้อ "เอ็นยึดหางปลา (Tail Gut)"  ที่ร้านสกุลไทย ราคา ๖๐ บาท  เหลือเส้นสุดท้ายพอดี! 



ทีแรกได้คุยกับคุณหมอว่าจะเปลี่ยนสายชุดละพันกว่าบาทให้ แต่มาคิดดูอีกที...ผมว่าน่าจะลองใช้สายธรรมดาราคาชุดละ ๒๐๐ บาทใส่ไปก่อน

คุณหมอบอกว่าอยากจะนำเจ้านกน้อยกลับมาฝึกเล่นอีก ดังนั้นถ้าใช้สายคุณภาพดีไปเลย ผู้เล่นอาจจะไม่กล้าเล่นหนัก ๆ หรือบางครั้งการตั้งสายที่ยังไม่ชำนิชำนาญก็อาจทำให้สายใดสายหนึ่งขาดได้ ถ้ายังงั้นก็เสียดายแย่!   ผมจึงนำสายไวโอลินยี่ห้อ For-Tune ใส่ให้ก่อน...


จริง ๆ ด้วย ตอนเปลี่ยนสายใหม่...เสียงเจ้านกน้อยไม่ดีเลย แต่พอสีด้วยการลงโบว์หนัก ๆ และปล่อยให้ไวโอลินได้ปรับตัว เสียงก็เริ่มดีขึ้น! 

อ่อ... ผมลืมบอกไปว่า sound post ยังคงอยู่ในที่ของมัน มิได้ล้มหรือตกหายไป ตำแหน่งอยู่ใต้หย่องพอดี ผมไม่ได้ปรับแต่งอะไรเลย!  ส่วน fine tuners นั้นมีอยู่แค่ ๒ ตัว...


ใช้การได้แล้วครับ ค้างอยู่แค่คันชักเท่านั้นที่ยังไม่ได้ซ่อม!!


นึก ๆ แล้วผมก็อยากจะสั่งหางม้ามาลองใส่ดู (rehair)

Thursday, October 25, 2012

ซ่อมเอ็นยึดหางปลา


เมื่อวันที่ ๑๘ ตุลาคม ผมเขียนเรื่อง "ซ่อมไวโอลินอีก ๒ คัน"  มีอยู่คันหนึ่งซึ่งผมต้องซื้อ "สายรัดหางปลา" หรือ "สายรั้งหางปลา" มาเปลี่ยน 


เมื่อเปลี่ยนอะไหล่ตัวใหม่ให้ไปแล้ว...ผมก็ขอตัวเก่าซึ่งใช้การไม่ได้เก็บเอาไว้!  

จำได้ว่าเคยเขียนเรื่องเกี่ยวกับ "ไวโอลินตั้งเสียงไม่ได้"  ตอนนั้นผมช่วยซ่อมไวโอลินให้มะเหมี่ยว โดยถอดสายรัดหางปลาจากไวโอลิน 3/4 ของผมให้นักเรียนไป  ไวโอลินของผมใช้การไม่ได้ตั้งแต่นั้นมา  วันนี้ีระหว่างที่นั่งมองเจ้าสายรัดหางปลาพิการ...จู่ ๆ ผมก็เกิดความคิดที่จะทำให้มันใช้งานได้ แล้วนำไปใส่ให้เจ้าไวโอลิน 3/4 ซึ่งเดี้ยงมาเป็นปี...    

น้ากาแฟได้แนะนำไว้ว่า...
"เอ็นยึดหางปลา (Tail gut) มีแยกจำหน่ายครับ เส้นหนึ่งก็อยู่ประมาณห้าหกสิบไม่เกินร้อย แต่ถ้าเกิดไม่อยากเปลี่ยนก็ยังมีเทคนิคหนึ่งที่พอช่วยให้ใช้เส้นเดิมได้ ในกรณีที่เกลียวเสีย คือใช้กาวร้อนหรือกาวช้าง หยอดลงไปบริเวณเกลียวเอ็นยึดหางปลากับปลอกทองเหลือง ทิ้งไว้ซักพักให้กาวแห้ง ให้มันยึดติดตายตัวไปเลย ต้องระวังอย่าให้กาวหกไปโดนหางปลาหรือส่วนอื่น ก็จะสามารถใช้งานเอ็นยึดหางปลาเส้นเดิมได้ตามปกติ (ถ้ามีตังค์แล้วเกิดอยากเปลี่ยนก็ต้องตัดให้ขาดแล้วค่อยเปลี่ยนเส้นใหม่)"
จริงด้วย...เรียกเจ้าสายนี้ว่า "เอ็นยึดหางปลา (Tail gut)" ถูกต้องที่สุด!

ก่อนอื่นผมต้องหาน๊อตขนาดเล็กให้ได้ก่อน เจอมันอยู่ในเคส notebook เก่า...ผมใช้คีมปากนกแก้วดึงเจ้าขาพลาสติกรองรับบอร์ดออก และ้แกะเอาน๊อตทองเหลืองตัวเล็ก ๆ ที่เห็นนั่นออกมาใช้


นี่งัย...ขันมันเข้าไปตามเกลียวของเอ็นยึดหางปลา (Tail gut) ได้เลย


ไม่ค่อยมั่นใจ...เกรงว่ามันจะไม่แข็งแรงพอ  ผมหยอดกาวร้อนลงไปนิดนึง..ตามคำแนะนำของคุณน้ากาแฟ.


เอ็นยึดหางปลาใช้งานได้แล้วครับ...


ประหยัดตังค์ไปได้ ๖๐ บาท!