Monday, July 16, 2018

ความจริงเกี่ยวกับจักรยานพับ

พูดถึงเรื่อง "การปั่นจักรยานท่องโลก"  สำหรับคนสูงวัยเช่นผม...ยังไง ๆ ก็คิดว่าใช้จักรยานพับล้อ 451 ขนาด ๒๐ นิ้วนั้นดีที่สุด!



ถ้าจะให้ดีก็ต้องใช้จักรยานสเปคสูงกว่าเจ้า Banian ของผมอีกสักหน่อย เพราะมีแค่ ๙ สปีดไม่สามารถขึ้นเขาได้ดี  เท่าที่ผ่านมาพอเจอเส้นทาง uphill ติด ๆ กันก็ต้องลงจูงซะแล้ว 


ควรใช้จักรยานที่มีจานหน้า ๒ จาน อย่างน้อยก็ทำให้ปีนเขาเก่งขึ้น อย่างเจ้า Java IRA ผมคิดว่าใช้ได้เลย จักรยานพับเฟรมโคโมลี่ 18 สปีด Shimano Sora ตะเกียบคาร์บอน ล้อ 451 ขนาด ๒๐ นิ้ว อานเจล Selle Royal  น้ำหนักไม่รวมบันได ๑๐.๗๙ กิโลกรัม แต่มันแพงกว่าเจ้า Banian ของผมเท่าตัวนะครับ!!... 

Java IRA - ภาพจาก aimbike.com
หากยังหนุ่มแน่นและต้องการเดินทางไกลด้วยจักรยานตลอดเส้นทาง ก็ต้องใช้จักรยานอย่างเนี้ยครับ...


การท่องโลกด้วยจักรยานพับ (Folding Bike) นั้นเหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่เดินทางแบบไม่เร่งรีบ ใช้มันเป็นยานพาหนะเชื่อมต่อระหว่างรถโดยสารหรือรถไฟกับเมืองต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ผมได้ทดลองทำมาแล้ว พบว่ามันสามารถพาไปสุดขอบฟ้าได้จริง...หากเรากล้าพอ! 


ใช้จักรยานพับที่ไม่ติดตะแกรงหลัง ผมมีเพียงเป้สะพายหลัง (backpack) ขนาดกลาง อย่างเช่นตอนปั่นจากช่องเม็กไปจำปาสัก อย่างนั้นจะคล่องตัวที่สุด แต่มีข้อเสียคือนำไปได้เฉพาะของใช้จำเป็นเท่านั้น เสบียงและของอย่างอื่นต้องไปหาซื้อเอาตามทาง (สำหรับเป้ผมขอแนะนำให้ใช้ที่คุณภาพดีกว่านี้หน่อย ของที่ผมใช้อยู่ราคาแค่ใบละ ๒๕๐ บาทเอง!)...


นั่งรถไฟ รถตู้ หรือรถยนต์โดยสาร ผมหิ้วจักรยานพับและเป้ไปด้วยกันได้เลย ไม่ต้องจ่ายค่าระวาง ถ้าขึ้นรถตั้งแต่ต้นทางก็ยิ่งสบาย...


ผมเคยนั่งรถยนต์จากอุตรดิตถ์ไปบ้านโคกโดยมีจักรยานพับใส่ใต้ท้องรถไปด้วย ค่าโดยสารแค่ ๙๕ บาท ส่วนเจ้า Banian ขึ้นฟรี...


ถึงบ้านโคก ผมลงที่สามแยก.... unfold จักรยานแล้วปั่นต่อไปด่านภูดู่ ง่ายกว่านี้ไม่มีแล้ว!


เช่นเดียวกัน...พอลงจากรถไฟที่สถานีสุไหงโก-ลก ผมก็ปั่นตรงไปด่านได้เลย


ผมปั่นจักรยานจาก Rantu Panjang ไป Pasir Mas 


พอถึงสถานีรถไฟ ผมตีตั๋วไปลง Gemas แกล้งทำเฉยเกี่ยวกับจักรยานพับ พอขึ้นรถซึ่งเป็นตู้นอน เจ้าหน้าที่มาเก็บค่าจักรยานอีก ๑๐ ริงกิตหรือประมาณ ๑๐๐ บาท ผมก็จ่ายให้โดยดี...


ลงรถไฟที่ Gemas ตอนเช้ามืด...ผมปั่นจักรยาน ๘๐ กิโลเมตรต่อไปยังมะละกา!


น่าเสียดายยิ่งนักที่บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไปชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ... มันไม่เหลือภาพเมืองเก่าอย่างในอดีตให้เห็นอีกแล้ว!

ภาพถ่ายในอดีต ด้วยกล้องฟิล์ม
เข้าถึงตัวเมือง ผมไม่ได้กดชัตเตอร์เก็บภาพแม้แต่บานเดียว! ปั่นจักรยานไปสถานีขนส่งแล้วตีตั๋วรถโดยสารกลับ Rantau Panjang ในคืนนั้นเลย!  ผมนำจักรยานขึ้นเก็บใต้ท้องรถด้วยตนเอง พอถึงปลายทางก็เอามันลงมา unfold  ปั่นผ่านด่านมาเลย์และด่านไทยแล้วตรงไปหาของกินที่ตลาดสดสุไหงโก-ลก....ทุกอย่างดูง่ายไปหมด!

สรุปแล้ว "จักรยานพับ" เป็นคำตอบสำหรับนักท่องโลกด้วยจักรยานสูงวัยเช่นผมจริง ๆ ครับ...

2 comments:

charnkit said...

ลุงน้ำชากลับมาเขียนบล็อกต่อแล้ว ดีจริงๆครับ :) :)

Wichai said...

ขอขอบคุณด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง จะเหลืออีกสักกี่ปีน้อ? แต่ผมจะไม่ยอมแพ้ รอวันที่จะเห็นวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ประชาธิปไตยเบ่งบาน ความดีและความยุติธรรมกลับมาสู่สังคมไทย