Monday, July 16, 2018

FB Trip ไปมะละกา - ไปเร็วมาเร็ว

วันนี้ขอคุยเรื่องปั่นจักรยานท่องโลกต่อนะครับ...


เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา (ยังไม่นาน) ผมนำจักรยานพับ (folding bike) ขึ้นรถไฟไปลงที่สถานีสุไหงโก-ลกแล้วปั่นเข้ามาเลเซีย เป็นการขี่จักรยานไปมาเลเซียเป็นครั้งที่สองซึ่งห่างจากครั้งแรก ๓๐ ปี!



เมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๓๐ ผมปั่นจักรยานเข้ามาเลเซียทางด่านสะเดา ใช้หนังสือเดินทางเล่มที่สอง ยังเป็นแค่ชายผู้แข็งแรงเต็มร้อยแต่น้อยด้วยประสบการณ์ ใช้จักรยานมือสองราคา ๑,๕๐๐ บาท (น่าเสียดายไม่มีกล้องถ่ายรูปบันทึกภาพให้ดู)...  






ไม่มีมือถือ อินเทอร์เน็ต จีพีเอส หรือข้อมูลใด ๆ นอกจากในหนังสือ South-East Asia ที่พกไปด้วย...


สมัยนั้นความเจริญยังไม่ขยายตัวมาถึง มาเลเซียเป็นประเทศที่ผมขับขี่และพักแรมได้อย่างปลอดภัย ผู้คนมีน้ำใจ ความประทับใจที่ได้จากการปั่นจักรยานของผมทั้งทางด้านตะวันตก (west coast) และตะวันออก (east coast) มีมากจนสุดบรรยาย...


กลับไปปั่นในมาเลเซียอีกครั้งเมื่อวัยใกล้ ๗๐ ผมเป็นแค่เพียงชายแก่ผู้มีหัวเข่าซึ่งบาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ล้มเมื่อปีก่อน อยากรู้จริง ๆ ว่าความเปลี่ยนแปลงของประเทศมาเลเซียและความรู้สึกที่ได้รับจากการเดินทางด้วยจักรยานสมัยนี้จะเป็นเช่นไร?


บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไปหมดแล้ว ข้ามสะพานไปยังฝั่งมาเลเซีย...ผมเห็นอาคารตรวจคนเข้าเมืองหลังใหญ่ตั้งขวางหน้า ตรงนั้นเคยทางแยกเล็ก ๆ ที่เป็นถนนลาดยางซึ่งผมเคยยืนรอขึ้นรถเมล์คันเล็กไปโกตาบารู... 


ครั้งนี้ผมพกเต๊นท์ไปด้วย แถมยังมีเป้ติดตะแกรงท้ายจักรยาน ทั้งสองอย่างเป็นสินค้าราคาถูกจากประเทศจีน ตั้งใจว่าจะตั้งเต๊นท์นอนข้างทางตลอดเส้นทางจากเมืองไทยไปยังทะเลสาบโตบาในอินโดนีเซีย ผมทำประกันเดินทางกับวิริยะประกันภัยไว้ถึง ๓ อาทิตย์....


วันที่ ๗ เมษายน ๒๕๖๑ ผมโพสต์ลงใน facebook บอกเพื่อน ๆ ว่า...
๑๑.๕๓ น. กำลังนั่งอยู่บนตู้รถไฟชั้นสามจากกรุงเทพไปสุไหงโก-ลก เป็นทริปจักรยานพับอีกเช่นเคย แต่คราวนี้ผมได้ดัดแปลงเพิ่มตะแกรงหลังให้ใส่กระเป๋าเป้ข้างได้ เมื่อวานไปปั่นจักรยานเที่ยววัดในเด่นชัยเพิ่มเติมได้อีก ๔ วัด ก่อนนั่งรถไฟมากรุงเทพ..
พรุ่งนี้ปั่นเข้ามาเลเซียครับ เป้าหมายคือมะละกาแล้วข้ามไปดูไม อินโดนีเซีย...ทะเลสาบโทบาคือเป้าหมายไกลสุดของผม

จากนั้นผมก็หายเงียบไป จนถึงขนาดที่ ดร.ภีม ต้องสอบถามด้วยความสงสัยว่าตอนนี้ลุงอยู่ไหนแล้ว? คำตอบในวันนี้ก็คือ ผมได้ปั่นจักรยานไปจนถึงมะละกา ซึ่งตลอดเส้นทางที่ผมปั่นจากสุไหงโก-ลก ไปขึ้นรถไฟที่ Pasir Mas  ไปลงที่ สถานี Gemas แล้วปั่นจักรยานไปจนถึงมะละกา ผมได้รับความรู้สึกที่ดีมาตลอด สามารถเรียกประสบการณ์เมื่อ ๓๐ ก่อนให้กลับคืนมาได้อย่างน่าประทับใจ แม้ว่าบ้านเรือนและถนนหนทางจะเปลี่ยนไปจนจำแทบไม่ได้

แต่แล้วก็มีข่าวสารจากเชียงใหม่ที่ทำให้ผมไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ ผมต้องรีบตีรถกลับมารันเตาปันจัง (Rantau Panjang) กลับเข้าไทยแล้วนั่งรถไฟกลับไปเชียงใหม่! จากนั้นพายุร้ายก็โหมกระหน่ำจนตั้งตัวไม่ติด.... ผมต้องหยุดเขียนบล็อกเสียหลายเดือน

แม้จะใช้เวลาปั่นจักรยานในมาเลเซียแค่ไม่นาน แต่ก็มีเรื่องสนุก ๆ พร้อมความคิดเห็นใหม่ ๆ ที่อยากจะแชร์กับเพื่อน... 

โปรดติดตามอ่านนะครับ

No comments: