Wednesday, February 10, 2016

บขส. กรุงเทพ - ปากเซ

เวลาไปที่ไหน...หากเจอเอกสารแจกฟรีที่มีประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสุขภาพหรือการเดินทาง ผมเป็นต้องหยิบกลับมาสแกน แล้วนำลงบล็อกให้เพื่อน ๆ ได้อ่าน อย่างเช่นแผ่นพับจาก บขส. ฉบับนี้ก็เช่นกัน... 


เป็นตารางเวลาเดินรถโดยสารระหว่างประเทศไทย-ลาวสาย "กรุงเทพ-อุบลราชธานี-ปากเซ"


มีประโยชน์สำหรับผู้ที่อยากเดินทางด้วยรถโดยสารไป สปป.ลาว โดยผ่านทางจังหวัดอุบลราชธานี ในเว็บท่องเที่ยวทั่ว ๆ ไปก็หาดูได้ครับ แต่ขอช่วยประชาสัมพันธ์อีกแรงนึง เพื่อให้การศึกษาค้นคว้าง่ายยิ่งขึ้น...

สำหรับผมแล้วคงไม่วางแผนที่จะนั่งรถรวดเดียวจากกรุงเทพฯ ไปปากเซ เพราะยังมีอะไรดี ๆ ที่อุบลฯ ให้ได้สำรวจโดยใช้เวลา ๒ หรือ ๓ วัน เหมือนกับที่ผมแวะไปบ้านตากลางจังหวัดสุรินทร์ ก่อนไปเยือนเขมร...

จากอุบลราชธานีไปปากเซ ระยะทาง ๑๓๘ กิโลเมตร ค่าโดยสาร บขส. ๒๐๐ บาท ใช้เวลาเดินทาง ๓ ชั่วโมง มีรถวันละ ๒ เที่ยว เช้ากับบ่ายครับ...

ด้านหลังแผ่นพับมี "คู่มือผ่านแดนไทย - สปป. ลาว" เขียนไว้ดังนี้...
ในการเดินทางข้ามแดนจากจังหวัดอุบลราชธานีไปยังปากเซ แขวงจำปาสัก สปป.ลาว สามารถใช้หลักฐานคือ หนังสือผ่านแดน หรือหนังสือผ่านแดนชั่วคราว โดยมีแนวทางปฏิบัติและขั้นตอนดังต่อไปนี้
๑. ประเภทหนังสือที่ใช้ในการเดินทางข้ามแดน
-หนังสือเดินทาง (Passport) ค่าธรรมเนียม ๒๐ บาท
-หนังสือผ่านแดนชั่วคราว (Temporary Border Pass) หรือบัตรชั่วคราว ค่าธรรมเนียมในเวลาราชการฉบับละ ๕๐ บาท นอกเวลาราชการฉบับละ ๘๐ บาท
๒. การขอออกหนังสือผ่านแดน
-สามารถติดต่อได้ที่ ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี เปิดให้บริการทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ เวลา ๘.๓๐ - ๑๖.๓๐ น.
๓. เอกสารและหลักฐานที่ใช้ในการจัดทำ
-ภาพถ่ายขนาด ๒ นิ้ว จำนวน ๓ ภาพ สวมชุดสุภาพ ไม่ใส่แว่นตา
-สำเนาบัตรประชาชน หรือสำเนาบัตรอื่นที่จังหวัดกำหนด พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง
-บุคคลผู้มีสัญชาติไทยอายุ ๑ - ๑๕ ปี ให้ใช้ทะเบียนบ้าน หรือสูจิบัตรแทนได้
๔. ขั้นตอนการจัดทำบัตรผ่านแดน พร้อมหนังสือผ่านแดนชั่วคราว
-เขียนคำร้องคนละ ๑ แผ่น ตามแบบที่กำหนด ส่งให้เจ้าหน้าที่ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี (ค่าเขียนคำร้อง ๓๐ บาท)
๕. ระยะเวลาในการอยู่ สปป.ลาว
-หนังสือเดินทาง (Passport) อยู่ใน สปป.ลาว ได้ ๓๐ วัน และสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวยังเมืองอื่น ๆ ได้
-หนังสือผ่านแดนชั่วคราว ใช้ในแขวงจำปาสักเท่านั้น เป็นเวลา ๓ วัน ๒ คืน
หวังว่าคงจะมีประโยชน์ต่อนักเดินทางไม่มากก็น้อย ผมก็ต้องขอบคุณ บขส. ที่ให้ข้อมูลไว้ด้วยครับ...

No comments: