Friday, March 18, 2016

Linkletter Down Under


วันนี้รื้อกรุสมบัติอีกแล้ว... ผมดึงหนังสือหลายเล่มออกมาจากหิ้ง 


กำลังค้นหาหนังสือเพื่อจะนำไปบริจาคให้ห้องสมุดประชาชนอำเภอห้างฉัตรครับ! รู้สึกว่าหาไม่ค่อยได้เลย ทั้ง ๆ ที่หนังสือของผมก็มีอยู่ไม่น้อย พอดีส่วนใหญ่เป็นตำราดนตรีและ pocket book ภาษาอังกฤษ บางเล่มก็เก่าเกินกว่าจะนำไปบริจาค  อย่างเช่นหนังสือ "ฝรั่งทำนา" เขียนโดย "อ้าร์ท ลิ้งคเล็ทเท่อร์"  แปลโดย "เนื่องน้อย ศรัทธา" เล่มนี้....
  

pocket book หนา ๔๒๔ หน้า จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ อ. อิทธิพล (พ.ศ. ๒๕๒๕) หน้าปกออกแบบโดย "กิตติศักดิ์ ศิริมูล"  


เนื้อกระดาษเหลืองกรอบแล้วครับ พอเปิดออกอ่าน....กระดาษก็หลุดออกเพราะกาวหมดสภาพ!


"ฝรั่งทำนา" แปลจาก "Linkletter Down Under" ซึ่งเขียนโดย Art Linkletter ชาวอเมริกันที่ไปทำนาในออสเตรเลีย...
  

ชอบการแปลของคุณเนื่องน้อยที่อ่านง่ายดี...ผมอ่าน "ฝรั่งทำนา" ด้วยความไหลลื่น พอดีเคยไปเดินตามชายหาดและนอนในป่าออสเตรเลียมาแล้ว พอได้อ่านที่อาร์ท ลิงคเล็ทเทอร์บรรยายไว้ ผมก็พอมองเห็นภาพ อย่างเช่น ๒-๓ ย่อหน้าที่คุณเนื่องน้อยแปลไว้ดังนี้...
เราขับรถไปตามแหลมเตี้ย ๆ มาแล้วราวสามสิบไมล์จึงเริ่มเปลี่ยนภูมิภาพช้า ๆ เป็นสูงขึ้น เนินนั้นสูงไม่เกินสิบฟุต แต่มันกั้นแนวของน้ำทะเลกับทราย เข้าไปใกล้จึงได้มองเห็นรากต้นโกงกางที่เกาะอยู่กับแหลม ปะการังโผล่ออกมาระเกะระกะ มีหอยนางรมตัวเล็ก ๆ ห้อยระโยงระยางอยู่เต็มไปหมดตามรากไม้เหนือน้ำเหล่านั้น เปลือกหนาแกะให้เปิดได้ยากและมีรสชาติออกเป็นกลิ่นทองแดง ขนาดไม่โตกว่าเหรียญเพ็นนีอังกฤษ
ยืนอยู่บนปลายแหลม ผมมองออกไปไกลในทะเล คลื่นสีเขียวซัดเข้ามาแต่ไกล ตามยอดคลื่นมองเห็นสีน้ำตาลทองของเจ้าพวกแมงกะพรุนหลังกลมมนเลือน ๆ ตัวอะไรอย่างหนึ่งเบ่อเริ่มโผล่ขึ้นปริ่มหลังน้ำ มองเห็นดำมืด และแล้วจึงได้มองเห็นหัวเหมือนงูยักษ์ของมัน เต่าทะเลตัวใหญ่นั่นเอง โผล่ขึ้นมาหายใจ เมื่อสูดอากาศได้เต็มปอดแล้วก็มุดหายหลับลงไปใต้คลื่นอีก
เปลือกหอยและกิ่งไม้ลอยตามน้ำมีอยู่เกลื่อนกล่นสองข้างตัวผม ผมเก็บลิ้นทะเลได้อันหนึ่งที่เชิงเนินทรายสูงห้าฟุต พวกนกเลี้ยงสีสวยตัวเล็ก ๆ ชอบกินลิ้นทะเลนี้นัก คนเลี้ยงนกรักนกจึงมักจะอดเก็บติดไม้ติดมือไปด้วยไม่ได้ แม้แต่ในขณะที่ยืนอยู่นั้นก็มีนกตัวเล็ก ๆ ขนสีสวยฝูงใหญ่มาคุ้ยเขี่ยจิกกินลิ้นทะเลกันอยู่ ส่งเสียจุ๊ก ๆ จิ๊ก ๆ น่าฟัง....
คิดถึงออสเตรเลียจังเลย... ผมคงไม่มีโอกาสได้ไปอีกแล้ว! 

No comments: