ผมนอนติดเตียงมากไม่ได้เพราะตรงสะโพกเริ่มมีรอยช้ำ เกรงว่าจะลุกลามกลายเป็นแผลกดทับ (bed sore) จึงต้องเข็นตัวเองมานั่งหน้าคอมพ์ฯ เริ่มต้นเขียนบล็อก.... ฆ่าเวลาไปเรื่อย ๆ !
พูดถึงเรื่องความเจ็บปวด (pain) ผมพยายามนึกว่าอะไรจะเป็นสุดยอดแห่งความเจ็บ หลายท่านอาจบอกว่า "อกหัก (broken heart)" นั้นปวดร้าวที่สุด แต่ผมไม่ขอจัดให้อยู่ใน category ที่กล่าวถึง
ผมเป็นคนไม่กลัวเข็ม กล่าวคือเวลาถูกฉีดยา เจาะเลือด หรือทำอะไรกับแผลบนร่างกายตนเอง ก็จะมองดูได้สบายโดยไม่เบือนหน้าหนี ผมขอจัดอันดับอาการเจ็บแผลที่ยังมิได้เข้าลึกถึงกระดูกว่าไม่หนักหนาสาหัสนัก มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เคยโดนเย็บแผลที่นิ้วมือขวาแบบสด ๆ เจ็บจนถึงขั้นมือสั่น น้ำตาไหลพราก แต่ก็ยังทนได้...
ความเจ็บปวดที่รู้สึกว่าเกือบสุดทนและลืมไม่ลงของผมก็คือ ตอนที่ถูกคุณหมอพงษ์ศักดิ์ใช้เลเซอร์ยิงรักษาจอประสาทตา ( Laser Photocoagulation )
นอกจากนั้นแล้ว เท่าที่เจอมาก็เป็นเรื่องของการปวดฟัน ปวดข้อ ปวดกระดูก และปวดกล้ามเนื้อ ซึ่งต้องยอมรับว่ามันเจ็บจริง ๆ แต่ยังพอทนได้ และสามารถบรรเทาลงได้ด้วยการใช้ยาชาหรือยาแก้ปวด...
ตอนรถมอเตอร์ไซค์ล้มทับขา หัวฟาดพื้น นอนหงายอยู่กลางถนน มีคนเข้ามาช่วยกันดึงมือให้ลุกขึ้น ตอนนั้นทุกอย่างยังชาอยู่ ผมไม่รู้สึกเจ็บเท่าใด พอทรงกายลุกขึ้นได้ก็ขี่รถกลับมาร้านลำแต้ซึ่งอยู่ข้างบ้าน... "น้องยา" เพื่อนบ้านที่แสนดีได้ช่วยดูแลทำความสะอาดแผลและใส่ยาให้โดยไม่รังเกียจ (ขอขอบคุณด้วยความซาบซึ้ง)...
พอกลับถึงบ้านความเจ็บปวดก็ตามมา ผมต้องใช้เวลาเกือบชั่วโมงกว่าจะค่อย ๆ ขยับตัวขึ้นบันไดไปถึงที่นอนบนชั้นสาม พอหลังแตะฟูกก็ลุกไม่ได้อีกเลย ขาขวาบวมเป่ง ขยับไม่ได้ นอนตัวแข็งทื่อเหมือนผีดิบ ลุกไปกินน้ำไม่ได้ ผมรู้สึกกระหายและเจ็บปวดยิ่งนัก...
เนี่ยก็ผ่านมาได้หลายวันแล้ว แผลเริ่มสมาน ความเจ็บปวดหายไป แต่ก็ยังเดินไม่ได้ วันนี้ผมขยับมานั่งหน้าคอมพ์ฯ ได้ ก็อยากนำภาพสีสันบนบาดแผลที่ได้จากยาใส่แผล "โพวิโดน ไอโอดีน (Povidone iodine)" มาโพสต์แก้เหงาสักหน่อย...
มองความเจ็บปวดให้งดงามก็มีความสุขได้ครับ....