Sunday, November 10, 2024

ปวดหลัง

าแก่บ้านห้างฉัตรมีโรงพยาบาลห้างฉัตรเป็นที่พึ่งพามาได้สิบปีแล้ว!  เช่นเดียวกับพี่ชายของผมซึ่งเพิ่งตัดช่องน้อยแต่พอตัวจากไปเมื่อไม่นานมานี้...
 
 
เมื่อย้ายจากบ้านปงแสนทองมาอยู่ห้างฉัตร ผมก็ต้องมารับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลแห่งนี้ ได้เห็นการเจริญก้าวหน้าของสถานพยาบาลมาตั้งแต่เมื่อพยาบาลยังใช้เครื่องวัดความดันแบบปรอทควบคู่กับหูฟัง (stethoscope) จนถึงปัจจุบันนี้ซึ่งมีแต่เครื่องวัดความดันฯ เครื่องวัดน้ำหนักและความสูง ฯลฯ แบบดิจิตอลของจีนให้คนไข้ได้วัดด้วยตนเอง นายแพทย์รุ่นเก่าต่างก็ปลดเกษียณไปหมด ทดแทนด้วยแพทย์หนุ่ม-สาวที่พูดจาไพเราะน่าฟัง บนผนังมีจอภาพ LED ขนาดใหญ่ติดตั้งเปิดให้ความรู้เรื่องสุขภาพแก่ผู้ที่ไปใช้บริการ (เค้าห้ามมิให้ถ่ายภาพก็เลยไม่มีรูปมาให้เพื่อน ๆ ดู)
 
ช่วงหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา เวลาไปโรงพยาบาล บางครั้งผมก็ได้รับแผ่นพับซึ่งทางโรงพยาบาลพิมพ์แจก ไม่ว่าจะเป็นเอกสารพิมพ์สีหรือโรเนียว ก็จะนำมาศึกษาและพยาบามปฏิบัติตาม รู้สึกชื่นชมบุคลากรสาธารณะสุฃที่ทุ่มเทให้ความรู้แก่ประชาชน ในขณะเดียวกันถ้ามีโอกาสผมก็จะสแกนแล้วนำขึ้นโพสต์ไว้บนบล็อกเพื่อแบ่งปัน...

วันนี้ค้นเจอแผ่นพับพิมพ์ประหยัด ๆ แบบโรเนียว (คิดว่าคงเก็บไว้นานแล้ว) เรื่อง "ปวดหลัง" จากแผนกผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลห้างฉัตร (คิดว่าผู้ที่ทำก็คงจะลืมแล้วดัวยซ้ำว่าเคยทำแจกประชาชนด้วยความปรารถนาดี) เนื่องจากเครื่องสแกนเสียไปแล้ว ก็เลยต้องใช้วิธีถ่ายรูปมาโพสต์เก็บไว้ดังนี้...

 
อ่านยากหน่อย ก็เลยพิมพ์ให้เพื่อน ๆ ซะเลย...
สาเหตุของอาการปวดหลัง
  • การเลื่อมสภาพของกระดูกสันหลัง เนื่องจากการใช้งานมานานตามอายุที่มากขึ้น
  • การได้รับอุบัติเหตุ เช่น ตกจากที่สูง
  • การอยู่ในท่าทางที่ไม่ถูกต้อง เช่นการก้มลงยกของหนัก การทำงานอยู่ในท่าใดท่าหนึ่งนาน  ๆ ไม่เปลี่ยนท่า
  • การอักเสบของข้อ เช่น โรคข้อกระดูกสันหลังยึดติด
  • หมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนไปกดทับเส้นประสาทไขสันหลัง ทำให้ปวดและชาร้าวลงมา มีหลังแข็ง ตัวเอียง
  • กลุ่มอาการเจ็บปวดเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ
  • สาเหตุอื่น ๆ เช่น น้ำหนักตัวมาก ความเครียด ที่นอนนุ่มเกินไป

อาการที่พบ

  • ปวดหลังบริเวณเอว สะโพก
  • หลังแข็ง ก้มเงยไม่ได้ จากการเกร็งของกล้ามเนื้อหลัง
  • นั่ง ยืนนาน ๆ แล้วปวดหลัง
  • ปวดเวลานอนที่นอนนิ่มมาก ๆ หรือตอนตื่นเช้า
  • เมื่อก้มหลังแล้วจะลุกขึ้นเงยหลังไม่ได้ทันที
การรักษา
  • ทางยา
  • ทางกายภาพบำบัด
  • การผ่าตัด
ทางกายภาพบำบัด
  • การประคบด้วยความเย็น หรือความร้อน ประมาณ 15-20 นาที
  • การใช้คลื่นไฟฟ้าที่ให้ความร้อนลึก
  • การดึงหลัง เพื่อลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ และลดการกดทับของเส้นประสาท
  • การนวด การดัดดึงที่ถูกวิธี
  • การใส่เครื่องช่วยพยุงเอว
  • การออกกำลังกาย และการบริหาร

การบริหารกล้ามเนื้อ
1. นอนหงายชันเข่าขึ้น เกร็งหน้าท้อง และกดหลังลงกับพื้น
2. นอนหงายชันเข่า แขนวางข้างลำตัว เกร็งหน้าท้อง ยกศีรษะและหัวไหล่ขึ้นจากพื้น
3. นอนหงายชันเข่า ดึงเข่าข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้างเข้าหาลำตัว จนรู้สึกตึงบริเวณกล้ามเนื้อหลังและกล้ามสะโพก
4. นอนหงายชันเข่าขวาโดยวางเท้าไว้ข้างขาซ้ายที่เหยียดตรง ใช้มือซ้ายกดเข่าขวาในแนวขวางกับลำตัว
5. นอนคว่ำยกศีรษะและลำตัวขึ้น โดยใช้แขนยันกับพื้นจนข้อศอกเหยียดตรง
6. คุกเข่าบนพื้น ก้มศีรษะลง และโก่งหลังขึ้น สลับกับเงยศีรษะและแอ่นหลังลง 

กระผมไม่ปวดหลังครับ ผมมีภาวะความดันโลหิตสูง (Hypertension) ต้องไปรับยาเป็นประจำ แต่ผ่านมาแล้วเกือบครึ่งปีที่ผมไม่ได้ไปหาหมอตามนัด หลังจากพี่ชายผมเสียชีวิตก็ยังไม่ได้ไปรับการตรวจรักษาให้ตัวเองเลย! พอดีได้กินยาลดความความดันที่เหลืออยู่ และปรับเปลี่ยนเรื่องอาหารการกินมากินเพียง 2 มื้อ (หลังเพลไม่กินอีก) จนน้ำหนักตัวลดจาก 81 กิโลกรัมเหลือ 73 กิโลกรัม ทำให้ค่าดัชนีมวลกาย (BMI - Body Mass Index) =  23 อยู่ในเกณฑ์ปกติ 

ผมวัดความดันฯ อย่างสม่ำเสมอ โดยใช้เครื่องวัดความดัน Citizen ที่ครูแต้มและน้องมินซื้อให้ ตั้งเอาไว้ที่โต๊ะทำงานเลยล่ะ...

วัดความดันและชีพจรแล้วจดไว้ เพื่อนำไปให้แพทย์ดูอีกที...

 
ความดันปกติครับ...
 
 
 
ตั้งใจว่าวันพฤหัสหน้า ผมจะกลับไปโรงพยาบาลเพื่อพบแพทย์และรับยาตามปกติ...

No comments: