ได้รับเอกสารแผ่นพับจากโรงพยาบาลประสาทเชียงใหม่มา ๑ ฉบับ เป็นเรื่องของ "โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)" ผมเห็นว่ามีประโยชน์ จึงได้นำมาพิมพ์และอัพโหลดข้อมูลให้เพื่อน ๆ ได้เรียนรู้ไว้ดังนี้...
โรคหลอดเลือดสมอง
(Stroke; Cerebro Vascular Accident : CVA)
เป็นโรคที่พบบ่อยที่สุดของโรคระบบประสาทที่รับไว้ในโรงพยาบาล เป็นสาเหตุการตายและความพิการที่สำคัญในประเทศไทย โรคนี้ถ้าเป็นแล้วแม้รอดชีวิตก็มักจะมีความพิการหลงเหลืออยู่ไม่มากก็น้อย แต่อย่างไรก็ตามโรคนี้สามารถป้องกันได้ หากรีบรักษาตั้งแต่เริ่มมีอาการ อาจช่วยให้รอดชีวิตและมึความพิการน้อยลง หรือกลับไปทำงานตามปกติได้
โรคหลอดเลือดสมอง สามารถแบ่งได้เป็น 2 ชนิด
1. ชนิดเส้นเลือดตีบ หรืออุดตัน
2. ชนิดเส้นเลือดแตก
โดยทั่ว ๆ ไปจะพบผู้ป่วยที่เป็นชนิดเส้นเลือดตีบ หรืออุดตันได้บ่อยกว่าชนิดเส้นเลือดแตก ทำให้เนื้อสมองรอบเส้นเลือดนั้นตาย ไม่สามารถสั่งร่างกายส่วนที่ควบคุมโดยสมองบริเวณนั้นให้ทำงานได้ตามปกติ ทำให้อวัยวะส่วนนั้นเป็นอัมพาต หรืออัมพฤกษ์ ซึ่งอาการของผู้ป่วยมีได้หลายรูปแบบ ขึ้นกับว่าสมองส่วนใดเสียการทำงานไป เช่น
- พูดไม่ออก หรือไม่เข้าใจคำพูด หรือพูดไม่ชัดทันทีทันใด
- แขนขา หรือหน้าอ่อนแรง ชา หรือขยับไม่ได้ขึ้นมาทันทีทันใด โดยเฉพาะที่เป็นครึ่งซึกของร่างกาย
- ตาข้างใดข้างหนึ่งมัว หรือมองไม่เห็นฉับพลัน เห็นภาพซ้อน หรือเกิดอาการคล้ายมีม่านมาบังตา
- ปวดศีรษะรุนแรงฉับพลัน ชนิดไม่เคยเป็นมาก่อน
- งุนงง เวียนศีรษะ หรือเสียการทรงตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดร่วมกับอาการอื่นข้างต้น
ปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอง
ปัจจัยเสี่ยง หมายถึง ถ้าผู้ใดมีปัจจัยเหล่านี้อยู่จะมีโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้มากกว่าคนปกติ อย่างไรก็ตามไม่ได้หมายความว่าผู้มีปัจจัยเสี่ยงทุกคนจะเกิดโรคหลอดเลือดสมองทุกราย ในขณะเดียวกันผู้ที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงก็มีโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้เช่นกัน แต่ไม่มากเท่าผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยเสียงสำคัญได้แก่
- ภาวะความดันโลหิตสูง เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญมาก ถ้าสามารถป้องกันไม่ให้เป็นโรคความดันโลหิตสูง หรือถ้าเป็นแล้วได้รับการรักษาให้ความดันโลหิตอยู่ในระดับที่เหมาะสม จะสามารถลดความเสี่ยงลงได้
- โรคเบาหวาน ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงอีกประการหนึ่ง ถ้าป่วยเป็นโรคนี้ก็ควรพบแพทย์ และรับประทานยาตามแพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด จะช่วยลดความเสี่ยง
- ภาวะไขมันในเลือดสูง เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ และยังเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองอีกด้วย ดังนั้นการรับประทานอาหารที่ไม่มีไขมันมากเกินไป หรืออาจต้องรับประทานยาลดไข้ร่วมด้วยตามที่แพทย์แนะนำ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจตีบและอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง
- การสูบบุหรี่ ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองเช่นกัน ดังนั้นจึงควรงดสูบบุหรี่ ถ้างดสูบบุหรี่ได้ นอกจากความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองจะลดลงแล้ว ความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ โรคปอดจะน้อยลง และสุขภาพโดยทั่วไปก็จะดีขึ้น
- โรคหัวใจ มีหลายชนิด เช่น โรคลิ้นหัวใจพิการ โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคหัวใจขาดเลือด ฯลฯ การรักษากับแพทย์อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งแพทย์อาจพิจารณาให้ยาบางชนิดเพื่อลดโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดสมอง และจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดสมองลงได้
การป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง
- รู้จักตนเองว่ามีปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้หรือไม่ ได้แก่ ภาวะความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และไขมันในเส้นเลือดสูง หากมีปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวควรได้รับการรักษาจากแพทย์ และปฏิบัติตัวตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ให้น้ำหนักปานกลาง เช่น เดิน 30 - 40 นาที วิ่ง ปั่นจักรยาน 30 นาที อย่างสม่ำเสมออย่างน้อย 3 - 5 วันต่อสัปดาห์
- ลดน้ำหนัก
- เพิ่มการรับประทานผัก และผลไม้
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง
- ลดการรับประทานอาหารเค็ม
- จำกัดการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
- ตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปีอย่างต่อเนื่อง
สัญญาณเตือนของอาการเตือนของโรคหลอดเลือดสมอง
อาจพบเพียง 1 อาการ หรือมากกว่า 1 รายการ ดังนี้
F.A.S.T
F = Face เวลายิ้มพบว่ามุมปากข้างใดข้างหนึ่งตก
A = Arms ยกแขนไม่ขึ้น 1 ข้าง
S = Speech มีปัญหาด้านการพูด พูดแล้วคนฟังไม่รู้เรื่อง
T = Time ผู้มีอาการดังกล่าวต้องรีบไปโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาโดยด่วนภายใน 3 ชั่วโมง จะได้ช่วยรักษาชีวิต และสามารถฟื้นฟูกลับมาได้เป็นปกติ หรือใกล้เคียงคนปกติมากที่สุด
การรักษา
โรคหลอดเลือดสมองรักษาตามอาการ และได้กายภาพบำบัด
การดูแลผู้ป่วย
1. การดูแลทั่วไป
1.1 ที่นอน ใช้เตียงที่มีราวเหล็กกั้น เพื่อให้พลิกตัวเอง หากไม่มีก็ทำราวไว้ใกล้ ๆ เพื่อใช้ดึงขยับตัว ดูแลให้ผ้าปูที่นอนสะอาด และแห้งตลอดเวลา
1.2 ดูแลตัวผู้ป่วย
- อาบน้ำ หรือเช็ดตัววันละ 1 ครั้ง
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
- ดูแลเรื่องการขับถ่ายปัสสะวะ อุจจาระ
1.3 การป้องกันแผลกดทับ
แผลกดทับนี้จะเกิดจากการนอนท่าเดียวนาน ๆ ผิวหนังบริเวณกระดูกนูน ถ้าถูกกดทับนานเกินไปจะทำให้เกิดแผลกดทับขึ้นได้
วิธีป้องกัน คือ จับผู้ป่วยพลิกตัวอย่างน้อยทุก 2 ชั่วโมง หากมีแผลเกิดขึ้นแล้ว ห้ามซื้อยารับประทานเอง ควรปรึกษาแพทย์
2. การทำกายภาพบำบัด
ควรเริ่มเร็วที่สุด เพื่อลดความพิการ และช่วยฟื้นฟูสภาพผู้ป่วย
2.1 ผู้ป่วยที่กล้ามเนื้อไม่มีแรง หรือไม่ค่อยรู้สึกตัวให้ช่วยจับแขน ขาข้างที่เป็น และงอเข้า - ออก ซ้ำ ๆ กันเป็นเวลา 10 - 20 ครั้ง วันละอย่างน้อย 2 หน เพื่อป้องกันข้อติด และหากผู้ป่วยรู้สึกตัว ควรพูดกระตุ้นให้ผู้ป่วยพยายามขยับแขน ขาด้วยตนเองทุกวัน
2.2 ผู้ป่วยที่กล้ามเนื้อแข็งแรง ระยะนี้แขนขาข้างที่เป็นอัมพาตมักงอ เกร็งในท่าที่ผิดปกติ ทิ้งไว้นาน ๆ ข้อจะติด เหยียดไม่ออก หากเหยียดจะเจ็บมาก อาจเป็นสาเหตุให้ผู้ป่วยเดินไม่ได้ ทั้งที่มีแรงฟื้นตัว ซึ่งสามารถป้องกันโดยพยายามจับแขน ขา เหยียดซ้ำ ๆกันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ถ้ารู้สึกตัวดีและมีแรงพอควรให้พยายามหัดเดิน
2.3 ผู้ป่วยที่สามารถนั่งได้ ควรฝึกนั่งให้ได้ หลักจากนั้นฝึกยืนทรงตัว และฝึกเดินในที่สุด อาจใช้ไม้เท้าช่วยเดิน
โรคหลอดเลือดสมอง เป็นโรคที่เกิดอย่างฉับพลัน และรุนแรง แต่หากได้รับการรักษาที่ทันเวลา และถูกต้องจากทางโรงพยาบาล ร่วมกับได้รับการดูแลที่ดีจากทางบ้านได้ทำกายภาพบำบัดอย่างสม่ำเสมอแล้ว ผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้นเรื่อย ๆ
ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเพื่อน ๆ ที่รักทุกท่านจะแคล้วคลาดจากเจ้าโรคหลอดเลือดสมองซึ่งนำมาซึ่งความทุกข์ยากลำบากสุดนะครับ
No comments:
Post a Comment