Thursday, April 06, 2017

รอลุ้น...

คุณพ่อของน้องใบเฟิร์นเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ใหม่ แทนที่จะนำแบตฯ ตัวเก่าไปเทิร์นแลกซื้อแบตตัวใหม่ เพื่อประหยัดเงินได้อย่างน้อยก็ ๕๐๐ บาท แต่ท่านกลับนำแบตฯ เก่ามามอบให้ช่างเหอะเพื่อทดลองใช้กับเจ้าโต

ตั้งใจว่าจะขยับเจ้าโตออกนอกบ้านให้ได้ก่อนสิ้นเดือนเมษาฯ วันนี้ผมเริ่มงานด้วยการศึกษาใน YouTube  ถึงวิธีชุบการชีวิตหรือการทำสาวแบตเตอรี่โดยการใช้น้ำยาล้างห้องน้ำล้างแผ่นธาตุ แต่ก็ยังสับสน เพราะบางคลิปห้ามมิให้ใช้น้ำยาล้างห้องน้ำ (ต้องใช้น้ำยาของเขา) มีคนวิจารณ์ว่าทำแล้วไม่ได้ผล!  บ้างก็แนะนำว่าซื้อแบตฯ ใหม่ชัวร์กว่า ผมจึงต้องชั่งใจว่าจะเชื่อใครดี? ในที่สุดก็ตัดสินใจว่าจะล้างแผ่นธาตุด้วยน้ำยาล้างห้องน้ำ ด้วยความอยากลอง อยากพิสูจน์ และอยากหาคำตอบ


เริ่มต้นด้วยการคว่ำหม้อ และเตรียมสถานที่...


น้ำยาล้างห้องน้ำมีอยู่แล้ว ยี่ห้ออะไรก็ได้...


เตรียมน้ำร้อน ผมไม่มีกาต้ม ต้องใช้หม้อแทน...



แล้วถึงค่อยเทใส่กาน้ำชา... 


รินลงในแต่ละช่องให้ท่วมแผ่นธาตุ...


อ่อ! อย่าลืมหาที่ใส่จุก ๖ ตัวด้วยนะ ไม่งั้นมันจะอยู่ไม่เป็นที่...


ใส่น้ำร้อนลงไปแล้วปิดจุก เขย่าแบตเตอรี่ไปมาตามแนวลูกศร ๒๒๒ ครั้ง...


เปิดจุกแล้วเทน้ำออก (อย่าลืมใช้ mask ปิดจมูกและสวมถุงมือด้วย) ปล่อยทิ้งไว้ให้น้ำหยดในขณะลงไปต้มน้ำต่อ...


ทำแบบเดียวกันอีกรอบ หลังจากนั้นก็ถือโอกาสล้างตัวแบตฯ ด้วยผงซักฟอก....


ขั้นตอนต่อไปก็ใส่น้ำร้อนลงในแบตฯ แค่ท่วมแผ่นธาตุ แต่คราวนี้เติมน้ำยาล้างห้องน้ำ ๑ ฝาตามลงไปในแต่ละช่อง... 


ปิดจุกแล้วเขย่า ๆๆๆๆ (มากกว่า ๒๒๒ ครั้ง) เป็นงานที่ต้องระวัง อย่าสูดกลิ่นเหม็นของน้ำกรดเข้าปอด และอย่าให้น้ำกรดโดนผิวหนังด้วย!  จากนั้นก็เปิดจุกแล้วปล่อยทิ้งไว้ ๓๐ นาที กลับมาปิดจุกแล้วเขย่าต่ออีกพักนึง ก่อนที่จะเทน้ำออกด้วยวิธีเดิม...

ลำดับต่อไปคือการล้างคราบสกปรกและน้ำยาล้างห้องน้ำที่ค้างอยู่ให้หมด เป็นเรื่องที่ต้องละเอียดหน่อย ในเว็บบอกว่าให้ล้างด้วยน้ำร้อนอีก ๓ ครั้ง แต่ผมอดทนกว่านั้นคือล้างถึง ๖ ครั้ง เพราะต้องการให้สะอาดมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ สิ้นสุดครั้งสุดท้ายแล้วคว่ำหม้อทิ้งไว้ทั้งคืน และยังจะต้องทิ้งไว้อีกหลายวันเพื่อให้แห้งสนิท...


จากนั้นจึงค่อยซื้อน้ำกรดแบตเตอรี่มาเติม...แล้วนำไปชาร์จ


สิ่งที่ทำผมก็ไม่แน่ใจว่าจะประสบความสำเร็จ เป็นแค่การทดลองซึ่งยังต้องรอผล หลังจากเติมน้ำกรด นำไปชาร์จ แล้วลองใช้สตาร์ทเครื่องเจ้าโต...


ถึงวันนั้นคงต้องมาช่วยกันลุ้น!

No comments: