Saturday, April 21, 2012

มารายงานตัว...

ผมกลับถึงบ้านที่ลำปางตั้งแต่วันที่ ๑๗ เมษายน แต่ยังเข้ามาโพสต์อะไรไม่ได้ เพราะผมไปแจ้งเลิกใช้งาน HiNet ไว้ตั้งแต่ยังไม่ออกเดินทางแบกเป้ไปลาวและเวียดนาม เช้าวันนี้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเจ้าใหม่ได้มาทำการติดตั้งให้เรียบร้อยแล้ว ผมจึงได้เริ่มต้นคุยกับเพื่้อน ๆ ในบล็อก "ฟังลุงน้ำชาคุย" แล้วก็รีบมาที่นี่ เพื่อจะรายงานตัวกับเพื่อน ๆ ว่า "ผมกลับมาแล้ว"

กลับมาพร้อมกับหลายสิ่งหลายอย่างที่อยากนำมาถ่ายทอดให้เพื่อน ๆ ผมอยากจะใช้ "บล็อกช่างเหอะ" ตัวนี้เล่าเรื่องการเดินทางของผม โดยปล่อยให้เรื่องของ "งานช่าง" สอดแทรกเข้ามาทุกครั้งที่มีหัวข้อให้เขียน ทั้งนี้เพื่อจะได้เป็นที่ประจักษ์ว่า"ช่างเหอะ" นั้นยังมีตัวตน และยังคงมีน้ำยาอยู่เสมอ!

เริ่มต้นวันนี้ ผมขอพูดเรื่องกล้องถ่ายรูปที่พกพาไปเพื่อบันทึกภาพมาฝากเพื่อน ๆ ก่อนนะครับ


ก็อย่างที่เคยเล่าว่า ผมประมูลกล้อง Canon PowerShot A460 มาในราคา ๖๐๐ บาท มันเป็นกล้องที่ใช้งานได้ดี และถูกใจผมมาก กล้องถ่ายรูปตัวนี้ช่วยทำให้การเดินทางไกลของผมเป็นจริงขึ้นมา!


ภาพข้างบนนี้...เป็นการเริ่มต้นใช้เจ้า Canon บันทึกเรื่องราวการเดินทางซึ่งเริ่มเมื่อวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๕๕  เวลาประมาณ ๙ โมงเช้า...ขณะนั่งรอเวลารถออก ผมทดลองซูมบันทึกภาพที่อยู่ไกลออกไป  รายละเอียดในเรื่องการเดินทาง...เอาไว้ผมจะเล่าให้ฟังไปเรื่อย ๆ ตามจังหวะการย่างก้าวไปข้างหน้านะครับ วันนี้ขอพูดเรื่องกล้องถ่ายรูปก่อน


ภาพจักรยานซึ่งมองแทบไม่เห็นผู้ขับขี่ เป็นภาพลำดับที่ ๑๑๗๘ ที่ผมใช้เจ้า Canon บันทึกไว้ เมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ก่อนที่มันจะเกิดอาการเดี้ยง ใช้งานไม่ได้อีกต่อไป!!  อาการก็คือ...ถ่ายออกมาแล้วภาพเป็นเพียงสีขาว ส่วนโหมดถ่ายวิดีโอยังคงใช้งานได้ ผมเคยอ่านพบอาการเสียเช่นนี้จากเจ้าของกล้อง ๒-๓ ราย รู้ได้ทันทีว่าเจ้า Canon ถึงจุดจบของมันแล้ว!  เข้าใจว่าผมเคลื่อนกล้องอย่างรวดเร็วในขณะที่มันกำลังประเมินผล...หลังจากที่ชัตเตอร์ถูกกด (คำเตือน - อย่ารีบขยับกล้องในขณะที่การบันทึกภาพยังไม่เสร็จสิ้น)

ผมรู้สึกเสียใจ และเริ่มไม่แน่ใจว่าจะเดินทางต่อไปหลวงพระบางตามที่คิดไว้ หรือจะหันกลับสู่เมืองไทยดี!  นักเดินทางผู้ไม่มีกล้องบันทึกภาพอีกต่อไปจะทำอย่างไรดี?  จำได้ว่าหลังจากทราบว่ากล้องเสีย...ผมคอตก ทรุดนั่งอยู่ตรงมุมถนน มองไปยังเนินเขา D1 ซึ่งเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์แห่งชัยชนะเดียนเบียนฟู แล้วปล่อยให้ความคิดล่องลอยไป...

ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ ๖ เมษายน ผมนั่งรถโดยสารประจำทางจาก "อุดมไชย ประเทศลาว" มาถึง "เดียนเบียนฟู ประเทศเวียดนาม" แล้วครั้งนึง ตอนนั้นพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ผมใช้เจ้า Canon บันทึกภาพไว้มากมาย ถ้าเป็นภาพในมุมกว้าง...ผมก็จะใช้โหมด panorama อย่างที่เห็นนี้


กล้องที่ซื้อมาตัวละ ๖๐๐ บาททำหน้าที่ของมันอย่างดีเยี่ยม!  เดินทางไปจนถึง Sa Pa ผมใช้บันทึกภาพไว้ได้เป็นพันภาพ วันนั้นได้กลับไปเดียนเบียนฟู อีกครั้ง...กำลังมุ่งหน้าไปเที่ยวสงกรานต์ที่หลวงพระบาง พอเกิดปัญหา "กล้องเสีย" ขึ้นมา...แล้วผมจะปล่อยให้เรื่อง "การไม่มีกล้องถ่ายภาพ" เป็นอุปสรรคขัดขวางไม่ให้ได้ทำตามแผนที่คิดไว้เชียวหรือ!



ผมชนะมาค่อนทางแล้ว จะยอมแพ้ไม่ได้!!  ต่อจากนี้ไปภาพสวย ๆ ที่เมืองหลวงพระบางจะถูกบันทึกอยู่ในความทรงจำของผมไปก่อน หากมีโอกาสได้กลับไปอีกครั้ง...ผมก็คงได้ใช้กล้องถ่ายรูปเก็บภาพไว้อีกครั้ง!

ผมค่อย ๆ ลุกขึ้น เก็บกล้องใส่กล่อง แล้วเดินมุ่งหน้ากลับที่พัก คิดในใจว่า...ถ้าจะหากล้องคู่ใจไว้ออกเดินทางครั้งต่อไป ผมน่าจะหากล้อง compact ที่ไม่ต้องเสียเวลาให้เลนส์ยื่นออก กล่าวคือ...หยิบออกมาแล้ว เปิดสวิชกดถ่ายได้เลย และที่สำคัญคือต้องทนน้ำทนฝนได้ด้วย!

อย่างไรก็ตาม ผมก็ต้องขอยกย่องเจ้า Canon PowerShot A600 baht เพราะเจอสภาพอากาศแบบใน Sapa เข้า มันก็ยังอดทนรับใช้ผมมาได้ตั้งหลายวัน!


ผมกำลังคิดไปไกลถึงกล้องอย่าง Olympus Tough TG-610

มันต้องอย่างนั้น ถึงจะอึดได้เหมือนผม ฮา...

No comments: