Tuesday, July 21, 2015

ทั้งเสียดายและอับอาย!

เมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ผมได้เขียนเรื่อง "วัดศรีหลวงแจ้ซ้อน เมืองปาน" ด้วยความภาคภูมิใจในวัดเก่าแก่อายุนับพันปีที่คนเมืองปานยังคงรักษาเอาไว้....



วันนั้นผมดีใจที่มีโอกาสได้ไปเห็น ได้ถ่ายภาพและนำเรื่องมาโพสต์เก็บไว้ในบล็อก exploring the world (คลิกอ่านได้ที่นี่ แต่วันนี้ผมกลับรู้สึกเสียใจ เมื่อได้อ่านข่าวจาก manager online ว่า...
สำนักศิลปากรที่ ๗ ได้บูรณะ “วัดศรีหลวงแจ้ซ้อน” วัดเก่าแก่ให้กลายเป็นวัดใหม่ใสกิ๊ก ไม่เหลือเค้าวัดเก่าวัดแก่อีกเลย โดยพระธาตุที่เคยแสดงถึงความเก่าแก่กลับกลายเป็นเหมือนพระธาตุใหม่ ทาองค์พระธาตุด้วยสีทองสดใส และฐานสีขาวใหม่ ส่วนวิหารหลวง ซึ่งเคยมีลักษณะที่บอกให้เห็นถึงความสวยงาม และความเก่าแก่ด้านวัฒนธรรมล้านนา ก็ถูกทาสีใหม่จนไม่เหลือความเก่าแก่ให้เห็น โดยเฉพาะลายไม้หน้าวิหารหลวงที่ถูกทาด้วยสีทอง และประดับด้วยกระจกจีนสีเขียว นับเป็นภาพที่ดูแปลกตาไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง...
นี่แหละคือการกระทำคนไทยผู้ไม่คำนึงถึงสมบัติของชาติที่ควรอนุรักษ์ไว้ให้คนรุ่นหลัง เราแข่งกันสร้างของใหม่ให้ใหญ่โตเข้าไว้ เหมือนกับวัดวาในลำปางที่มีซุ้มประตูอลังการ สร้างวิหารใหม่ใหญ่โตทั้ง ๆ ที่หาพระจำพรรษาแทบจะไม่มี พูดถึงตรงนี้แล้วทำให้ผมคิดถึงวันที่เคยไปคุยกับเจ้าอาวาสวัดขามแดง ท่านบอกว่าชาวบ้านอยากจะให้รื้ออุโบสถเก่าแล้วสร้างใหม่ คงจะขัดศรัทธาของญาติโยมมิได้ แล้วผมยังคิดย้อนกลับไปถึงครั้งหนึ่งซึ่งพาฝรั่งเยอรมันไปเที่ยววัดสวนดอก วันนั้นทางวัดกำลังบูรณะวิหารด้วยการใช้สีน้ำมันทาทับลงบนไม้เก่า ฝรั่งบอกผมว่าถ้าเป็นที่บ้านเค้าจะไม่ทำเช่นนั้นเป็นอันขาด...    

เมื่อทำลงไปแล้ว มันก็ยากที่จะแก้ไขให้กลับมาเหมือนเดิม ผมขอนำภาพเจดีย์วัดศรีหลวงแจ้ซ้อนที่ได้บันทึกไว้มาให้เพื่อน ๆ ดูดังนี้...


แล้วเปรียบเทียบกับภาพเจดีย์ที่ได้รับการบูรณะอย่างโง่เขลาเบาปัญญา...

ภาพจาก manager.co.th
ผมรู้สึกเสียดายและอับอายมากครับ!

No comments: