Thursday, September 29, 2016

หยอดน้ำมันเครื่องยามเช้า

น้ำผึ้งผสมมะนาวใคร ๆ ก็รู้ว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพคนเรา ไม่เชื่อก็ลองไปหาอ่านจากเว็บต่าง ๆ ในอินเทอร์เน็ตดูดิ!

 

ผมคงไม่คุยเรื่องโภชนาการซึ่งมิได้เล่าเรียนมา แต่อยากจะบอกเพื่อน ๆ ว่า ที่ห้างฉัตรผมสามารถหาซื้อน้ำผึ้งแท้ได้ในราคาขวดละ ๑๐๐ บาท และมะนาว ๑๐ กว่าลูกในราคา ๑๐ บาท (หน้ามะนาวถูก)

ถ้าเป็นไปได้ผมก็จะทำน้ำผึ้งผสมมะนาวกินทุก ๆ เช้า วิธีทำก็ง่าย ๆ ตามสไตล์ช่างเหอะ คือใช้มะนาว ๒ ลูก  บีบเอาน้ำใส่แก้ว (เฉือนเป็น ๔ ส่วนแล้วบีบจะได้น้ำมะนาวมากกว่าผ่าครึ่ง)  จากนั้นก็เทน้ำผึ้งลงไปผสม ใช้ช้อนเล็กค่อย ๆ คน ๆๆๆ


ยกขึ้นดื่มเหมือนคนกินเหล้าขาว ทำหน้าเบ้ซะหน่อย หมดแล้วก็เทน้ำอุ่นลงล้างแก้ว คน ๆ ก่อนยกขึ้นดื่ม เรียบโร้ย...สำหรับการหยอดน้ำมันเครื่องเพื่อสุขภาพ ถ้ามีฟักทองต้มอีกสักชิ้นก็กินตามได้เลย!


เพื่อน ๆ อย่าลืมว่า "you are what you eat!"...  ดูแลรักษาสุขภาพให้ดีนะครับ ด้วยรักและเป็นห่วงจากช่างเหอะ!

Wednesday, September 28, 2016

แอปเปิ้ลลูกเล็ก

สมัยที่ไปเก็บองุ่นอยู่ที่รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย ผมเห็นต้นแอปเปิ้ลต้นหนึ่งปลูกอยู่ใกล้ส้วมแบบถังเมล์ มันพอมีผลให้ fruit picker จากเมืองไทยได้เก็บกินอยู่บ้าง


ก็เคยได้เห็นต้นแอปเปิ้ลจริง ๆ แบบใกล้ชิดปลิดผลมากินได้ก็ที่นั่นแหละ จำได้ว่ามันเป็นแอปเปิ้ลลูกเล็ก มีรสเปรี้ยวมากกว่าหวาน อย่างเดียวกับแอปเปิ้ลที่ผมเพิ่งซื้อมาจากแผงผักคุณป้าหน้าธนาคารออมสินวันนี้เลยล่ะ!

 

ฐานะอย่างผมต้องซื้อของถูกมากินอ่ะ แอปเปิ้ลลูกเล็กที่ซื้อมานับแล้วมี ๑๐ กว่าลูก ราคา ๒๐ บาท ตกลูกละไม่ถึง ๒ บาท! ต้องนำมาแช่น้ำแล้วล้างหลาย ๆ ครั้งเพื่อให้สะอาดพอที่จะบริโภคได้อย่างมั่นใจ...


 
  
เว็บ lovefitt.com กล่าวว่า...
แอปเปิ้ลอุดมไปด้วยวิตามิน เกลือแร่และสารอาหารที่มีประโยชน์อีกหลายชนิด ทั้งวิตามินเอ บี 1 บี 2 บี 6 ไบโอติน กรดโฟลิก กรดแพนโทเธอนิค เกลือแร่ คลอไรด์ เหล็ก ทองแดง แมกกานีส แคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม โซเดียม ซิลิคอน และยังมีกรดอินทรีย์ 2 ชนิด คือ กรดมาลิคและกรดทาร์ทาริก ซึ่งช่วยในการย่อยอาหารจำพวกโปรตีนและไขมัน สารอาหารเหล่านี้ มีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายด้าน โดยเฉพาะวิตามินซี และสารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบมากในแอปเปิ้ล จะช่วยป้องกันโรคหัวใจในผู้ที่รับประทานเป็นประจำ
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลมีประโยชน์)


ดูไม่สวย... แต่คุณค่าด้านโภชนาการก็คงไม่ด้อยกว่าแอปเปิ้ลราคาแพง

Tuesday, September 27, 2016

"พริกช่อ" จากดาดฟ้า

เคยเล่าว่าได้นำยางรถยนต์เก่ามาใช้ปลูกต้นไม้ทำสวนครัวบนดาดฟ้า ผมทดลองปลูกพริกสามชนิดด้วยกัน คือ พริกขี้หนู พริกมัน และพริกช่อ ผลปรากฏว่าพริกที่ปลูกง่ายที่สุดคือพริกช่อซึ่งโตวันโตคืน ใบไม่หงิก และไม่ต้องการน้ำเยอะด้วย.. 


ตอนนี้กำลังแข่งกันออกดอก...


นึกอยากกินก็ไปเก็บมาสด ๆ วันนี้ขอทำ "ผัดกะเพราไก่เจ" เผ็ด ๆ กินซักจาน ผมขึ้นไปเก็บพริกบนดาดฟ้ามา ๑ กำมือแล้วนำมาตำกับกระเทียม พร้อมเตรียมส่วนผสมไว้ง่าย ๆ ตามสไตล์ช่างเหอะ (ใส่พริกเยอะหน่อยเพราะเป็นคนชอบเผ็ด)...


ข้อสำคัญคือ ผมเลือกใช้น้ำมันมะพร้าว... 


ลงมือได้แล้ว....


คั่วพริกกับกระเทียมให้หอมก่อน...


 ตามด้วยเนื้อไก่สับ (เจ)...


ไม่ได้ใส่หอมหัวใหญ่ เพราะว่ามันไม่มี (ฮา) น้ำมันหอย ซอสปรุงรส หรือผงชูรสก็ไม่ใส่ครับ เหยาะแค่น้ำปลา + น้ำตาล (นิดหน่อย)


อ้าว...เกือบลืมใส่ใบกะเพรา!  ฮ้าด...เช้ยยย!! กลิ่นพริกตลบอบอวนเล่นเอาผมจามเสียงลั่น ผัดกะเพราสไตล์ช่างเหอะไม่ต้องใส่น้ำนะครับ แต่ถ้ามันแห้งเกิน จะเหยาะแค่พอให้มีน้ำขลุกขลิกก็ได้จ้า


ได้ที่แล้วก็ตักราดข้าวที่เตรียมไว้ได้เล้ย...


อาหารจานเดียวทำแบบง่าย ๆ กินเสร็จแล้วก็ล้างปากด้วยผลไม้ซะหน่อย แค่เนี้ยก็อิ่มแล้วครับ!

Saturday, September 24, 2016

หาคำตอบ

วันนี้ผมเปิดชั้นล่างของร้านเปียโนให้เด็ก ๆ ได้ลองเรียน อยากจะดูว่าบรรยากาศการเรียนการสอนจะดีกว่าที่ชั้นลอยหรือไม่?


ยังปรับปรุงไม่แล้วเสร็จ... ยังไง ๆ ผมก็อยากได้คำตอบว่าจะให้เด็กย้ายลงมาเรียนข้างล่างดีมั้ย? สิ่งแรกที่เห็นผลคือ เมื่อยกประตูด้านหน้าขึ้น เปิดประตูหลัง แล้วหมุนบานเกล็ดหน้าต่างขึ้น ก็เกิดลมพัดถ่ายเท... 


เย็นสบายครับ...วันนี้ผมใช้แกรนด์เปียโนสอนเด็ก


พบว่าเปียโนเสียงเพี้ยนและมี ๒-๓ คีย์ที่ต้องซ่อม...



๑๐.๐๐ น. อินดี้เป็นนักเรียนคนแรกที่มาประเดิม...



๑๕,๐๐ น. - ๑๖.๓๐ น. เป็นเวลาของน้องแกรมและเมเปิ้ล ทั้งสองคนรู้สึกว่าจะตื่นเต้นและให้ความสนใจกับแกรนด์เปียโนเป็นพิเศษ


รูปที่ติดไว้ช่วยให้บรรยากาศคล้ายห้องแสดงภาพ  



เมื่อสิ้นสุดการเรียนการสอน ผมสรุปได้ว่าไม่เหมาะที่จะย้ายลงมาที่นี่ ห้องที่ทำไว้ตรงระเบียงชั้นลอยน่าจะดีที่สุด!

Friday, September 09, 2016

ลดหวานอายุยืน

ไปหาหมอตามนัด...ได้รับแผ่นพับซึ่งพิมพ์แจกโดยหน่วยงานสุขศึกษาประชาสัมพันธ์และพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ โรงพยาบาลห้างฉัตร ผมเห็นว่ามีประโยชน์จึงอยากน่ามาเผยแพร่ต่อ!  

บริโภคน้ำตาลวันละไม่เกิน ๖ ช้อนชา



ทำไมต้อง ๖ ช้อนชา?
การบริโภคน้ำตาลมากจากเครื่องดื่ม ขนมหวาน หรือจากน้ำตาลโดยตรง เป็นต้นเหตุของฟันผุ เนื่องจากน้ำตาลถูกเปลี่ยนเป็นกรด โดยแบคทีเรียในปากทำให้เกิดการกัดกร่อนของเคลือบฟัน และที่สำคัญ เป็นต้นเหตุของปัญหาโรคอ้วน โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคความดันโลหิตสูง


วิธีควบคุมน้ำตาลไม่ให้เกิน ๖ ช้อนชา
  • อย่าเติมน้ำตาลลงในอาหาร นี่คือวิธีที่ง่ายและรวดเร็ว
  • อย่าหลงเชื่อคำโฆษณาว่า "ผลิตภัณฑ์น้ำตาลเพื่อสุขภาพ" เพราะสำหรับร่างกายคุณแล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในรูปใด น้ำตาลก็ยังเป็นน้ำตาลอยู่วันยังค่ำ
  • จริงจังในการลดหรือเลิกบริโภคคาร์โบไฮเตรต เช่น ขนมปัง และอาหารว่างต่าง ๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่อุดมไปด้วยแป้ง และส่วนผสมอื่น ๆ ที่จะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลในร่างกายได้เร็วพอ ๆ กับกลูโกส น้ำตาลเหล่านี้จะถูกเก็บไว้ในร่างกาย
  • ระมัดระวังการบริโภคอาหารขบเคี้ยวประเภทปราศจากไขมัน มักมีความเชื่อผิด ๆ ในคำว่า "ปราศจากไขมัน" ซึ่งไม่ได้หมายความว่าจะปราศจากแคลอรี่ อาหารปราศจากไขมันยังคงอุดมไปด้วยน้ำตาล

  • ชอปปิ้งอย่างมีสีสัน ซื้อผักและผลไม้ไขมันต่ำที่หลากสี เช่น สีเขียว แดง เหลือง ม่วง ขาว ยิ่งดีต่อสุขภาพของคุณ เพราะหมายความว่าซื้อชีวิตให้ยาวนานขึ้น

  • ทำตัวเป็นนักสืบด้านอาหาร คุณต้องรู้ให้ได้ว่าน้ำตาลนั้นอยู่ที่ไหนบ้าง อย่าลืมเริ่มอ่านฉลากเสียตั้งแต่วันนี้  กินอย่างฉลาด ต้องอ่านฉลากหวาน มัน เค็ม

  •  ระมัดระวังการบริโภคสารให้ความหวานสังเคราะห์ เพราะสารเหล่านี้จะไปช่วยเพิ่มความอยากน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรต นอกจากนั้นยังไปลดการเก็บน้ำตาลไว้ใช้ประโยชน์ในการดูดซึม น้ำตาลอยู่ในกระแสโลหิต
  • หัดคำนวณ ดูฉลากที่เขียนว่า "ปริมาณน้ำตาลรวม" นำจำนวนกรัมที่ได้ หารด้วย ๔ ผลที่ได้คือปริมาณน้ำตาล ๑ ช้อนชาที่คุณบริโภคเข้าไป
  • จำกัดปริมาณผลไม้ที่บริโภค (จำกัดนะ ไม่ใช่กำจัด) ขอแต่อย่าบริโภคมากเกินไปเท่านั้น หากต้องการลดน้ำหนัก ให้รับประทานผลไม้ ๒ ครั้งต่อวันเป็นอย่างสูง
  • เลิกรับประทานน้ำผลไม้ เพราะมีแต่น้ำตาลล้วน ๆ ปราศจากไฟเบอร์และมีสารอาหารน้อยกว่าที่พบในผลไม้สด

การคำนวณปริมาณน้ำตาลตามฉลาก


ตัวอย่างนี้จำนวนหน่วยบริโภคต่อ ๑ ขวด เท่ากับ ๒ นั่นก็คือ ถ้าดื่มทั้งขวด สารอาหารที่จะได้รับที่ถูกระบุไว้ในกรอบด้านล่างในส่วนของคุณค่าทางโภชนาการต่อหนึ่งหน่วยบริโภคจะต้องถูกคูณด้วย ๒ ทั้งหมด เช่น กรอบด้านล่างระบุปริมาณน้ำตาลไว้ ๓๑ กรัม (ต่อ ๑ หน่วยบริโภค หรือต่อครึ่งขวด) ดังนั้นถ้าดื่มหมดทั้งขวด น้ำตาลที่คุณจะได้รับคือ ๓๑ x ๒ = ๖๒ กรัม ซึ่งจะคิดเป็นน้ำตาล ๑๕.๕ ช้อนชา (น้ำตาล ๔ กรัมเท่ากับ ๑ ช้อนชา) สารอาหารอื่นก็สามารถคำนวณได้เช่นเดียวกัน

งั่ม ๆ ลดหวานไม่ใช่ง่ายเลยนิ! ว่าแล้วผมก็ยกกาแฟขึ้นซด 555

Thursday, September 08, 2016

กินยาพร้อมอาหาร

หลังจากได้รับการตรวจเลือดประจำปี ผลออกมาว่าระดับคอเรสเตอรอลของผมมีค่าสูงกว่าปกติ ไตรกลีเซอไรด์ก็สูงด้วยเช่นกัน คิดอยู่นาน...ในที่สุดผมก็ตัดสินใจสั่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร "เลซิทิน" (Lecithin) มาลองกินดู ๑ ขวด!


ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งได้กินยาเม็ดใหญ่ขนาดเนี้ย!


  "เลซิทิน" (Lecithin) คืออะไร?   วิกิพีเดียอธิบายว่า...
เลซิทิน (อังกฤษ: lecithin) เป็นไขมันชนิดฟอสโฟไลปิค (phospholipid) ที่มีความจำเป็นต่อเซลล์ทุกชนิดในร่างกาย เยื่อหุ้มเซลล์ (cell membrane) ซึ่งเป็นส่วนที่ควบคุมการเข้าออกของสารอาหารจะมีลักษณะแข็งและขาดความ ยืดหยุ่นถ้าไม่มีเลซิติน นอกจากนี้ยังพบว่าเลซิตินเป็นส่วนประกอบของเยื่อหุ้มสมอง กล้ามเนื้อ และเซลล์ประสาท เลซิตินเองมีคุณสมบัติเป็น emulsifier หรือสารที่ทำให้น้ำกับน้ำมันเข้ากันได้ ดังนั้นจะพบว่าได้มีการนำมาใช้ในการควบคุมโคเลสเตอรอลในเลือดกันอย่างแพร่หลาย เลซิตินพบได้มากในถั่วเหลือง แต่แหล่งอาหารที่ให้เลซิตินยังมีอีกมากมาย อาทิ ไข่แดง ตับ ข้าวโอ๊ต กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก เนื้อสัตว์ ปลา บริวเวอร์ยีสต์ และพืชบางชนิด...
ขนาด ๑.๒๐๐ แคบซูลมีขนาดใหญ่น่าดู ผมสั่งซื้อจากเว็บแห่งหนึ่งในราคาขวดละ ๓๕๐ บาท ขวดนึงมี ๑๐๐ แคบซูล ตอนหลังเจออีกเว็บขายแค่ ๒๕๕ บาทเอง (หุหุ ถูกกว่าตั้ง ๙๕ บาท!) ไม่เป็นไรครับ ทีหลังจะสั่งอะไรก็เสาะหาให้ดีกว่านี้ก็แล้วกัน


ขนาดรับประทานบอกไว้ว่า "วันละ ๑ แคบซูล พร้อมอาหาร" คำว่า "พร้อมอาหาร" ทำให้ผมอยากรู้ว่ากินอย่างไร? ได้เข้าเน็ตปรึกษาอากู๋แล้วทราบว่า "กินยาพร้อมอาหาร" คือกินข้าวไปครึ่งหนึ่งแล้วจึงกินยา จากนั้นค่อยหม่ำข้าวต่อ


พักนี้ผมต้องหันมาเอาใจใส่สุขภาพตัวเองยิ่งขึ้น อยากอยู่เขียนบล็อกให้ได้นาน ๆ หน่อยกั๊บ!