Friday, August 26, 2016

Epson ME 340


หลังจากที่บอกเพื่อน ๆ ว่า "สแกนเนอร์พังแล้วจ้า..."  ผมก็ไปประมูล "เรื่องสแกนฟิล์ม (Film Scanner) มาใช้ ช่วงนี้ถ้ามีเวลาเมื่อไหร่ ผมก็จะสแกนฟิล์มสไลด์ที่มีอยู่ แล้วเก็บเป็นไฟล์ jpeg ไว้สองขนาด คือ 3888 x 2588 และ 600 x 400 


ฟิล์มสไลด์ยี่ห้อ Agfa สีเพี้ยนหมดแล้ว กลายเป็นสีม่วงเสียเป็นสวนใหญ่ ผมต้องใช้ PhotoShop แก้ไขไฟล์ภาพที่ได้  ผลก็ออกมาดีบ้างไม่ดีบ้าง...





บางรูปก็ออกมาดีครับ...


ผมค้นเอาฟิล์มสี negative ที่เก็บไว้ออกมา อยากจะสแกนเก็บไว้ด้วย แต่มันละลายหมด ไม่เหลือภาพอยู่บนฟิล์ม แถมมีกลิ่นเหม็นด้วย ต้องทิ้งลูกเดียว!


มีฟิล์มบางม้วนที่ยังพอมีภาพ ผมก็เลยนำมาสแกน อยากทดลองฟิล์ม negative ด้วยครับ...


ผลออกมาไม่เป็นที่น่าพอใจ ภาพบ้านที่ปงแสนทองบานนี้ผมถ่ายไว้สมัยที่ยังไม่ได้ย้ายกลับมาอยู่ลำปาง... 


ผมต้องพยายามเก็บงานเจ้าฟิล์มสไลด์ให้เสร็จโดยเร็ว ขืนปล่อยทิ้งไว้คงจะเข้าอีหรอบเดิม ดีไม่ดีเครื่องสแกนอาจพังซะก่อนก็ได้...

เมื่อได้ไฟล์รูปจากฟิล์มสไลด์ (ส่วนใหญ่เป็นทริปไปยุโรป) ผมก็มีเรื่องที่จะเขียนในบล็อก exploring the world มากขึ้น อย่างไรก็ตามก็ยังอยากจะมีเครื่องสแกนเอกสาร ภาพถ่าย โน้ตเพลง ฯลฯ เหมือนอย่างที่เคยมี

ไปเจอเครื่องพิมพ์ Epson Me 340 ในเว็บประมูล ผู้ขายก็เป็นเจ้าเดียวกับเครื่องสแกนฟิล์มนั่นแหละ ลงประกาศไว้ว่า "เมียด่าครับ เก็บของเต็มบ้าน เลยขอนำมาส่งต่อแบ่งกันใช้ เป็นของมีตำหนิ 
บานพับกระดาษหัก เลยติดกาว 2 ตัน ไว้แน่นเลย เครื่องนี้เคยติดแท้ง เลยมีรอยจากการติดแท้ง แต่ตลับยังอยู่ เมื่อ 3-4 เดือนก่อนเอามาลองพิมพ์อยู่ปกติดี แต่วันถ่ายรูปมันเตือนหมึกหมด ใช้ Scan ได้ปกติ..." 

ภาพจากผู้ขาย
  
ภาพจากผู้ขาย
ผมตัดสินใจเข้าร่วมประมูล ตอนนั้นคิดเพียงว่าถ้าสแกนได้ก็เอามาใช้สแกนเอกสารและรูปภาพ ส่วนเครื่องพิมพ์จะใช้ได้หรือไม่ได้ ก็ต้องเอามาลองดู

ในที่สุดผมก็ประมูลมาได้ในราคา ๒๐๐ บาท (ต้องออกค่าส่ง ๑๐๐ บาทและค่าโอนเงินอีก ๓๐ บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๓๓๐ บาท  สินค้าส่งมาถึงมือแล้วครับ!!!


ผู้ส่งแพ็คมาให้อย่างดีเหมือนเคย...


ยกออกมาถ่ายภาพไว้หน่อย...


รู้สึกขอบคุณที่ผู้ขายเขียนแผ่น driver ส่งใสให้ด้วย...


ก็คงต้องเป็นหน้าที่ของช่างเหอะในการทดสอบว่าทำงานได้หรือไม่ เสียบไฟแล้วเปิดเครื่อง พบว่าทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น ไม่ว่าสแกนหรือพิมพ์ ไฟแดงแสดงสถานะหมึกหมดเป็นไปตามที่ผู้ขายประกาศไว้


ทำใจไว้แล้วหละ แต่ก็ยังคิดว่าจะซ่อมได้ เพราะผู้ขายเมลบอกไว้ว่า "เครื่องปริ้นใช้ได้นะครับ  แต่ผมลงเป็นเสีย น่าจะแค่หมึกหมด เติมแล้วกด reset หมึก 2-3 เดือนก่อนผมยังใช้อยู่เลย แต่มันเยอะ  5-6 เครื่องแฟนเลยว่า ก็คิดว่าส่งต่อให้คนอื่นไปแก้ปรับใช้ดีกว่า..."  

เย็นวันนี้ ผมขี่จักรยานไปตลาด ซื้อผักมา ๓ อย่างคือ ถั่วฝักยาว ถั่วงอก และฟักทอง อย่างละ ๑๐ บาท รวมแล้วเป็นเงิน ๓๐ บาท...



ก็เลยถือโอกาสแวะร้านขายยา ซื้อเข็มฉีดยามาด้วย ๕ เล่ม ๆ ละ ๒ บาท เพื่อเตรียมไว้สำหรับการเติมหมึกเครื่องพิมพ์...


แล้วช่างเหอะจะเล่าให้ฟังถึงการรักษาเจ้า Epson ME 340 นะครับ...

No comments: