มันเป็นส่วนหนึ่งในความฝันของผมจริง ๆ ครับ เหมือนกับในสมัยที่เป็นวัยรุ่นก็เคยนึกอยากจัดรายการวิทยุ ผมต่อเครื่องส่งวิทยุ (มีกำลังส่งออกได้ประมาณ ๒-๓ หลังคาเรือน) แล้วเปิดเพลงออกอากาศ ๔๐ กว่าปีต่อมาผมก็ได้ไปจัดรายการ"คุยก่อนนอนกับลุงน้ำชา" ที่สถานีวิทยุ Smoth Radio 104.50 Mhz บรรยายไม่ถูกว่ามีความสุขแค่ไหน เมื่อโลกทั้งโลกเป็นของผมยามที่มี earphone ครอบหูและมีไมโครโพนจ่อปาก...
เรื่องเขียนบล็อกก็เช่นกัน เคยฝันอยากเขียนหนังสือหนังสือเกี่ยวกับดนตรีสักเล่มแต่ไม่สำเร็จ รู้สึกอิจฉาในความสามารถในการถ่ายทอดความคิดออกมาเป็นตัวหนังสือของคุณเมธีและคุณเดชา ผมก็เลยหันมาเป็น blogger เขียนเรื่องเที่ยวเรื่องแอ่วไปตามประสาแล้วโพสต์ด้วยรูปเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งก็ทำให้ก็มีความสุข! แต่อาจเป็นความสุขบนความเซ็งของเพื่อน ๆ ก็ได้ (ฮา)
วันนี้อยากรายงานเรื่องห้องเรียนไวโอลินซึ่งกำลังเร่งมือทำต่ออีกนิด....
วันวานผมทำโครงแบบง่าย ๆ ไว้แล้ว...
บ่ายวันนี้ ผมนำกระดาษอัดที่เหลืออยู่ ๑ แผ่นมาติดตั้ง...
พรุ่งนี้ตั้งใจจะตีตะปู (หัวโต-สั้น) ยึดให้แน่นหนา ก่อนที่จะย้ำหัวตะปู โป้ว และทาสี...
พอดีตอนเย็นต้องไปหาหมอพงษ์ศักดิ์ เป็นการไปตรวจตาทุก ๆ สามเดือน คุณหมอบอกว่าตาทั้ง ๒ ข้างยังใช้ได้อยู่ อาการที่น่าเป็นห่วงไม่ลุกลาม แค่นั้นผมก็ดีใจ ผ่าตัดใส่เลนส์มากว่าสิบปี ได้แค่นี้ก็ดีที่สุดแล้ว! คุณหมอให้ยาบำรุงมากินด้วย (ต้องขอ)...
เวลาเห็นเตารีดแบบใช้ถ่าน ผมนึกถึงตอนเป็นเด็กซึ่งยังทันได้มีประสบการณ์กับการรีดผ้าด้วยเตาแบบนี้ เด็ก ๆ รุ่นใหม่คงนึกภาพไม่ออกว่าต้องตัดใบตองมาใช้ถูก้นเตา และระวังไม่ให้ถ่านปะทุทำให้ผ้าเป็นรู! ทุกวันนี้เตารีดโบราณเป็นได้เพียงแค่ของเก่าที่ตั้งไว้เตือนความจำ...
ร่างกายของผมก็เช่นกัน เคยนึกอยู่เหมือนกันว่าเมื่อถึงวันที่มองอะไรไม่เห็น ต้องหยุดเขียนบล็อก วันนั้นผมจะอยู่อย่างเตารีดเก่านี้ได้รึ?
No comments:
Post a Comment