วันก่อนผมเขียนอ้างอิงคำพูดที่ว่า "บางคนซื้อโทรศัพท์มาเครื่องละ ๒ หมื่นบาทแต่ใช้งานแค่ ๒ พันบาท" วันนี้อยากโยงถึงเรื่อง "กล้องถ่ายรูป"
บนเส้นทางของการเดินทาง... ผมเห็นนักเดินทาง(คนไทย)หลายคนใช้กล้องถ่ายรูป DSLR (Digital Single Lens Reflex) ยี่ห้อดัง พร้อมเลนส์ซูมราคาแพง แถมยังลากขาตั้งกล้องไปด้วย จะบันทึกภาพแต่ละทีต้องมีพิธีรีตรอง ได้ภาพวิวทิวทัศน์ สถานที่ และภาพแอบถ่ายออกมาสวยงามคมชัด เปรียบเหมือนการเล่นเพลงคลาสสิก บรรเลงจากตัวโน้ตที่ได้จัดวางไว้อย่างดีมีระเบียบ แต่บางคนก็ถ่ายภาพออกมาไม่ได้เรื่อง ไม่คุ้มค่ากับราคาของกล้องที่ใช้อยู่ (น่าเสียดาย)
สำหรับผม...ชอบเล่นดนตรีอาศัยการ improvise ถ้าให้บรรเลงถูกต้องหมดทุกตัวโน้ตก็ทำไม่ได้ พอมาเล่นกล้อง ผมจึงชอบที่จะถ่ายภาพชีวิตแนวแคนดิต มากกว่าการตั้งกล้องรอถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกดิน ผมไม่ใช้กล้องราคาแพง... ขอเพียงให้ได้คิดขณะมองผ่านช่อง view finder แล้วกดชัตเตอร์อย่างรวดเร็วก็พอ ทริป "ฝ่าลมหนาวแอ่วลาวเหนือ" ผมใช้กล้อง Sony DSC-w110 ซึ่งประมูลมาในราคา ๘๕๐ บาท เก็บภาพมาได้ ๑,๗๙๐ บาน ใช้เนื้อที่บน memory card ไป 2.8 GB จากความจุทั้งหมด 8 GB
ส่วนใหญ่ถ่ายภาพโดยอาศัยความไวในการกดชัตเตอร์กล้องตัวเล็ก จากจำนวนภาพเกือบ 2000 shots ผมลบทิ้งแค่ไม่ถึง ๑๐ บาน เป็นภาพที่เบลอเพราะสั่นไหวเนื่องจากอยู่บนรถยนต์ และภาพแอบถ่ายแบบกะ ๆ เอา(แล้วไม่ตรง) อย่างเช่น การภาพขาสาวฝรั่งซึ่งนั่งอยู่บนรถตู้จากหลวงน้ำทาไปเมืองสิง....
อยากจะเปรียบเทียบกับขาของชายวัย ๖๐ กว่า...ว่าของเราก็ผิวพรรณไม่เลว! อิอิ
กล้องคอมแพ็คถ่ายไม่ได้ชัดลึกเหมือนกล้อง DSLR ก็จริง แต่ถ้าอาศัยแสงเงาเข้าช่วย ก็ได้ภาพที่ดูมีมิติ...
ต้องรีบยกขึ้นถ่ายภาพให้ได้ก่อนที่เหตุการณ์นั้นจะผ่านไป ทุกชีวิตไม่หยุดรอให้เราเล็งนาน ๆ แล้วค่อยกดชัตเตอร์!
ผมถ่ายภาพคุณตาที่เวียงภูคานี้ไว้ในขณะเดินผ่าน
นั่งบนรถก็ยกกล้องขึ้นถ่ายภาพเด็กนั่งอยู่ข้างทางได้...
ทั้งหมดเป็นภาพจากกล้องราคา ๘๕๐ บาทครับ...
No comments:
Post a Comment