บริษัทด้านที่ปรึกษาธุรกิจเผยผลสำรวจ พบฮ่องกงยังครองแชมป์เมืองที่มีอัตราค่าครองชีพสูงสุดในโลก รองลงมาคือ โตเกียว สิงคโปร์ โซล ส่วนกรุงเทพฯ ไต่ขึ้นเป็นอันดับที่ ๔๐ จากเดิมอยู่ที่ ๕๒ เหตุเศรษฐกิจขยายตัว คนย้ายจากชนบทเข้าเมือง...
อ่านแล้วผมกระหยิ่มใจที่ตัวเองเลือกมาอยู่บ้านห้างฉัตร ที่ ๆ ผมสามารถเก็บพริกขี้หนูมาทอดกินกับขนมจีนน้ำยาชุดละ ๑๕ บาท กล้วยน้ำว้า ๖ หวีที่ตลาดบ้านปันง้าว แค่ ๒๐ บาท!
จำได้ว่าผมเคยซื้อตั๋วโดยสารล่วงหน้าราคาถูก (เชียงใหม่-ฮ่องกง) ของสายการบิน HK Express เอาไว้ รอมาเกือบปี แต่พอถึงวันเดินทางกลับไม่ไป (no show) เอาซะงั้น
ทิ้งเงิน ๒,๖๑๒ ไปเปล่า ๆ ถามผมว่าเสียใจมั้ย? ขอตอบว่า "ไม่เลยครับ" มันก็เหมือนซื้อ hard disk 3TB มาตัวนึงในราคาเกือบ ๓ พันบาท แต่เกิดทำหายก่อนที่จะนำมาใช้เก็บข้อมูลสำคัญ ซึ่งพอดีเจ้า hard disk ตัวนั้นมีจุดบกพร่องมาจากโรงงาน หากนำมาใช้ก็จะพังโดยไม่ทันได้ backup อะไรไว้ โชคดีที่มันหายไปซะก่อน!
เช่นเดียวกัน ...ไม่ไปฮ่องกงผมก็ไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม หากต้องไปเช่ารูหนูอยู่ตั้ง ๑๐ วันคงหมดอีกหลายอัฐ แล้วการไปดูเมืองที่มีค่าครองชีพสูงเป็นอันดับ ๑ มันจะสู้ไปเช่าบ้านพักริมน้ำที่เวียงพูคาคืนละ ๕๐ พันกีบ (๒๐๐ บาท) แล้วตื่นไปตลาดเช้าท่ามกลางอากาศหนาวเย็น เดินดูของที่แม่ค้านำมาวางขายไม่ดีกว่ารึ?
ว่าแล้วผมก็ขึ้นไปสำรวจสวนครัวบนดาดฟ้า... พร้อมกับนำภาพมาให้เพื่อนดูดังนี้
พริกหยวกก็ออก...เก็บกินได้
ต้นกะเพรากำลังแตกใบงาม...
ส่วนชะอมคงต้องรอนานหน่อยกว่าจะได้เก็บกิน...
ไม่ต้องไปฮ่องกงหรอกครับ หาความสุขจากที่นี่ก็ได้!