Thursday, August 28, 2014

แขนแม่นาก

เพื่อน ๆ คงจะรู้จัก "แม่นาก" เมียของพ่อมากที่บ้านอยู่ริมคลองพระโขนงเป็นอย่างดี...

ภาพจากภาพยนต์เรื่องแม่นากพระโขนง 
 

เมื่อวานนี้หากแม่นากมาสมัครเป็นช่างทาสี ผมจะรับเข้าทำงานทันที แล้วมอบหมายให้รับหน้าที่ทาสีบริเวณที่อยู่สูง ๆ ซึ่งลูกกลิ้งทาสี(ต่อด้าม)ทำได้ไม่สมบูรณ์...


งานนี้ถ้าเป็นแม่นาก คงสามารถจับแปรงทาสีขึ้นไปเก็บงานได้โดยง่าย ขนาดเก็บลูกมะนาวใต้ถุนบ้านยังทำได้เลย!

แม่นากกำลังเอื้อมมือลงเก็บลูกมะนาวที่ตกลงไปใต้ถุนบ้าน
พอดีมันคนละยุคคนละสมัยกัน ทุกวันนี้ไม่มีแม่นากแล้ว เมื่อวานนี้ผมจึงต้องทำ "แขนแม่นาก" ขึ้นมาใช้เก็บงานสีในที่สูง...


ผมซื้อแปรงทาสีมาใหม่ ๑ ด้าม แล้วนำท่อพีวีซีขนาด ๑ นิ้วที่มีอยู่มาต่อเป็น "แขนแม่นาก" (บรื้อส์...ดูน่ากลัวจัง)


แขนแม่นากทำงานได้ดีทีเดียว....



ดู ๆ แล้วแขนแม่นากคงต้องยืดยาวมากกว่าตอนเก็บลูกมะนาวเสียอีก...



เก็บงานเรียบร้อยแล้วครับ...



งานนี้ถ้าไม่ได้ "แขนแม่นาก" ก็คงไม่สำเร็จ!

Wednesday, August 27, 2014

ปวดเมื่อย!

เมื่อวานนี้...ผมลงน้ำยารองพื้นปูนที่ผนังและเพดานในส่วนที่ยื่นออกไปจากระเบียงชั้นลอย



สาย ๆ วันนี้ผมลงมือทาสีรอบแรกด้วยสีที่มีอยู่...


เนื่องจากไม่มีนั่งร้าน ไม่มีบันไดที่สูงและมั่นคง ผมจึงต้องต่อด้ามลูกกลิ้งทาสีให้ยาว แล้วยื่นแขนออกไปทาบริเวณพื้นที่ ๆ อยู่ไกลเกือบจะเกินเอื้อม...


ต้องพยายามทำให้สีย้อยตกลงไปเบื้องล่างน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้...


ไม่ใช่ง่าย เพราะเป็นการทาสีที่ต้องใช้พลังแขนมากกว่าทาแบบปกติ!


นอกจากนั้นแล้ว ผมยังใช้เวลาช่วงรอให้สีแห้ง ผสมผงโป้วอุดร่องบริเวณผนังชั้น ๒ อีก...


ส่วนที่แห้งแล้ว ก็ขัดกระดาษทราย...


จากการใช้แขนทำงานหนักอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผมมีอาการปวดเมื่อยเป็นอย่างมาก บริเวณข้อศอกขวาบวมอย่างเห็นได้ชัด...


แย่จังเลย!  ปวดแขนปวดขายังไม่พอ ผมยังปวดใจ เมื่อเห็นพี่ชายกินข้าวเหลือทิ้งไว้...


เสียดายจัง...ข้าวกล้องซะด้วย เหลือติดก้นชามเอาไว้ ผมเคยบอกแล้วบอกอีกว่าตักกินให้หมดเถอะ นอกจากจะเสียของแล้ว มันทำให้ล้างชามยากด้วย บนชั้น ๓ เนี่ยหาที่ทิ้งยาก ถ้าเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ก็คงไม่เป็นไร จะได้เทให้มันกิน...

ทั้งปวดแขนและปวดใจ ผมไม่รู้จะทำอย่างไร!

Tuesday, August 26, 2014

น้ำยารองพื้นปูนทับสีเก่า


ผ่านมา ๑ ปี...บ้านที่ห้างฉัตรก็ยังทาสีไม่แล้วเสร็จ ช่วงนี้ผมขอทำงานสีต่อ เพราะยังมีสีเหลืออยู่ ๒ ถัง เมื่อเปิดฝาแล้วก็ต้องรีบทาให้หมด...

พื้นที่ ๆ ต้องทาสีส่วนหนึ่งยังค้างคาอยู่ก็เพราะมันอยู่สูง ผมไม่มีนั่งร้าน จึงปล่อยทิ้งไว้ก่อน ดูแล้วก็น่าเกลียดไม่น้อย...




วันนี้ผมลงน้ำยารองพื้นปูนเตรียมไว้ โดยใช้น้ำยารองพื้นปูนทับสีเก่าของ TOA.....


น้ำยาตัวนี้จะช่วยป้องกันการหลุดล่อนและเพิ่มการยึดเกาะ...


ต้องทำความสะอาดเสียก่อน ผมกวาดหยากไย่โดยใช้ไม้กวาดทางมะพร้าวด้ามยาว....


 ที่อยู่สูงมาก ๆ ก็ต้องปีนบันไดขึ้นไปยืนกวาด...


ไม่ลืมที่จะใช้แผ่นกระดาษอัดวางบนเปียโนเพื่อมิให้โดนสีหรือน้ำยา...


ใช้ลูกกลิ้งทาสีต่อด้ามยาว ค่อย ๆ ทาน้ำยารองพื้น  บริเวณที่ลงน้ำยารองพื้นจะมีสีเข้มขึ้น ผมทิ้งไว้ข้ามคืนให้แห้งสนิท พรุ่งนี้จึงค่อยลงมือทาสี


มีความคืบหน้าอย่างไร จะแจ้งให้เพื่อน ๆ ทราบนะครับ!

Monday, August 25, 2014

ซ่อมสแกนเนอร์

เขียนบล็อก exploring the world ถึงตอนเดินทางออกจาก Nyaung U ผมต้องสแกนตั๋วรถเพื่อนำภาพไปประกอบเรื่องราวที่เขียน  ขณะใช้งาน...เจ้าสแกนเนอร์ CanoScan LiDE 25 ส่งเสียงดังแกร๊ก ๆๆ แต่ไม่ยอมสแกนเอกสารที่วางไว้!  เอาแล้วซิ ช่างเหอะมีงานให้ทำอีกแล้ว...

เช้านี้ผมวางเกรียงโป้วไว้ก่อน นำสแกนเนอร์ออกมาซ่อม ด้วยความหวังริบหรี่...


เปิดฝาออกดูเห็นได้ชัดว่าเจ้าสายพานมันหลุด...



ต้องแกะกระจกหน้าออกเพื่อใส่สายพานกลับเข้าไป ผมไม่รู้ด้วยว่าเค้าใส่อย่างไรมาจากโรงงาน...


ก่อนอื่นต้องหาวิธีแกะกระจกออกก่อน ทำตามประสาช่างเหอะ ผมงัดแผ่นพลาสติกยาวด้านข้างและด้านหน้าออก มันมีเทปกาวยึดไว้ครับ ค่อย ๆ แงะแล้วดึงออก...


ยกกระจกออก แล้วนำเจ้าตัวสแกนซึ่งวางและเคลื่อนไปตามแกนเหล็กที่เห็นออกมาพิจารณาดู...


ช่างเหอะต้องใช้ verb to dow เดาเอาว่ามันควรจะเป็นเช่นไร...


คิดว่าอย่างเนี้ยน่าจะถูก...


ฝรั่ง เอ้ย.. ญี่ปุ่นทำเกินไว้ ๒ ชิ้น คือสปริงและพลาสติกขาวชิ้นเล็ก ๆ ไม่รู้ว่าหลุดมาจากไหน? ผมประกอบกลับเข้าตามเดิมแล้วนำไปทดลอง  ใช้งานได้แล้วครับ แต่ช้ากว่าเดิม!!


ลองสแกนตั๋วรถจาก Bagan ไป Mandalay...


เสร็จแล้วจ้า ขออนุญาตไปโป้วฝาผนังต่อนะครับ...

Sunday, August 24, 2014

โปรโมชั่น 0 บาท

วันนี้มีข่าวดีครับ  Air Asia จัด Big Sale ราคาค่าโดยสาร 0 บาทอีกแล้ว!


เริ่มจองได้ตั้งแต่วันนี้ตอน ๕ ทุ่ม โปรโมชั่นนี้สำหรับเดินทางตั้งแต่วันที่  ๑ มีนาคม ถึง ๒๔ กรกฎาคม ปีหน้าโน่น...

ทีแรกผมก็ว่าจะไม่ไปเวียดนามอีกแล้ว แต่พอมีโปรโมชั่น 0 บาท ก็เลยอดไม่ได้ที่จะเข้าไปดู มีตั๋วฟรีบินจากกรุงเทพไปโฮจิมินห์ซิตี้หรือไซ่ง่อน ประเทศเวียดนาม ผมจึงวางแผนที่จะจองตั๋วแบบเที่ยวเดียวไปลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติเตินเซินเญิ้ต กะอยู่เวียดนามซัก ๒-๓ วันแล้วเดินทางเข้ากัมพูชา อยู่เที่ยวหนึ่งอาทิตย์ แล้วค่อยนั่งรถกลับเมืองไทย...

ราคาตั๋ว 0 บาทจริง ๆ ด้วย แต่มีค่า Fuel Surcharge ๒๕๐ บาทและค่าธรรมเนียมเลือกที่นั่งอีก ๗๐ บาท ผมไม่ซื้อประกัน และยังคงเดินทางแบบตัวเบาไม่ต้องจ่ายค่าโหลดสัมภาระขึ้นเครื่อง (ค่าภาษีสนามบินเมืองไทย ๗๐๐ บาทต้องจ่ายตามปกติ)  โอกาสอย่างนี้ต้องคว้าไว้ ผมจองตั๋วได้แล้ว ออกเดินทางวันอาทิตย์ที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๕๘ ช่วงหยุดยาวพอดี...


ใครอยากท่องเที่ยวเวียดนามและกัมพูชาแบบประหยัดสุด ๆ ก็ต้องรีบจองตั๋วล่วงหน้าเอาไว้เลยนะ ช้าอด!

อีก ๑ ปีค่อย Travellin' light ไปเขมร... ถึงตอนนั้นไม่รู้เหมือนกันว่าบ้านเมืองจะเป็นเช่นไร!!! 

Tuesday, August 19, 2014

ลำไยเกล็ดหิมะ


หลานจากอุตรดิตถ์นำลำไยมาให้ ๑ ถุงใหญ่ กินได้ ๒-๓ วันมันก็เริ่มเน่า ต้องหาวิธีทำให้เก็บไว้กินได้นาน ๆ โดยไม่ต้องทิ้งไป...ผมนำมาทำเป็น "ลำไยเกล็ดหิมะ" 

สมัยที่แม่ยังมีชีวิตอยู่ ผมเคยทำให้แม่กิน แม่ชอบมาก ๆ

ทำง่ายครับ เริ่มต้นด้วยการใช้มือแกะเนื้อลำไยออกมาก่อน (เจอลูกที่เสียก็ทิ้งไป ลูกดี ๆ แกะให้เกลี้ยง อย่าเหลือทิ้งไว้ เพราะมันจะพร้อมใจกันเน่าจนเกือบหมด)...


ได้เนื้อลำไยแล้วนำไปแช่ในน้ำสารส้ม สัก ๑๐-๑๕ นาที (สารส้มมีคุณสมบัติทำให้เนื้อลำไยกรอบ)...


จากนั้นก็ล้างเนื้อลำไย แล้วใส่กระชอนให้สะเด็ดน้ำ


ตั้งหม้อต้มน้ำให้เดือด ใส่น้ำตาลทรายลงไปเพื่อทำน้ำเชื่อม จากนั้นก็ใส่เนื้อลำไยลงไป เหยาะเกลือป่นตามลงไปนิดนึง ต้มจนเดือดแล้วค่อยดับไฟ ปล่อยทิ้งไว้ให้เย็น ก่อนที่จะตักใส่กล่องแล้วนำเข้าแช่ตู้เย็น (ในช่องแช่แข็ง) ทิ้งไว้ข้ามคืนก็จะได้ลำไยเกล็ดหิมะไว้กิน...


(คำเตือน - อย่ากินหวานมาก เพราะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ)


เสียเวลาทำหน่อย ดีกว่าปล่อยให้ลำไยสดเน่าไปอย่างน่าเสียดาย! 

Monday, August 18, 2014

ซ่อมตะหลิว

ย้ายมาอยู่บ้านใหม่ที่ห้างฉัตร... ผมทำที่แขวนอุปกรณ์พวกตะหลิวและทัพพีไว้อย่างนี้


เมื่อเร็ว ๆ นี้ ผมผัดผักแบบไฟแดง คือรอให้น้ำมันในกระทะร้อนจัด เอียงกระทะหน่อยแล้วใส่ผักลงไป เกิดไฟลุกท่วมผัก แต่วันนั้นดันหลงวางเจ้าตะหลิวโปร่งไว้ใกล้ ๆ เตา หันด้ามไปทางเปลวไฟ ผลก็คือพลาสติกตรงปลายที่เป็นรูสำหรับใช้แขวนโดนความร้อนซะเละไปเลย...


แขวนไว้อย่างเดิมไม่ได้แล้ว!  โดนแม่บ้านดุ  ช่างเหอะจะทำอย่างไรดี? ซื้อใหม่รึ...ก็ไม่อยากเสียเงิน (ยิ่งกำลังกรอบอยู่ด้วย)  วันนี้จึงต้องลงมือซ่อม  เริ่มด้วยการฝนจุดเสียหายด้วยหินเจียร...


จากนั้นก็ใช้กระดาษทรายขัดแต่งอีกหน่อย...


ผมเดินลงไปห้องเก็บของที่ชั้นลอย ค้นหาในกล่องเก็บอุปกรณ์กรอบรูป ได้ตะขอมา ๑ ตัว!


mark ตรงจุดศูนย์กลาง แล้วใช้ดอกสว่านขนาดครึ่งหุนเจาะนำ (ผมใช้มือจับดอกสว่านแล้วค่อย ๆ หมุนเข้าไป ไม่ใช้สว่านให้เสียเวลาและพลังงาน)  พอแค่เป็นรูตื้น ๆ เพื่อจะได้หมุนตะขอเข้าไป...


เรียบร้อยแล้วจ้า...


สามารถนำกลับไปแขวนได้ตามเดิม...


555 ไม่โดนดุแล้ว!