Thursday, January 22, 2015

ความสุขบนความเซ็งของผู้อ่าน

เพื่อน ๆ ที่รัก...ผมต้องขอขอบคุณที่กรุณาเข้ามาเยือน"บล็อกช่างเหอะ" ซึ่งหาสาระไม่ค่อยจะได้ แถมบางครั้งยังนำเรื่องเซ็ง ๆ มาเขียนให้อ่าน...

มันเป็นส่วนหนึ่งในความฝันของผมจริง ๆ ครับ เหมือนกับในสมัยที่เป็นวัยรุ่นก็เคยนึกอยากจัดรายการวิทยุ ผมต่อเครื่องส่งวิทยุ (มีกำลังส่งออกได้ประมาณ ๒-๓ หลังคาเรือน) แล้วเปิดเพลงออกอากาศ  ๔๐ กว่าปีต่อมาผมก็ได้ไปจัดรายการ"คุยก่อนนอนกับลุงน้ำชา" ที่สถานีวิทยุ Smoth Radio 104.50 Mhz  บรรยายไม่ถูกว่ามีความสุขแค่ไหน เมื่อโลกทั้งโลกเป็นของผมยามที่มี earphone ครอบหูและมีไมโครโพนจ่อปาก...

เรื่องเขียนบล็อกก็เช่นกัน เคยฝันอยากเขียนหนังสือหนังสือเกี่ยวกับดนตรีสักเล่มแต่ไม่สำเร็จ รู้สึกอิจฉาในความสามารถในการถ่ายทอดความคิดออกมาเป็นตัวหนังสือของคุณเมธีและคุณเดชา ผมก็เลยหันมาเป็น blogger เขียนเรื่องเที่ยวเรื่องแอ่วไปตามประสาแล้วโพสต์ด้วยรูปเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งก็ทำให้ก็มีความสุข! แต่อาจเป็นความสุขบนความเซ็งของเพื่อน ๆ ก็ได้ (ฮา) 

วันนี้อยากรายงานเรื่องห้องเรียนไวโอลินซึ่งกำลังเร่งมือทำต่ออีกนิด....

วันวานผมทำโครงแบบง่าย ๆ ไว้แล้ว...


บ่ายวันนี้ ผมนำกระดาษอัดที่เหลืออยู่ ๑ แผ่นมาติดตั้ง...


พรุ่งนี้ตั้งใจจะตีตะปู (หัวโต-สั้น) ยึดให้แน่นหนา ก่อนที่จะย้ำหัวตะปู โป้ว และทาสี...


พอดีตอนเย็นต้องไปหาหมอพงษ์ศักดิ์ เป็นการไปตรวจตาทุก ๆ สามเดือน คุณหมอบอกว่าตาทั้ง ๒ ข้างยังใช้ได้อยู่ อาการที่น่าเป็นห่วงไม่ลุกลาม แค่นั้นผมก็ดีใจ ผ่าตัดใส่เลนส์มากว่าสิบปี ได้แค่นี้ก็ดีที่สุดแล้ว! คุณหมอให้ยาบำรุงมากินด้วย (ต้องขอ)...


เวลาเห็นเตารีดแบบใช้ถ่าน ผมนึกถึงตอนเป็นเด็กซึ่งยังทันได้มีประสบการณ์กับการรีดผ้าด้วยเตาแบบนี้ เด็ก ๆ รุ่นใหม่คงนึกภาพไม่ออกว่าต้องตัดใบตองมาใช้ถูก้นเตา และระวังไม่ให้ถ่านปะทุทำให้ผ้าเป็นรู! ทุกวันนี้เตารีดโบราณเป็นได้เพียงแค่ของเก่าที่ตั้งไว้เตือนความจำ...


ร่างกายของผมก็เช่นกัน เคยนึกอยู่เหมือนกันว่าเมื่อถึงวันที่มองอะไรไม่เห็น ต้องหยุดเขียนบล็อก วันนั้นผมจะอยู่อย่างเตารีดเก่านี้ได้รึ? 

Wednesday, January 21, 2015

รายงานความคืบหน้า ๒๕๕๘

ตั้งแต่ปีใหม่ ๒๕๕๘ ผมยังไม่ได้เขียนเรื่องการปรับปรุงบ้านห้างฉัตรเป็นชิ้นเป็นอัน วันนี้คงต้องรายงานให้ทราบซะหน่อย!


อากาศตอนเช้าหนาวเย็นอยู่...แต่ไม่มาก กำลังสบาย ๆ ในขณะที่บนดาดฟ้ายังอบอุ่นอยู่เสมอ วันนี้ผมขึ้นไปถ่ายภาพความคืบหน้ามาให้เพื่อน ๆ ดู...

เคยนำกระถางต้นไม้ตั้งไว้ข้าง green workshop แต่ไม่เป็นผลดี เวลาเปิดน้ำระบายความร้อนหลังคาลงรดน้ำต้นไม้  มันไม่ตรงกระถาง ทำให้พื้นเปียกเจิ่งนอง ผนังห้องก็เลอะเทอะสกปรก ที่สำคัญคือช่องทางแคบจนเดินไม่สะดวก บางครั้งถูกสะกิดด้วยหนามจากต้นมะกรูด! ผมย้ายกระถางต้นไม้ไปไว้ตรงมุมแล้วครับ!  ดูดีขึ้นอ่ะ เด๋วจะทำที่รองน้ำฝน แล้วต่อท่อส่งน้ำไปรดต้นไม้ทางโน้น...


ที่เป็นช่องโหว่เหนือวงกบและด้านข้างก็ใช้ไม้อัดปิดไว้แล้ว แต่ยังโป้วไม่เสร็จครับ...


ข้างในห้องผมได้ทำชั้นวางหนังสือเพิ่มอีก...


ติดภาพเขียนของเอจังด้วย...


มีคอมพิวเตอร์และออนไลน์ได้ด้วย ความเร็วช้าหน่อยเพราะซีพียูเป็น dual core E2100 ความเร็วแค่ 1.6 Ghz


ใส่ wireless adapter...


แล้วต่อ external antenna ไปตั้งรับสัญญาณไวไฟจากข้างล่าง...


single bed สำหรับผู้มาเยือนครับ (ถ้าไม่รังเกียจ) ..


ส่วนชั้นล่างที่เป็นร้านเปียโน กรอบรูปจำนวน ๙๙ บานก็ยังคงอยู่ในกล่อง รอการนำออกมาติดตั้ง...


ห้องน้ำชั้นล่างแล้วเสร็จประมาณ 80% 


อ่างล้างมือใช้งานได้แล้ว...


พื้นที่บริเวณหน้าห้องน้ำเคยรกรุงรังเดินผ่านไม่ได้ ตอนนี้เคลียร์เรียบร้อยแล้ว ต้องย้ายเจ้าโตออกไปจอดข้างนอกก่อนที่จะลงมือทำเคาน์เต้อร์!!


เฮ้อ!! ปวดหัว ทุกอย่างต้องใช้งบ!! 

Monday, January 19, 2015

Bonnie and Clyde


เคยดู Bonnie ans Clyde (1967) ซึ่งกำกับโดย Arthur Penn และนำแสดงโดย Warren Beatty กับ Faye Dunaway มาแล้ว วันนี้ผมดาวน์โหลด Bonnie ans Clyde (dead and alive) มินิซีรี่ย์ซึ่งออกอากาศเมื่อวันที่ ๘ และ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๖ มาดู...


จุใจจริง ๆ สำหรับภาพยนต์ประเภท docudrama 2 episodes ความยาวรวม ๓ ชั่วโมง ผมไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะสามารถหาภาพยนต์ที่อยากดูได้ง่ายเสียจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือภาพยนต์ซึ่งสร้างจากเรื่องจริงหรือประเภท documentary  เล่าเรื่องราวของประวัติศาสตร์ ชีวิตผู้คน และหลายสิ่งหลายอย่างที่น่าสนใจ ยิ่งดูก็ยิ่งได้เรียนรู้ สมองได้รับอาหารอยู่เสมอ...

อย่างเช่นเรื่องราวของ Bonnie and Clyde ซึ่งมีชีวิตในช่วงที่ผมยังไม่เกิดมาดูโลก เมื่อนำมาสร้างเป็นภาพยนต์ เค้าก็ต้องทำให้มันย้อนยุคจริง ๆ   




ภาพขาวดำจาก biography.com



เวลาดูภาพยนต์เหล่านี้ ตาผมจะมองลึกไปมากกว่าแค่บทบาทของตัวแสดง ผมดูรถโบราณ ปืนกลมือแบบเก่า ดูการแต่งกาย รวมทั้งฟังสำเนียงการพูด (เรื่องนี้ค่อนข้างฟังยากเพราะสำเนียงเมืองคาวบอยล้วน ๆ โชคดีมี subtitlesช่วย)  นอกจากนั้นการมองอย่างเจาะลึกยังทำให้ได้ความคิดดี ๆ เป็นโบนัสอีก ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของการสร้างบ้าน การตกแต่ง ฯลฯ 


ยิ่งตอนนี้กำลังจะทำเคาน์เตอร์ร้านเปียโน ผมจึงเพ๋งพินิจเคาน์เตอร์ของร้านที่ bonnie กำลังทำงานอยู่เป็นพิเศษ.... 


ดูภาพยนต์ Bonnie and Clyde ทั้ง ๒ เวอร์ชั่นแล้วเห็นความแตกต่าง รู้สึกว่าบางฉากเค้าก็ใส่ไข่ และความจริงบางอย่างถูกบิดเบือน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมก็บอกได้ว่า "สนุกครับ!!"  

เพื่อเพิ่มอรรถรส ผมไปค้นหาหนังสือ "The True Story of Bonnie and Clyde" หนา ๑๗๖ หน้า จากหิ้งหนังสือออกมาอ่านด้วย...



ถึงได้รู้ว่า จริง ๆ แล้วตอนที่ทั้งคู่ถูกยิงมันเป็นอย่างไรกันแน่!

Sunday, January 18, 2015

สร้างห้องเรียนใหม่...

น้องใบเฟิร์นเป็นนักเรียนคนใหม่ ตามปกติผมสอนฟรีสำหรับนักเรียนอนุบาล พอมาอยู่ห้างฉัตรไม่มีนักเรียนมาเรียนทั้ง ๆ ที่ไม่คิดตังค์ ผมจึงขยายออกไปถึงเด็กชั้นประถม และน้องใบเพิร์นก็เป็นนักเรียนคนแรกที่ห้างฉัตร!  ใบเฟิร์นเลือกเรียนเปียโน หลังจากที่คุณพ่อซื้ออัพไรท์เปียโนมือสองมาไว้ที่บ้าน วันวานนี้เป็นการเรียนเปียโนชั่วโมงแรก ผมใช้เปียโนไฟฟ้าบนชั้นลอยสอน...


ที่นี่คงเป็นแห่งเดียวที่ให้ผู้ปกครองมานั่งอยู่ด้วย ถ่ายรูปถ่ายวิดีโอได้ตามใจชอบ ผมว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะผู้ปกครองจะได้จำบทเรียนไปช่วยสอนลูกที่บ้านได้อีกแรงหนึง  แต่ปัญหาที่ประสบเมื่อวานนี้คือ เมื่อเด็ก ๆ และผู้ปกครองมาเจอกัน เสียงคุยเสียงเล่นของเด็ก ๆ จึงดังกว่าทุก ๆ ครั้ง ขณะที่ผมสอนไวโอลินน้องเมเปิ้ล ผมต้องเร่งโวลุ่มเสียงขึ้นอีกเท่าตัว!!!  ความอดทนเกือบหมดสิ้นแต่ขันติมีเหนือกว่า ผมแค่เพียงพูดกับน้องเมเปิลว่า "เด๋วลุงจะทำห้องเรียนให้ใหม่ แล้วเราค่อยไปเรียนกันข้างใน..."   ห้องที่กล่าวถึงจะใช้พื้นที่ ๕-๖ ตารางเมตรบนระเบียงด้านนอก  ไม้ก็เตรียมไว้แล้ว...


วัสดุและเครื่องไม้เครื่องมือพร้อม...


เริ่มตั้งโครงเพื่อกั้นฝาแล้วจ้า...


ไม่ต้องใช้บันได! งานนี้ขึ้นไปยืนบนเก้าอี้บาร์ ก็เอื้อมขึ้นไปตีตะปูบนที่สูงได้แล้ว..


หันไปยึดโครงหน้าต่างกับขอบระเบียง ผมไม่ได้ใช้วิธีเจาะฝังพุกแล้วยึดด้วยตะปูควง แต่ตอกด้วยตะปูคอนกรีตยาว ๒ นิ้วครึ่งแทน  ผมคุย(โว)ให้พี่จ๋าฟังว่า "บอกก็ไม่มีใครเชื่อว่าผมนำเจ้าโครงหน้าต่างนี้ จากข้างล่างขึ้นมาตั้งไว้ข้างบนนี้ด้วยตัวคนเดียว!..."


เรียนไวโอลินต้องมีสมาธิ...


น้องเมเปิ้ลรอก่อนนะ....ลุงจะพยายามสร้างห้องเรียนใหม่ให้เสร็จโดยเร็ว!

Saturday, January 17, 2015

รำลึก 50 ปี มงฟอร์ต 08

วันนี้มีงานรำลึก 50 ปี มงฟอร์ต 08 จัดที่ศูนย์ประชุมนานาชาติ โรงแรมเชียงใหม่แกรนด์วิว เริ่มงานเวลา ๕ โมงเย็น...



ด้วยความขอบคุณยิ่ง...ผมได้รับจดหมายข่าวซึ่งส่งมาให้ทางไปรษณีย์ และเสื้อรุ่นซึ่งนำไปมอบให้ถึงมือที่ห้างแม็คโครเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาโดย ผศ. ดรณ์ คุณยศยิ่ง เพื่อนร่วมรุ่น MC 08 ผู้มีน้ำใจ



ผมต้องขออภัยเพื่อน ๆ มงฟอร์ตรุ่น 08 ซึ่งไปร่วมงานในวันนี้ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ พตท. สุพล ฟูมูลเจริญ ประธานรุ่น และเพื่อนนรินทร์ที่อุตส่าห์โทรศัพท์ชวนให้ไปร่วมงานให้ได้...

บ่ายวันนี้ผมสอนเด็ก ๆ ๓ คน หลังจากหยุดช่วงปีใหม่และวันเด็กไป ๓ สัปดาห์เต็ม กว่าจะสอนเสร็จก็ ๔ โมงเย็น ท้องฟ้ามืดครึ้มด้วยเมฆฝน รู้สึกเหนื่อยครับ ใจหนึ่งก็อยากไปเจอเพื่อนฝูงซึ่งบางคนไม่ได้เห็นหน้าค่าตามาเกือบ ๕๐ ปี แต่ใจนึงก็บอกผมว่าไม่พร้อมที่จะเดินทาง...

ผมยังคงรักและภูมิใจในสถาบันทุกแห่งที่ได้รับการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย วิทยาลัยเทคนิคภาคพายัพ เชียงใหม่, วิทยาลัยเทคนิคกรุงเทพฯ หรือมหาวิทยาลัยพายัพ ซึ่งความรู้สึกนี้ยังมั่นคง ไม่เปลี่ยนแปลง เพียงแต่ผมตระหนักว่าเป็นเพียงลูกไม้ลูกเล็ก ๆ ที่หลุดออกจากลำต้นแล้วไปผลิเป็นเพียงต้นไม้เล็ก ๆ ที่ไม่อาจให้ร่มเงาสำหรับคนอื่นได้ จึงพอใจที่จะอยู่แบบเก็บตัวอย่างเช่นทุกวันนี้ ด้วยความหวังว่าการใช้ชีวิตอย่างพอเพียงจะทำให้อยู่ได้โดยไม่ลำบากนัก จริง ๆ แล้วผมไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการมีชีวิตอยู่อย่างไม่เบียดเบียน และหากแม้นว่าตัวเองยังพอมีประโยชน์สำหรับผู้อื่นได้บ้าง ก็อยากจะอุทิศให้ ตราบถึงวันสิ้นลมเมื่อขอให้นำร่างส่งคณะแพทยศาสตร์ มช.โดยทันที...

เพื่อน MC 08 ที่วัดคะตึก ลำปาง
ขอบคุณสำหรับภาพที่พิมพ์ไว้ในจดหมายข่าว ผมดีใจที่ได้เห็นเพื่อนร่วมชั้นในสมัยที่ยังเป็นเด็ก เท่าที่ดูจำได้ดีก็มี ซันตาราม (1)  ทักษฺิณ ชินวัตร (2)  เกษมศักดิ์ เอมเอี่ยม (3)  นรินทร์ พงษ์โสภา (4) นอกนั้นดูไม่ออกจริง ๆ


อยากบอกว่าเพื่อนมงฟอร์ต 08 คนที่อยู่ในรูป (5) ยังคงรักและคิดถึงเสมอ แม้จะไม่ได้มาร่วมงานในวันนี้...

Tuesday, January 06, 2015

รูปภาพ ๙๙ บาน...

สีพลาสติก 4 Seasons จำนวน ๕ ถังที่ซื้อมาจาก "ห้างอิวหลี" ของคุณแอ้มไม่มีเหลืออีกแล้ว!


ครั้งสุดท้ายผมใช้ทาบริเวณหน้าห้องน้ำชั้นล่างจนหมด...


ผมกำลังจะย้ายลงไปปรับปรุงชั้นล่าง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของ "ร้านเปียโน"  รูปภาพจำนวน ๙๙ บานรออยู่ในกล่อง ๓ กล่อง...รอให้ผมนำขึ้นติดบนผนัง!! 



เพื่อน ๆ พอจะมองออกมั้ยครับว่าผมจะติดรูปภาพจำนวนมากมายอย่างนั้นได้อย่างไร? ผมเองก็ยังไม่รู้เหมือนกัน (ฮา) เมื่อวานนี้ดูคลิปเรื่องช่างภาพน้อย ผมเห็นร้านอาหารในแบกแดดมีรูปติดผนังมากมาย...

ภาพจาก Al Jazeera
ก็คงเป็นลักษณะนี้แหละ...

ภาพจาก Al Jazeera
แต่ของผมมันมีตั้ง ๙๙ บาน! ไม่รู้เหมือนกันว่าจะติดได้หมดหรือเปล่า?

Monday, January 05, 2015

ช่างภาพอายุน้อยที่สุด


เปลี่ยน พ.ศ. ใหม่เป็นปีแพะ แบะ ๆ!!  ส่อเค้าของความวุ่นวาย ภัยธรรมชาติ เศรษฐกิจตกต่ำ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ไม่ค่อยอยู่ในความตระหนักของเด็กวัยผลิงามในสยามเมืองยิ้มสักเท่าใด... 

สถิติใหม่ประจำปี ๒๕๕๖ ออกมาแล้วว่าคนไทยร้อยละ ๘๑.๑ หรือกว่า ๕๐ ล้านคน ใช้เวลาอยู่กับตัวอักษร ๓๗ นาทีต่อวัน ผมยังอดสงสัยไม่ได้ว่าที่ว่าอ่านนั้น เป็นการอ่านเพื่อศึกษา เปิดหูเปิดตาหาความรู้ให้กว้างไกล หรือว่าอ่านข้อความใน facebook เพื่อคุยกันใน social network กันแน่! 

ที่ผมพอจะเห็นได้ก็ตอนไปหาหมอฟันที่โรงพยาบาลห้างฉัตร ที่หน้าห้องทำฟันจะมีหนังสือและนิตยสาร ๒ กล่องใหญ่ไว้ให้คนไข้ได้หยิบอ่าน หนังสือดี ๆ ทั้งนั้นครับ (ส่วนใหญ่เกี่ยวกับสุขภาพ อย่างเช่น นิตยสารชีวจิต เป็นต้น) ทุกครั้งที่ผมไปหาหมอฟัน ระหว่างที่รอก็ได้อ่านหนังสือเหล่านั้น จะต้องได้อะไรดี ๆ มีประโยชน์กลับบ้านด้วยทุกครั้ง!  น่าเสียดายที่ผมไม่เห็นมีใครหยิบหนังสือออกมาอ่านเลย ไม่ว่าเด็กนักเรียน หญิงวัยซะรุ่น ตลอดจนผู้ปกครอง เวลาที่ผ่านไปเป็นชั่วโมงสิ้นไปกับการคุย เล่น facebook หรือไม่ก็นั่งเฉย ๆ!

Mark Zuckerberg - ภาพจาก dailymail.co.uk
การอ่านก่อให้เกิดปัญญา ซีอีโอเฟสบุ๊ค Mark Zuckerberg บอกว่าปีนี้ตั้งใจที่จะอ่านหนังสือให้ได้อย่างน้อย ๒ สัปดาห์ต่อเล่ม...

การอ่านทำให้ความคิดและสายตากว้างไกล ครูบาอาจารย์ต้องทำเป็นตัวอย่าง ถ้านักเรียนถามว่าประเทศลิเบียอยู่ตรงไหนของโลกใบนี้ ท่านควรจะตอบได้โดยไม่ต้องพึ่งอากู๋...

การอ่านก่อให้เกิดจินตนาการ! ปัจจุบันนี้นักเรียนและนักศึกษาไทยจำนวนไม่น้อยที่มีกล้องถ่ายภาพราคาแพง หรือไม่ก็ใช้สมาร์ทโฟนอย่างดี แต่จะมีสักกี่คนที่ถ่ายภาพออกมาได้ดี?  มีกี่คนที่สนใจอ่านตำราเกี่ยวกับการถ่ายภาพ หรือดูภาพสวย ๆ ในนิตยสาร National Geographic ด้วยพินิจพิเคราะห์ คิดที่จะถ่ายภาพแต่ละภาพให้ออกมาดูดีและมีค่า...

ผู้ใหญ่ก็เช่นกัน กับกล้องราคา ๑-๒ หมื่นบาทที่มีอยู่ ท่านได้รังสรรค์อะไรบ้าง?

วันนี้ผมขอนำคลิปน่าสนใจจากอัลญะซีเราะฮ์มาฝาก เป็นเรื่องของ "Qamar Hashem Sultan" เด็กชายชาวอีรักที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นช่างภาพอายุน้อยที่สุด...


คลิปวิดีโอเริ่มด้วยภาพเด็กน้อยเดินไปกับคุณพ่อ ผู้บรรยายบอกว่า "He's only 7 years old and he still has to hold his father's hand while walking in the street...."

ผมจับภาพในวิดีโอมาให้ดูด้วยดังนี้...


สมาคมช่างภาพอีรักถึงกับออกบัตรให้  ช่างภาพน้อยพูดจายังไม่ชัดเลย เด็กน้อยคนนี้น่าจะเป็นผู้ที่รักการอ่านหนังสือด้วยคนหนึ่ง.... 


ดูผลงานของเขาสิครับ....


ขอขอบคุณคลิปและเรื่องราวจากอัลญะซีเราะฮ์


เห็นท่าจะต้องกลับไปค้นหนังสือเกี่ยวกับการถ่ายภาพออกมาอ่านอีกครั้งซะแล้ว!