Wednesday, July 29, 2015

ซ่อมแกรนด์เปียโน...

เมื่อค่ำวันจันทร์อาจารย์อ้อยจากโรงเรียนลำปางกัลยาณีแวะมาที่ "ร้านเปียโน" (ขออนุญาตใช้ชื่อนี้ทั้ง ๆ ที่ยังไม่เสร็จ) ขอให้ "ช่างเหอะ" ช่วยไปดูแกรนด์เปียโนของโรงเรียนให้หน่อย... ผมตกลงว่าจะไปดูให้วันนี้ เวลา ๑๓.๐๐ น.


เปียโนดังกล่าวคือเจ้า Apollo ที่ผมขายให้ไปเมื่อหลายปีก่อน มันตั้งอยู่ที่หอประชุม ผมปั่นจักรยานจากห้างฉัตรไปตามเวลานัด พร้อมกับเครื่องมือ ๑ กล่องและกระเป๋าเน็ตบุ็ค.. 


แกรนด์เปียโนดูงามสง่า เสียงดี น้ำหนักคีย์ยังดีอยู่ ผมเห็นมีสายเบส (C) ถูกเปลี่ยนใหม่ ๑ เส้น ผู้ที่ดูแลเปียโนหลังนี้คือช่างใหญ่ตัวจริงจากร้านเปียโนสตูดิโอ พอดีท่านป่วยไม่สามารถมาซ่อมให้ได้...


ช่างเหอะจึงต้องมาดูให้  อาการเสียคือ...คีย์ D และ D# ค้าง!  



ผมใช้เครื่องมือไม่กี่ชิ้นเพราะไม่ได้ตั้งเสียง... 


ดึงเอา action ออกมาวางที่เบาะ...  

 
ขออภัยที่ลืมถ่ายภาพประกอบเพราะมัวแต่ซ่อมเพลิน ผมแกะตัวค้อน ๒ ตัวออกมาก่อนเพื่อให้ปลอดภัย พยายามหาสาเหตุว่าอะไรทำให้คีย์ไม่ทำงาน แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรเข้าไปติด ที่แตกหักก็ไม่มี ขอให้นายช่างของโรงเรียนนำหลอดไฟมาส่องก็ยังไม่เห็น ตาคนแก่คงใกล้จะต้องปลดเกษียณตัวเองซะแล้ว!  สู้นายช่างหนุ่มไม่ได้ แกมองดูอยู่ห่าง ๆ แล้วบอกผมว่าน้อตนั้นรู้สึกว่ามันลงไปลึกผิดกับอีกตัว เอ่อ...จริงแฮะ เป็นหญ้าปากคอกที่คนแก่มองไม่เห็น ผมคลายน้อตออกมาหน่อยนึง อาการติดก็หายไป! ใช้การได้แล้ว!!

ประกอบ action กลับเข้าที่ แล้วตั้งสาย(ตัวที่เพี้ยนจัด)ให้อีก ๓-๔ ตัว ผมได้ทราบว่าพรุ่งนี้จะมีงานแต่งงาน เมื่อเปียโนใช้งานได้แล้ว คงทำให้หลายคนมีความสุข...

อาจารย์อ้อยก็คงดีใจ ได้มอบขนมและเครื่องดื่มให้ผมเติมพลังก่อนปั่นจักรยานกลับบ้านด้วย ขอบคุณมากครับ!  จากโรงเรียนลำปางกัลยาณี ผมขี่จักรยานไปถ่ายรูปสวนสาธารณะห้าแยกหอนาฬิกา...


แล้วไปแวะเยี่ยมเยียนคุณแอ้ม (นักปั่นจักรยานตัวจริงเสียงจริง) ที่ห้างอิวหลีฯ


จากนั้นก็ไปมองหาครูหนิงที่โรงเรียนอัสสัมชัญลำปาง ได้เห็นการสอนดนตรีในระดับมัธยมศึกษา รู้สึกยินดีกับความก้าวหน้าในทุก ๆ ด้าน...


คิดว่าการปั่นจักรยานจากห้างฉัตรเข้าเมืองในวันนี้ ผมได้ทำในสิ่งที่ดีหลายอย่างครับ...

Tuesday, July 28, 2015

เมื่อฝนมา

ฝนตกทุกวัน... ความชุ่มชื้นกลับมาแล้ว!  ผมขออนุญาตรายงานความคืบหน้าของเวิร์คช็อปและห้องดนตรีเมื่อฝนมาหน่อยนะ


เริ่มจากความชุ่มฉ่ำข้างบนดาดฟ้าก่อนเลย green workshop มีชื่อแล้วจ้า ป้ายที่เพื่อน ๆ เห็นนั่น.. คุณเดชาช่วยเขียนให้ด้วยลายสือล้านนา อ่านว่า "ลุงน้ำชา"...


มีกระต่ายขาวมาอยู่ด้วย ๑ ตัว มันไม่ยอมกินอะไรเลย...


 ต้นไม้ซึ่งมีอยู่นิดหน่อยพากันขยับใบเริงร่า...



การชิลด์ด้วยฟรินท์โค้ตได้ผล ไม่มีน้ำไหลเข้าไปในห้องลุงน้ำชา...


ต้นมะกรูดโดนหนอนผีเสื้อกินใบ จะรอดมิรอดแหล่ ผมต้องยกขึ้นสูงแล้วคอยดีดเจ้าตัวเขมือบให้ไกลห่าง...



เศษไม้บัวพีวีซีหรือกันเปื้อนที่เหลือจากงานชั้นสอง ผมนำมาตัดใส่บานประตูเพื่อกันน้ำฝน...


หลังฝน...เปิดเข้าไปดูแล้วไม่พบน้ำที่พื้นแต่อย่างใด


โอเค..งั้นลงไปดูที่ชั้นลอยกันหน่อย


ทาสีบานประตูห้องดนตรีเสร็จแล้วครับ...



ช่องวงกบด้านบนที่เปลี่ยนใจไปใช้สมาร์ทบอร์ดแทนกระจก ก็โป๊วและทาสีเรียบร้อยแล้ว...



 

โหนตัวออกไปถ่ายภาพด้านนอกมาให้ดูด้วย ๑ บาน  ต้องยอมรับว่างานหยาบมั่ก ๆ  ทำคนเดียวครับ...กลัวตกด้วย!


รายงานแค่นี้ก่อนนะ อากาศชื้น...พื้นที่เฉอะแฉะ เพื่อน ๆ รักษาสุขภาพด้วย

Monday, July 27, 2015

เครื่องต้มน้ำแบบพกพา

 เมื่อเร็ว ๆ นี้ ผมไปเจอสินค้าตัวหนึ่งในเว็บประมูล...


ผู้นำสินค้ามาประมูลเขียนว่า...
Product : เครื่องกรองน้ำ Brand : Traveland ของเหมามาจากบ้านญี่ปุ่นครับผม... น่าจะเป็นเครื่องกรองน้ำของญี่ปุ่น ทดลองแล้วเปิดติด ใช้ไฟได้ทั่วโลก สำหรับเดินทาง ใครกำลังมองหา เชิญบิดครับ...

ดูภาพแล้วยังสงสัยอยู่ว่าจะเป็นเครื่องกรองน้ำจริงหรือ? ไม่เห็นมีทางน้ำเข้าออก ภาษาญี่ปุ่นก็อ่านไม่ออกเช่นเดียวกับคนขาย ถึงอย่างไรก็น่าสน...ผมก็เลยบิดสู้  จนได้มาในราคา ๑๔๐ บาท!

สินค้ามาถึง...  หุหุ ได้สัมผัสแล้ว ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นอะไรแน่?


พยายามค้นหาในอินเตอร์เน็ตอย่างเต็มที่ งานนี้อากู๋ก็ช่วยไม่ได้ ไม่มีคำตอบให้ทราบว่ามันคืออะไร? ผมต้องวิเคราะห์ด้วยตนเอง ถ้าเป็นเครื่องกรองน้ำอย่างที่คนขายบอก ก็น่าจะเป็น portable UV water purifier หรือเครื่องกรองน้ำใช้แสงยูวีแบบพกพา....

ภาพจาก todayshealthyhome.com
ทดลองทันที ผมเสียบไฟแล้วเห็นไฟแดงติด (จริงตามที่พ่อค้าบอกว่าเปิดติด) แต่ก็ไม่เห็นอะไรเกิดขึ้น ไม่ปรากฏแสงยูวงยูวีให้เห็น ไฟเขียวอีกดวงก็ไม่ติด!


อืมมม์... แสดงว่าไม่ใช่เครื่องกรองน้ำแบบใช้แสงยูวี แล้วมันคืออะไรกันแน่????  แหม...ถ้าอิคคิวซังอยู่ด้วยก็คงจะดี จะได้ขอให้ใช้หมอง ๆๆ ซะหน่อย!


วิเคราะห์จากรูปทรงที่มีขาตั้งแยกออกอย่างที่เห็น และเจ้าแท่งยาว ๆ ที่ติดอยู่นั่นมีเส้นพร้อมภาษาอังกฤษเขียนว่า water level  แสดงว่ามันต้องมีถ้วยใส่น้ำตั้งไว้ตรงกลาง....


ทีแรกผมทดลองโดยยังไม่เอาเจ้าปลอกพลาสติกออก มันเฉยแฮะ พิจารณาแล้วเห็นว่าต้องเอาออกเวลาใช้งาน มันสวมเอาไว้เพื่อป้องกันเจ้าแท่งสีขาวตอนไม่ได้ใช้งานเท่านั้น! 


ผมเติมน้ำลงในถ้วยให้ได้ระดับแล้วเสียบปลั๊ก...ไฟแดงติด!


กดสวิชอีกที...ไฟเขียวติด พร้อมกับได้ยินเสียงน้ำร้อง...


เห็นน้ำในถ้วยร้อนขึ้น ผมรู้ทันทีว่ามันคือเครื่องต้มน้ำแบบพกพาสำหรับนักเดินทาง น้ำเดือดอย่างรวดเร็วทันใจ พอปิดสวิช heater ก็หยุดทำงาน ไฟเขียวดับ!  ผมยกถ้วยน้ำร้อนออกไปซด...คิดในใจว่าถ้าพกเจ้าตัวนี้ไปท่องโลก ที่ไหนมีไฟฟ้าก็ชงชาหรือกาแฟร้อน ๆ ดื่มได้!

ผมดื่มน้ำอุ่นในถ้วย ๒-๓ อึกแล้วลงไปทาสีที่ชั้นลอย พอกลับขึ้นมาก็อยากจะทดลองเปิดใช้งานดูอีกครั้งโดยใช้น้ำถ้วยเดิม ผมเสียบไฟ อ้าว! ไฟแดงติด แต่กดสวิชแล้วไฟเขียวไม่ติด...heater ไม่ทำงาน!!!

ต้องเอาน้ำมาเติมให้สูงขึ้นจนถึงระดับที่บอก กดสวิชอีกครั้ง ไฟเขียวติด! heater ทำงาน! อ่อ...มันมีระบบป้องกันไม่ให้ heater ทำงาน กรณีที่น้ำในถ้วยต่ำกว่าระดับ!

ผมรู้คำตอบแล้วว่าเจ้า Traveland คือ "เครื่องต้มน้ำแบบพกพา" นั่นเอง!

Wednesday, July 22, 2015

หมวกใบละ ๒๐ บาท

หาซื้อหมวกสำหรับใส่เดินทางแบกเป้มานานแล้ว แต่ไม่ได้ตามที่ต้องการซักที ทำให้ผมต้องใช้หมวกแก๊ปมาตลอด...ไม่ว่าจะเป็นทริปไหน!   



เดือนสิงหาที่จะถึงนี้...ผมยังคิดไม่ตกว่าจะเลือกสวมหมวกใบไหนไปไซง่อนดี?  


เย็นวันนี้ผมออกไปหาจักษุแพทย์ในเมือง ขากลับก็เลยถือโอกาสแวะตลาดนัดวันพุธที่ห้างฉัตร...


มีแม่ค้านำหมวกมาวางขาย  ป้ายบอกว่า "๒๐ บาททุกใบ"  ในกองหมวกมากมายหลายชนิด...ผมได้เห็นหมวกอย่างที่อยากได้วางปะปนอยู่!  ถูกใจทั้งรูปทรงและสี อย่างนี้แหละที่ต้องการ!  



ขนาด 58cm สวมได้พอดี...


ผมได้หมวกใส่ไปเวียดนามและเขมรแล้วครับ....


ใบละ ๒๐ บาทเอง...

Tuesday, July 21, 2015

ทั้งเสียดายและอับอาย!

เมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ผมได้เขียนเรื่อง "วัดศรีหลวงแจ้ซ้อน เมืองปาน" ด้วยความภาคภูมิใจในวัดเก่าแก่อายุนับพันปีที่คนเมืองปานยังคงรักษาเอาไว้....



วันนั้นผมดีใจที่มีโอกาสได้ไปเห็น ได้ถ่ายภาพและนำเรื่องมาโพสต์เก็บไว้ในบล็อก exploring the world (คลิกอ่านได้ที่นี่ แต่วันนี้ผมกลับรู้สึกเสียใจ เมื่อได้อ่านข่าวจาก manager online ว่า...
สำนักศิลปากรที่ ๗ ได้บูรณะ “วัดศรีหลวงแจ้ซ้อน” วัดเก่าแก่ให้กลายเป็นวัดใหม่ใสกิ๊ก ไม่เหลือเค้าวัดเก่าวัดแก่อีกเลย โดยพระธาตุที่เคยแสดงถึงความเก่าแก่กลับกลายเป็นเหมือนพระธาตุใหม่ ทาองค์พระธาตุด้วยสีทองสดใส และฐานสีขาวใหม่ ส่วนวิหารหลวง ซึ่งเคยมีลักษณะที่บอกให้เห็นถึงความสวยงาม และความเก่าแก่ด้านวัฒนธรรมล้านนา ก็ถูกทาสีใหม่จนไม่เหลือความเก่าแก่ให้เห็น โดยเฉพาะลายไม้หน้าวิหารหลวงที่ถูกทาด้วยสีทอง และประดับด้วยกระจกจีนสีเขียว นับเป็นภาพที่ดูแปลกตาไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง...
นี่แหละคือการกระทำคนไทยผู้ไม่คำนึงถึงสมบัติของชาติที่ควรอนุรักษ์ไว้ให้คนรุ่นหลัง เราแข่งกันสร้างของใหม่ให้ใหญ่โตเข้าไว้ เหมือนกับวัดวาในลำปางที่มีซุ้มประตูอลังการ สร้างวิหารใหม่ใหญ่โตทั้ง ๆ ที่หาพระจำพรรษาแทบจะไม่มี พูดถึงตรงนี้แล้วทำให้ผมคิดถึงวันที่เคยไปคุยกับเจ้าอาวาสวัดขามแดง ท่านบอกว่าชาวบ้านอยากจะให้รื้ออุโบสถเก่าแล้วสร้างใหม่ คงจะขัดศรัทธาของญาติโยมมิได้ แล้วผมยังคิดย้อนกลับไปถึงครั้งหนึ่งซึ่งพาฝรั่งเยอรมันไปเที่ยววัดสวนดอก วันนั้นทางวัดกำลังบูรณะวิหารด้วยการใช้สีน้ำมันทาทับลงบนไม้เก่า ฝรั่งบอกผมว่าถ้าเป็นที่บ้านเค้าจะไม่ทำเช่นนั้นเป็นอันขาด...    

เมื่อทำลงไปแล้ว มันก็ยากที่จะแก้ไขให้กลับมาเหมือนเดิม ผมขอนำภาพเจดีย์วัดศรีหลวงแจ้ซ้อนที่ได้บันทึกไว้มาให้เพื่อน ๆ ดูดังนี้...


แล้วเปรียบเทียบกับภาพเจดีย์ที่ได้รับการบูรณะอย่างโง่เขลาเบาปัญญา...

ภาพจาก manager.co.th
ผมรู้สึกเสียดายและอับอายมากครับ!

Friday, July 17, 2015

นกปากห่างกลับมาแล้ว!

เมื่อคืนฝนตก! เช้านี้ผมเห็นบึงหลังบ้านถูกน้ำเติมเต็ม ความอุดมสมบูรณ์กลับคืนมาอีกครั้ง...


ดูได้จากนกปากห่างที่บินมาหาอาหารในบึงตั้งแต่เช้า...




วิกิพีเดียกล่าวว่า...
นกปากห่าง (อังกฤษ: Open-billed stork, Asian openbill; ชื่อวิทยาศาสตร์: Anastomus oscitans) จัดอยู่ในวงศ์นกกระสา (Ciconiidae) จัดเป็นนกในวงศ์ขนาดเล็ก แต่จุดเด่นที่ไม่เหมือนใครคือ ปากที่ยามหุบจะเหลือช่องตรงกลาง ทำให้มันคาบเปลือกหอยโข่งและหอยเชอรี่ที่ทั้งกลมทั้งลื่นได้อย่างช่ำชอง เมื่อจับหอยได้แล้วมันจะคาบไปหาทำเลเหมาะ ๆ เพื่อใช้จะงอยปากทำหน้าที่เหมือนแหนบจิกเนื้อหอยออกมากิน... 

คงจะกินจนเปรมเลยนะเนี่ย...