เมื่อคืนวาน...ผมได้ไปเล่นแอคคอร์เดียนงานนอกอีกงานหนึ่ง!
เพื่อน ๆ อย่าเพิ่งแปลกใจนะว่าทำไมพักนี้ผมถึงได้มีงานติดต่อกัน ๒-๓ วัน? จริง ๆ แล้วไม่มีอะไรหรอก เพียงแต่ว่าปีนี้ มีข้าราชการระดับบิ๊ก ผู้ชื่นชอบในวิถีโคบาลและดนตรีแนว country ว่าจ้างวงดนตรี "สหายเก่า" ของคุณเหลาให้ไปบรรเลงในงานเกษียณ ผมก็เลยถูกหิ้วไปด้วย (ทุกปีไม่มีอย่างนี้หรอก)
งานใหญ่เมื่อคืนนี้ จัดที่โรงแรมบุษน้ำทองซึ่งอยู่ใกล้ ๆ สี่แยกนาก่วม บนเวทีมีการประกวดโคบาล โชว์ควงปืนควงแซ่ (ยังดีนะที่ไม่ควบม้าขึ้นบนเวที อิอิ) การแสดงมีหลายชุด นักดนตรีรับจ้างอย่างผมได้แต่นั่งรอปฏิบัติหน้าที่อยู่หลังเวที มองแสงสีและวงล้อชีวิตของแต่ละคนไปเรื่อย ๆ....
นักดนตรีบางคนอาจอยากจะพักสายตามากกว่า....
คิด ๆ ดู... ผมก็น่าจะหยุดพักชีวิตเช่นนี้ได้แล้ว! เบื่ออ่ะ!
ขอคุยเรื่อง "ช่างเหอะ" ดีกว่า...
เป็นเรื่องปกติ ที่ผมจะไม่ปล่อยให้เวลาและโอกาสผ่านไปอย่างไร้ประโยชน์ เมื่อได้พบเห็นสถานที่ใหม่ การก่อสร้างใหม่ ก็จะต้องสำรวจว่ามีอะไรเป็นความรู้เชิงช่างได้บ้าง อย่างเช่น หลังเวทีคืนนี้ ผมได้เรียนรู้การกั้นผนังด้วยไม้สำเร็จรูป (แบบที่มีขายในห้างวัสดุก่อสร้างใหญ่ ๆ) การใช้ไม้ประกบโดยร้อยสกรูเพิ่มความแข็งแรง รวมถึงการใช้เหล็กเย็บยิงตาม joint ต่าง ๆ
ข้างหลังเวทีมีปลั๊กไฟอยู่บนผนังริมเสา ผมรู้สึกว่ารูปแบบของการเดินสายและวางอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างนี้ น่าจะเหมาะสมกับการปรับปรุงระบบไฟฟ้าที่บ้านห้างฉัตรของผม....
ไม่ต้องตีตะปูตอกกิ๊ปเหมือนการเดินสายไฟยุคเก่า แต่ใช้รางเก็บสายไฟพีวีซีแทน การติดตั้งเต้าเสียบแบบนี้ก็เป็นทางเลือกให้สามารถใช้อุปกรณ์คุณภาพดีได้!
นอกจากงานเดินสายไฟก็ยังมีงานสี ผมใช้มือลูบที่เสาเพื่อสัมผัสพื้นผิว เอ๊ะ..รู้สึกว่ามันลื่นมือเหมือนกับสีน้ำมันที่ผมใช้ทาผนังห้องน้ำ แต่ดูดี ๆ แล้วมันไม่ใช่ น่าจะเป็นสีน้ำอะครีลิคแบบกึ่งเงามากกว่า...
คืนนี้ผมได้เรียนรู้ทั้งงานช่างไม้และช่างสีจากหลังเวที
เลิกงานแล้ว! ผมเห็นถ้วยแบ่งถูกวางทิ้งไว้ที่หลังฉาก
(ไม่รู้ว่าใครนำไปวางไว้ที่นั่น นับเป็นความมักง่าย ไม่คิดถึงหัวอกพนักงานเก็บถ้วยเก็บชาม) ผมช่วยเก็บนำไปวางรวมไว้กับถ้วยชามบนโต๊ะ ก่อนที่จะสะพายแอคคอร์เดียนเดินจากมา
คนเราถ้าคิดถึงคนอื่นให้มาก ๆ ทุกชีวิตจะดีขึ้น สังคมก็จะน่าอยู่ยิ่งขึ้น!