นอกจากจะเตรียมจัดข้าวของเพื่อออกเดินทาง ก็ต้องเก็บงานในส่วนที่จำเป็น แล้วยังเขียนบล็อกทุกวัน...... ผมวุ่นอยู่กับงานจนหัวหมุน!!
ห้องสอนดนตรีบริเวณระเบียงชั้นลอยที่ผมเคยเล่าให้ฟังใช้เวลาเกือบ ๒ ปีเต็ม ก็ยังไม่เสร็จซักที ทุกวันนี้น้องเมเปิ้ลยังโดนยุงกัดขณะเรียนไวโอลิน...
แต่ก็ไม่เลวนะ ผมทำแบบค่อยเป็นค่อยไปจนได้รูปได้ร่างขึ้นแล้ว ยังแปลกใจอยู่เหมือนกันว่าตัวคนเดียวยกโครงหน้าต่างไม้เก่าขึ้นมาวางข้างบนนี้ได้อย่างไร? เข้าใจว่าคงเป็นเพราะขนาดพอดีกับบริเวณที่จะติดตั้งด้วย เมื่อดึงขึ้นมาวางไว้จึงไม่ตก ของหนัก ๆ อย่างนี้ทำคนเดียวลำบากไม่น้อยเลย ผมสบายใจเมื่อได้ตีตะปูยึดโครงหน้าต่างไว้แล้ว...
วันก่อนไปซื้อปูนกาวสำหรับปูกระเบื้องมา ๑ ถุง ที่เลือกใช้ปูนประเภทนี้เพราะมีงานกระเบื้องรออยู่ ขณะเดียวกันก็ต้องฉาบตกแต่งและเติมเต็มในส่วนที่เป็นรูเป็นร่องด้วย (ไม่รู้ว่าใช้งานผิดประเภทหรือเปล่า? หุหุ) ปูนถุงนี้ถุงเดียวใช้มันทุกอย่าง...เอาเข้าไป!
อัดข่องว่างระหว่างวงกบกับคาน...
โครงหน้าต่างของเดิมใช้บานปิดเปิด....
เปลี่ยนมาใช้บานเกล็ด จึงต้องดัดแปลงให้วงกบด้านนอกใช้ยึดกับชุดบานเกล็ดได้ ผมไปซื้อไม้สำเร็จจาก Global House มาลองดูก่อน ๔ เส้น ๆ ละ ๑๙ บาท...
เลือกที่ยาวพอกับความสูงของช่องหน้าต่าง แม้จะหน้าแคบไปหน่อยก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวแต่งได้...
นำมาตัดแล้วทากาวลาเท็กซ์...
ตีให้เสมอกับด้านด้าน ด้านหลังจะห่างก็ช่างมัน...
ตีประกบทั้งสองข้างแล้วปล่อยไว้อย่างนั้นก่อน เดี๋ยวค่อยโป้วและขัดกระดาษทราย ไม่ต้องทำดีนัก เพราะจะได้ดูเข้ากับของเก่า...
ทิ้งงานใส่บานเกล็ดไว้ก่อน....
เมื่อวานนี้ ผมหันไปเทปูนในส่วนที่เป็นช่องว่างระหว่างโครงหลังคาและที่ติดกับฝาผนัง หาเศษไม้อัดมาตีแปะเต็มด้านนอก ส่วนด้านในค่อย ๆ ตีไปทีละขั้น เพื่อจะได้เทคอนกรีตลงไป.....
ใช้ปูนที่มีอยู่นั่นแหละ ถ้าผสมแค่ปูนแล้วเทลงไปเลยก็ง่ายหน่อย...แต่ผมดันไปเอาหินขึ้นมาผสมด้วย!
มีหินด้วยทำให้เทปูนลงรูขนาดไม่ใหญ่ลำบากมั่ก ๆ ผมหากะละมังเก่ามาใส่คอนกรีต ค่อย ๆ นำขึ้นไปยืนบนเก้าอี้สูง แล้วใช้ทัพพีเก่าค่อย ๆ ตักใส่ทีละนิด ๆ
เต็มแล้วก็ตีไม้ประกบอีก เทปูนอีก ดูเหมือนง่ายแต่ไม่ง่าย! ผมต้องโหนขึ้นลงขึ้นลงหลายครั้งกว่าจะเทปูนได้เต็ม
ต่อจากนั้นก็ไปทำด้านที่ติดกับผนังซึ่งยากขึ้นอีก กว่าจะเสร็จก็เล่นซะมืด ผมต้องทิ้งเอาไว้ก่อน...
ปูนแห้งดีแล้วค่อยแกะไม้ออก ใช้ปูนที่มีอยู่แต่งให้เรียบร้อย...
คงต้องเป็นหลังสงกรานต์แล้วล่ะ!!
No comments:
Post a Comment