Tuesday, July 30, 2013

สัมภารก…

ม่ชอบเรียกกองเอกสารของผมว่า “สัมภารก”...

ความจริงเรื่องที่จะเขียนนั้นมีมากมาย แค่ดึงลิ้นชักโต๊ะทำงานออกมาแล้วเอื้อมมือลงไปดึงเศษกระดาษขึ้นมาหนึ่งแผ่น ผมก็มีเรื่องที่จะเขียนถึงแล้ว วันนี้ผมจำเป็นต้องค้นหาใบเสร็จรับเงินค่ามัดจำการใช้ไฟฟ้าซึ่งได้รับไว้เมื่อ ๑๐ กว่าปีก่อน ตอนรื้อกองสัมภารกออกมา…ได้เจอกับเอกสารหลายชิ้นที่ไม่คาดคิดว่าจะยังคงมีอยู่ อย่างเช่น บัตรประจำตัวนักศึกษาแผนกอีเลคโทรนิคส์ใบนี้ (หุหุ ยังอยู่อีกหรือเนี่ย?)

chai-bti

โห มีเยอะแยะเลย!  จดหมายที่เขียนถึงแม่ก็มีหลายฉบับ ลองหยิบออกมาดูซักใบซิ…

เป็น aerogram ที่ผมเขียนถึงแม่เมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๐ มัยนั้นยังไม่มีอีเมลใช้ กล้องถ่ายรูปดิจิตอลก็ยังไม่มี  อยู่เมืองนอกก็ได้แต่เขียนลงใน aerogram แล้วส่งลงตู้รับจดหมายด้วยความหวังว่าประมาณสัก ๑ สัปดาห์ก็คงจะถึงมือผู้รับ  แต่ aerogram ฉบับนี้เร็วมาก ถูกประทับตราที่ Perth วันที่ ๒ กุมภาพันธ์ เวลา ๔ ทุ่ม วันที่ ๖ ก็ถึงเชียงใหม่แล้ว!

ผมเขียนบอกแม่ว่า….

ผมได้ย้ายที่อยู่ใหม่แล้ว ตอนนี้เช่าแฟลตอยู่กับเพื่อนชาวออสเตรเลียชื่อ “รูดี้” ผมต้องจ่ายอาทิตย์ละ 40 เหรียญ ซึ่งเท่า ๆ กับที่จ่ายหอพักที่ย้ายออกมา ที่นี่ดีกว่ามาก มีสองห้องนอน มีห้องรับแขก และห้องน้ำเป็นสัดส่วน ครัวก็มีให้ พร้อมตู้เย็นและเตาอย่างดี รูดี้เช่าโทรทัศน์ไว้ด้วย ทำให้หายเหงาได้มาก  เขากำลังติดต่อขอโทรศัพท์ ภายใน ๒-๓ วันก็ได้แล้ว หากมีโทรศัพท์การติดต่อสื่อสารก็จะดีขึ้น ในไม่ช้าผมคงได้งานเล่นดนตรี ซึ่งมีรายได้ถึงชั่วโมงละ 20 เหรียญ…

ได้นำจดหมายกลับมาอ่านอีกครั้ง  ภาพชีวิตช่วงที่ไปออสเตรเลียครั้งแรกก็ปรากฏชัดในความทรงจำ เสียดายที่เดินทางครั้งนั้นไม่มีกล้องถ่ายรูปไปด้วย จึงหารูปมาลงให้ไม่ได้  เมื่อ ๒๐ กว่าปีก่อน…คนหนุ่มสาวยุคนั้นสามารถไปแสวงหาโอกาสใหม่ในออสเตรเลียได้ไม่ยากเลย แค่มีเงินสักก้อนลงทะเบียนไปเรียนภาษาอังกฤษ แล้วหางานทำไปด้วย ก็อยู่ได้แล้ว คนไทยสู้งานหลายคนมีโอกาสตั้งเนื้อตั้งตัวได้ที่นั่น!

ผมเขียนบอกแม่ว่า…

ย้ายเข้าบ้านใหม่ ทุกอย่างสะดวกขึ้น อากาศก็ดีกว่าที่หอพัก ทำให้บางทีนึกอยากพาแม่ไปอยู่ด้วย แต่คิดแล้วก็คงสู้เชียงใหม่ไม่ได้  (ชีวิตที่ออสเตรเลีย ถ้ามีงานทำเป็นหลักจะดีกว่าที่ประเทศไทย เพราะระบบการปกครองของเขาดีพอสมควร ที่ดินราคาถูกอย่างไม่น่าเชื่อในชนบท  และตำรวจทำงานดีมาก ไม่มีการกินเงิน หรือแบ่งชนชั้นแบบเมืองไทย)….

ตอนท้ายผมเขียนว่า…

เกือบ ๓ เดือนแล้ว ที่ผมออกจากบ้านไป  ผมยังจำวันที่ ๙ พ.ย. ได้ดี วันนั้นฝนตกปรอย ๆ เมื่อผมขี่จักรยานไปสถานีรถไฟ แม่อวยพรให้ผมเมื่อผมก้มกราบลาแม่…..

อ่านแล้วคิดถึงแม่จังเลย!

No comments: