ก่อนที่จะเล่าต่อ...ผมขอชมว่าบุรุษไปรษณีย์ที่ห้างฉัตรคนนี้ ดีกว่าคนที่ส่งจดหมายให้ผมที่บ้านปงแสนทองอย่างเห็นได้ชัด พูดจาดีมีน้ำใจ ผมเขียนโน้ตบอกไว้ว่าบ้านนี้มีคนอยู่ สามารถเรียกได้ทุกเวลาด้วยการโทรศัพท์ (ตามเบอร์ที่บอกไว้) หรือเขย่าประตูแรง ๆ ตอนอยู่บ้านปงแสนทอง ถ้ามีพัสดุมาส่ง ๑๐ ครั้ง...ผมจะต้องไปรับเองประมาณ ๗-๘ ครั้ง ทั้ง ๆ มีคนอยู่บ้านตลอด (เพียงแต่ประตูปิดไว้) คนส่งจดหมายใจไม่เย็นพอที่จะเรียกให้เปิดประตูรับพัสดุ จึงสรุปง่าย ๆ ว่า "บ้านปิด" แทบทุกครั้ง!! แต่ที่ห้างฉัตรเค้าโทรเรียกให้ลงไปรับเลย!! นับว่าบุรุษไปรษณีย์ผู้มีน้ำใจคนนี้ได้ช่วยแก้ภาพพจน์ของ "ไปรษณีย์ไทย" ในสายตาของผมให้ดีขึ้นได้ไม่น้อย...
อย่างไรก็ตาม ผมยังมีความฝังใจอยู่ว่า "การส่งของทางไปรษณีย์มีความเสี่ยงสูงที่จะชำรุดเสียหาย" มีคนเคยบอกผมว่าเค้าจะโยนกล่องพัสดุโดยไม่คำนึงว่าของที่อยู่ภายในจะแตกหรือหัก เท่าที่ผ่านมาผมก็เจออยู่หลายครั้งที่พัสดุที่ได้รับอยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์ บางครั้งเสียหายจนใช้การไม่ได้ ไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้จากใคร ดังนี้นผมจึงไม่นิยมส่งของทางไปรษณีย์ แต่จะคิดถึงขนส่งเอกชนก่อน ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ถึงได้ใช้บริการไปรษณีย์...
วันนี้ตอนรับเจ้ากล่องกระดาษสี่เหลี่ยมยาว ๆ มาจากมือของบุรุษไปรษณีย์ ผมได้ยินเสียงวัสดุชิ้นเล็ก ๆ เคลื่อนไหวไปมา เห็นได้ว่ากล่องด้านหนึ่งมีรอยถูกทับจนผิดรูป!! ผมเชื่อขนมกินได้เลยว่าของที่บรรจุอยู่ข้างในต้องพังแน่ ๆ!!
รู้ว่าของที่อยู่ข้างในคือ "ไวโอลิน" เพราะเพื่อนสมาชิกผู้อาวุโสท่านหนึ่งได้แจ้งบอกก่อนหน้าแล้วว่าจะส่งไวโอลินมาให้ช่วยตั้ง sound post... ผมเปิดกล่องพัสดุแล้วนำของที่อยู่ข้างในออกมาวางกับพื้น โห...เละไม่มีชิ้นดีครับ!!!!
ไม่คาดคิดเลยว่าไวโอลินจะถูกส่งมาทางไปรษณีย์โดยบรรจุในกล่องกระดาษบอบบาง ปราศจากวัสดุกันกระแทกเช่นนี้! ค่าส่ง ๒๐ บาท ไปรษณีย์เค้าคงไม่สนใจว่ามันจะพังหรือไม่พัง ขนาดส่ง EMS ค่าส่งเป็นร้อย บางครั้งพัสดุภัณฑ์ก็ยังเสียหาย... ผมรู้สึกเสียใจจริง ๆ!
ถ้าเพื่อน ๆ จะส่งไวโอลินหรือเครื่องสายอื่น ๆ ผมขอแนะนำให้ใช้บริการขนส่งเอกชนจะดีกว่า ส่งไวโอลินจากกรุงเทพ วันรุ่งขึ้นก็ถึงมือผู้รับแล้ว ค่าส่งก็ไม่เกิน ๕๐ บาท ความปลอดภัยจะมีมากกว่าส่งทางไปรษณีย์ด้วย...
ผมรู้สึกเสียดายไวโอลินคันนี้จัง พังขนาดนี้คุณไพสิทธิ์ก็คงไม่รับซ่อม...
No comments:
Post a Comment