วันนี้ผมได้รับข่าวแจ้งให้ทราบว่า...วันที่ ๒ พฤศจิกายนนี้ สายการบินน้องใหม่ Thai Lion Air จะเริ่มเปิดตัว!
เป็นสายการบิน low cost ซึ่งมีบริการน้ำหนักกระเป๋า 15 ก.ก. รวมอยู่ในราคาตั๋ว บินด้วยเครื่อง Boeing 737 900ER
เห็นว่าเที่ยวบินแรกจะทะยานสู่ท้องฟ้าในวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ นี้
ช่วงแรกเปิด ๓ เส้นทาง คือ กรุงเทพ (ดอนเมือง) - เชียงใหม่, กรุงเทพ (ดอนเมือง) - กัวลาลัมเปอร์ และ กรุงเทพ (ดอนเมือง) - จาการ์ต้า เพื่อน ๆ ที่สนใจอยากทราบว่ามีโปรโมชั่นอย่างไรในช่วงเปิดตัว สามารถติดตามดูได้ในเว็บของ Thai Lion Air ครับ...
แล้วอย่าลืมมาบอกกันบ้างนะ...
Tuesday, October 29, 2013
Monday, October 28, 2013
สารภาพบาป
วันก่อนผมเล่าถึง "เจ้าตาเดียว" หนูตัวที่ ๒ ที่ดักจับไว้ได้....
ช่วงบ่าย ๆ ผมก็นำมันไปปล่อยไว้ตรงบริเวณที่ว่างข้างวัด จุดเดียวกันกับที่เคยนำเจ้าตัวแรกไปปล่อย...
ตั้งท่าเตรียมเปิดให้ "เจ้าตาเดียว" ออกไปสู่อิสรภาพ....
พอเปิดฝากับดัก มันก็วิ่งปู๊ดหายวับเข้าไปในพงไม้! ไปดีเถอะนะ...เจ้าตาเดียว!
รู้สึกสบายใจที่ไม่ได้ทำร้ายหนู สัตว์ซึ่งผมทั้งเกลียดและกลัว ผมเพียงแค่ย้ายให้มันไปอยู่นิวาสสถานแห่งใหม่เท่านั้น...
ตอนค่ำ ระหว่างที่นั่งทำงานอยู่หน้าคอมพ์ฯ ผมได้ยินเสียงแกร๊ก ๆ อยู่ในถังขยะ รู้สึกแปลกใจ...ต้องลุกจากเก้าอี้ไปดู โห...ผมเห็นลูกหนูตัวน้อย ๕ ตัวอยู่ที่ก้นถัง บางตัวพยายามกระโดดเหย็ง ๆ ขึ้นมา แต่ไม่พ้นปากถัง!!
เสียใจที่พรากแม่ของมันไปซะแล้ว ผมรู้สึกเป็นบาป เช้าวันนี้จึงรีบนำมันไปปล่อยตรงที่ ๆ นำแม่ของมันไปปล่อย ผมเห็นเจ้าตัวเล็กทั้ง ๕ ตัววิ่งจากถังขยะออกไปตัวละทิศละทาง ไม่คิดว่าลูกหนูจะหาแม่ของมันเจอ ผมได้แต่ส่งใจให้มันอยู่รอดปลอดภัย....
วันนี้จึงต้องมาสารภาพบาปกับเพื่อน ๆ
Sunday, October 27, 2013
ตาเจ็บ...
เมื่อวันที่ ๑๖ สิงหาคม ผมได้เขียนถึงเรื่อง "วิธีกำจัดหนู" เล่าว่าดักหนูตัวแรกได้แล้ว นำไปปล่อยที่ที่ดินว่างข้างวัด....
ตัวนี้คือเจ้าหนูตัวที่ผมนำไปปล่อย...
ไม่นานมานี้ก็มีหนูอีกตัวหนึ่งย้ายสัมมะโนครัวเข้ามาอยู่ด้วย มันยึดใต้เตาแก๊สเป็นที่อยู่โดยไม่ได้ขออนุญาตเจ้าบ้าน ตอนกลางวันซุ่มเงียบ พอตกกลางคืนก็ค่อยออกมาหากิน ผมเคยบอกเสียงดัง ๆ (ไม่รู้ว่าจะได้ยินหรือเปล่า) ว่า...รอก่อนเหอะ เดี๋ยวจะพาไปอยู่กับหนูรุ่นพี่ที่ "ข้างวัดวิลล่า"!
เมื่อคืนนี้ผมวางกับดักโดยใช้ขนมปังโฮลวีทเป็นเหยื่อล่อ วางกับดักไว้ใกล้เตาแก๊สแล้วปิดไฟ...ผมนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพ์ฯ ได้ไม่ถึง ๑๐ นาที ก็ได้ยินเสียงลั่นดัง "แป๊ก" ผมคิดในใจว่า "จับตัวได้แล้ว... พรุ่งนี้จะพาเอ็งไปอยู่ที่ใหม่...." ผมไม่ได้ลุกขึ้นเปิดไฟดู เพราะได้ยินเสียงหนูวิ่งพล่านอยู่ในกับดัก!
เช้านี้ผมเห็นเจ้า Mickey อยู่ในกรงขังตามคาด แม้จะเกลียดและกลัวหนู ผมก็อยากจะถ่ายภาพมันไว้...
รู้สึกว่าตัวนี้จะมีใบหูใหญ่กว่าตัวแรกนิดนึง แล้วก็อ้วนกว่าด้วย...
อ้าว!! ทำไมตาข้างซ้ายไม่ดูสวยเหมือนข้างขวาล่ะ?
close-up หน่อย...
โถ น่าสงสารจัง หนูตัวนี้คงจะเห็นตาเดียว...
Thursday, October 24, 2013
Schwinn Coffee1
ข้างนอกยังคงมีฝนตกอยู่ ผมนำวารสาร "จักรยาน" ฉบับปฐมฤกษ์ เดือนตุลาคม ๒๕๒๓ ออกมาเปิดอ่าน...
หน้า ๓๗ "ย่อยข่าวชาวจักรยาน" มีเรื่อง "หาขโมยไม่ได้ในมะริกา" เล่าว่า...
บี.วี. นารายณม์ ออกเดินทางจากประเทศอินเดียตอนใต้กว่า ๔๘,๐๐๐ กิโลเมตรด้วยจักรยานคู่ชีพ รอนแรมไปจนถึงเมืองชิคาโก ในสหรัฐอเมริกา ซึ่ง ณ ที่นั้นปรากฏว่าจักรยานคู่ชีพของเขาถูกมือดีขโมยไปซะฉิบ
มร. นารายณม์โวยวายเป็นการใหญ่ เขาแจ้งแก่ผู้คนทั่วไปและนักหนังสือพิมพ์ว่า ก่อนออกเดินทางมาจากบ้านเกิดเมืองนอนของเขา ใครค่อใครไม่ว่าจะเป็นพี่ป้าน้าอา เพื่อนฝูง ตลอดจนคนที่รู้จักมักคุ้นและนับถือ ทุกคนบอกกับเขาว่า ประเทศสหรัฐอเมริการ่ำรวยล้นฟ้า ผู้ที่ทำงานต่างก็มีรายได้มหาศาลนักหนา แล้วจะไปหาไอ้พวกขโมยได้ที่ไหน ทั้งนี้ก็เพราะประชาชีต่างก็ต้องอยู่ดีกินดีกันหมด ไม่ยากจนอดอยากยากแค้นอย่างในประเทศอินเดีย จึงจะต้องมีพวกลักเล็กขโมยน้อยเป็นธรรมเนียม
ข่าวนี้สร้างความอับอายขายหน้าแก่ชาวมะริกันเป็นล้นพ้น โดยเหตุนี้ บริษัทชวินน์ ไบซิเคิ้ล คัมปะนี ก็เลยจัดแจงมอบจักรยานยี่ห้อ "ชวินน์ ๑๐ สปิด" ใหม่เอี่ยมให้แก่ บี.วี. นารายณม์ ขี่ท่องเที่ยวตามประสาของเขาต่อไป ใครต่อใครต่างก็ภาวนาว่า ขอให้ มร. นารายณม์ อย่าลืมล็อครถจักรยานของเขาในขณะจอดตามถนนรนแคมในประเทศสหรัฐฯ อีกเลย....
อ่านแล้วผมเกิดความสนใจในรถจักรยานชวินน์ ขึ้นมาทันที จากการค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต..ผมไปเจอจักรยานชวินน์สวยน่ารักเข้าคันนึง เป็นจักรยานชวินน์คลาสสิก "Coffee1" ต้องขออนุญาตนำภาพมาให้เพื่อน ๆ ได้ดู...
ที่มา - bikeradar.com |
ที่มา - bikeradar.com |
Wednesday, October 23, 2013
get rid of
Get rid of มีความหมายว่า ขจัดหรือกำจัดออกไป ในหนังฆาตกรรม...ผมเคยได้ยินคำสั่งที่ว่า "Get rid of him!"
วันนี้ต้องรับหน้าที่ถ่ายภาพ "วงดนตรี60+" โดยไม่มีเวลาย้ายของที่อยู่หลังเปียโนออกไป ผมบอกตัวเองว่า "ไม่เป็นไร ถ่ายไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวค่อยใช้ PhotoShop ลบออก"
วันนี้ต้องรับหน้าที่ถ่ายภาพ "วงดนตรี60+" โดยไม่มีเวลาย้ายของที่อยู่หลังเปียโนออกไป ผมบอกตัวเองว่า "ไม่เป็นไร ถ่ายไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวค่อยใช้ PhotoShop ลบออก"
ถ่ายออกมาแล้ว เห็นแผงไฟอยู่ข้างหลังนักร้อง ส่วนมือเปียโนก็มีอะไรแหลม ๆ งอกออกมาจากหัว!! ผมต้องใช้โปรแกรม PhotoShop ช่วยขจัด background ที่รกตาออกไป ต้องยอมรับว่าแก่แล้วมือไม้สั่น ทำให้ขาดความเนียน!
เมื่อถูกขอให้ช่วยลบภาพ "พี่ปุ๊" ออกด้วย ผมก็ต้องพึ่งพา PhotoShop อีกครั้ง ชะแว๊บ...หายไปแล้วครับ!
ขอบคุณ PhotoShop!
Labels:
60+,
get rid of,
PhotoShop,
ความหมาย,
โปรแกรมแต่งภาพ
Monday, October 21, 2013
ทีลอซู
ผมตั้งใจไว้ว่าก่อนตายต้องขอกลับไปเห็นน้ำตกโตนงาช้างที่จังหวัดสงขลาอีกครั้ง..!
นอกจากนั้นก็ยังมี "น้ำตกทีลอซู" อีกแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ในรายชื่อที่ ๆ อยากไป!
ในเว็บ teelorsugarden.com ของลุงเสน่ห์บรรยายไว้ว่า...
เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ผมเคยนำจักรยานพับ (เจ้า Coyote) ใส่กระเป๋าขึ้นรถเมล์เขียวไปเชียงแสน ตั้งโดยตั้งใจว่าจะนำไปขี่ในเมืองสิง ประเทศลาว แต่กล้องถ่ายรูปเกิดเสียซะก่อน ทำให้ต้องเลิกล้มการเดินทางไปอย่างน่าเสียดาย อย่างไรก็ตาม...เพียง ๓ คืนที่อยู่ในเชียงแสน ผมก็สามารถนำเรื่องมาเล่าให้เพื่อน ๆ อ่านได้เป็นเดือน ๆ พร้อมกับภาพประกอบอีกนับร้อย (ลองเข้าไปพิมพ์คำว่า "FB Trip เชียงแสน" ใน google แล้วจะเห็น)
ขณะนี้ภาพของ "ทีลอซู" น้ำตกในความฝันได้ปรากฏชัดในจินตนาการ ทำให้ผมคิดอยากเขียนเรื่อง FB Trip อีกสักบท คือ "FB Trip - แม่สอดแล้วดอดไปทีลอซู" เอาอย่างนี้ดีมั้ยเอ่ย?
ภาพน้ำตกโตนงาช้าง - ที่มา wikalenda.com |
ภาพน้ำตกทีลอซู - ที่มา teelorsugarden.com |
คำว่า "ทีลอซู" เป็นภาษากระเหรี่ยงแปลว่าน้ำตกดำตั้งอยู่ในเขตอนุรักษ์พันธ์สัตว์ป่า อุ้มผางห่างจากที่ทำการเขต ฯ 3 กิโลเมตร ตั้งอยู่บนความสูงจากระดับน้ำทะเล 900 เมตรเกิดจากลำห้วยกล้อทอ ลำน้ำทั้งสายตกสู่หน้าผาสูงชัน มีน้ำไหลตลอดปี ความกว้างของตัวน้ำตกประมาณ 500 เมตร ไหลลดหลั่นเป็นชั้น ๆ มีความสูงประมาณ 300 เมตรล้อมรอบด้วยป่าดงดิบที่สมบูรณ์ ทีลอซูเป็นน้ำตกทีมีความงามมากติดอันดับ 1 ใน 6 ของโลก เป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย และได้รับคำกล่าวขานถึงความงามที่สุดของเอเชียอาคเนย์ด้วย ทีลอซูมีความงามเป็นพิเศษ ในช่วงฤดูฝนระหว่าง 1 มิ.ย. – 31 พ.ย. ปริมาณน้ำฝนที่มีมากจะเพิ่มปริมาณน้ำในลำธารทำให้สายน้ำตกกว้างใหญ่กว่าฤดูอื่นกำลังคิดว่าเพื่อคลายเกลียวความเครียดลงบ้าง ผมน่าจะหลบไปเที่ยวที่ไหนสักแห่ง...
เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ผมเคยนำจักรยานพับ (เจ้า Coyote) ใส่กระเป๋าขึ้นรถเมล์เขียวไปเชียงแสน ตั้งโดยตั้งใจว่าจะนำไปขี่ในเมืองสิง ประเทศลาว แต่กล้องถ่ายรูปเกิดเสียซะก่อน ทำให้ต้องเลิกล้มการเดินทางไปอย่างน่าเสียดาย อย่างไรก็ตาม...เพียง ๓ คืนที่อยู่ในเชียงแสน ผมก็สามารถนำเรื่องมาเล่าให้เพื่อน ๆ อ่านได้เป็นเดือน ๆ พร้อมกับภาพประกอบอีกนับร้อย (ลองเข้าไปพิมพ์คำว่า "FB Trip เชียงแสน" ใน google แล้วจะเห็น)
ขณะนี้ภาพของ "ทีลอซู" น้ำตกในความฝันได้ปรากฏชัดในจินตนาการ ทำให้ผมคิดอยากเขียนเรื่อง FB Trip อีกสักบท คือ "FB Trip - แม่สอดแล้วดอดไปทีลอซู" เอาอย่างนี้ดีมั้ยเอ่ย?
อยากเห็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยจริง ๆ นะ มีใครอยากไปกับผมบ้าง??
- นั่งรถเมล์เขียวจากลำปางไปแม่สอด พร้อมจักรยานพับ
- พักที่เกสต์เฮ้าส์ ๒ คืน ปั่นเที่ยวในบริเวณตัวเมืองแม่สอดเหมือนกับที่เคยปั่นที่เชียงแสน
- ฝากจักรยานไว้ที่เกสต์เฮ้าส์แล้วนั่งรถสองแถวไปอำเภออุ้มผาง กะให้ถึงตอนเย็น ๆ
- พักรอที่่อุ้มผาง ๑ คืน เพื่อสมทบกับทัวร์ไปยังน้ำตกทีลอซู
Sunday, October 20, 2013
แนะนำเว็บ torrents อีกเว็บ
ช่วงก่อนออกพรรษามีฝนตกแทบทุกวัน อากาศชื้น...พื้นดินแฉะ! ช่างเหอะได้แต่เฝ้ามองผ่านหน้าต่างไปยังหนองน้ำหลังบ้าน
ถ่ายภาพไว้ ๑ บาน แล้วนำมาทำเป็นภาพสีน้ำ....
ควาย ๓ ตัวที่เคยเห็นเดินอยู่แถวนั้นหายหน้าไปหมดแล้ว น่าสงสารเหลือเกิน คิดว่าอาจจะถูกขายนำไปขึ้นเขียงแล้วก็เป็นได้!
เห็นหนองน้ำ (ภาษาอังกฤษเรียกว่า swamp) ที่อยู่หลังบ้าน ทำให้ผมคิดถึงภาพยนต์เรื่อง Psycho (1960) ฆาตกร Norman Bates เข็นรถของ Marion Crane พาร่างไร้วิญญาณของเธอพร้อมกับเงินที่ยักยอกมาจากบริษัทจำนวน ๔,๐๐๐ เหรียญลงสู่ก้นบึ้ง ผมคิดว่า swamp นี้ลึกไม่พอ อิอิ...
Psycho (1960) |
ทำอะไรไม่ได้ ผมก็ดาวน์โหลดภาพยนต์เรื่อง Psycho มานั่งดู...
Psycho II (1983) |
Psycho III (1986) |
Psycho ทั้ง ๓ ตอนผมดาวน์โหลดจากเว็บ YIFY มาดูได้หมด! ไฟล์มีขนาดเล็กแต่คุณภาพดี ชัดเจนทั้งภาพและเสียง ใช้เวลาโหลดไม่นาน!
แดดเริ่มออกแล้ว ผมดูหนังจนลืมไปว่ายังมีงานรออีกมากมาย!!
แดดเริ่มออกแล้ว ผมดูหนังจนลืมไปว่ายังมีงานรออีกมากมาย!!
Saturday, October 19, 2013
รับสมัครนักเรียนเครื่องสายรุ่น ๒
หลังจากที่ลุงน้ำชาย้ายบ้านมาอยู่ที่ห้างฉัตร แม้ว่าหลายสิ่งหลายอย่างจะยังไม่เข้าที่เข้าทาง แต่สถานที่ก็พอจะใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ของเยาวชนได้แล้ว จึงอยากเริ่มสอนเด็กตัวน้อย ๆ ให้เล่นเครื่องสายกันต่อไป...
เด็กนักเรียนชั้นอนุบาล ๓ ที่ผู้ปกครองเห็นว่ามีใจรักด้านดนตรี อยากจะให้ได้เล่นเครื่องสาย เช่น ไวโอลิน วิโอล่า หรือเชลโล สามารถมาลงชื่อสมัครเรียนไว้ล่วงหน้าได้แล้ว....
กฎกติกามีดังนี้ :-
เด็กนักเรียนชั้นอนุบาล ๓ ที่ผู้ปกครองเห็นว่ามีใจรักด้านดนตรี อยากจะให้ได้เล่นเครื่องสาย เช่น ไวโอลิน วิโอล่า หรือเชลโล สามารถมาลงชื่อสมัครเรียนไว้ล่วงหน้าได้แล้ว....
กฎกติกามีดังนี้ :-
- ระดับอนุบาลไม่ต้องเสียค่าเรียน
- พอขึ้นชั้นประถม หากตั้งใจจริงและยังสนใจ สามารถเรียนฟรีต่อไปได้เรื่อย ๆ
- ผู้ปกครองต้องจัดหาเครื่องดนตรีตามขนาดที่เหมาะสมให้เด็กได้ใช้เรียนและฝึกซ้อม
- ผู้ปกครองต้องส่งนักเรียนไปเรียนที่บ้านห้างฉัตรอย่างสม่ำเสมอ (ไม่เรียน ๆ หยุด ๆ)
- หากมีปัญหานักเรียนไม่อยากเรียน ไม่อยากฝึกซ้อม แล้วต้องเลิกเรียนไปในที่สุด ผู้สอนไม่ขอรับผิดชอบในเรื่องเครื่องดนตรีที่ซื้อมาใช้
- นักเรียนต้องยืนเรียน ผู้ปกครองต้องไม่ซื้อเก้าอี้ให้นั่ง
- นักเรียนต้องซ้อมแบบฝึกหัดที่มีให้อย่างสม่ำเสมอ
- ผู้ปกครองต้องดาวน์โหลดตำราเรียนไปพิมพ์เอง
- ประกาศรับตั้งแต่บัดนี้จนถึงสิ้นปี ๒๕๕๖
- เริ่มเรียนเดือนมกราคม ๒๕๕๗
- หากมีนักเรียน ๔ คนขึ้นไป จะสอนพร้อมกันเป็นกลุ่ม โดยใช้เวลา ๒ ชั่วโมง (๑๓.๐๐ น. - ๑๕.๐๐ น. มีพักครึ่ง)
- ถ้าจำนวนนักเรียนน้อยกว่า ๔ คน เบื้องต้นจะสอนแบบตัวต่อตัวครั้งละครึ่งชั่วโมง พอขึ้นซูซูกิเล่ม ๒ จะขยายเวลาเป็น ๑ ชั่วโมง
กระจองงอง ๆ เจ้าข้าเอ๊ย....
Friday, October 18, 2013
ผู้เชื่อในความสุข
ผมมีหนังสือวีรธรรมฉบับที่ ๕๔๙ วันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๑๐ หน้าปกเป็นรูปของ วอลท์ ดิสนี่ย์...
ในหน้า ๒๓ มีบทความเรื่อง "อังเดร โมรัวส์ ผู้เชื่อในความสุข"
ส่วนหนึ่งมีใจความว่า...
โมรัวส์ ปราชญ์หนังสือ
โมรัวส์มีอาชีพในทางหนังสือ ชีวิตของเขาแน่นอน เต็มไปด้วยความรู้มากมาย ประการแรกเขาเป็นนักประพันธ์นวนิยาย เขียนเรื่องชนิดที่ไม่ใช่ชีวิตของบุคคลจริง ๆ แต่เป็นเรื่องระลึกถึงบุคคลเท่านั้น เช่นเรื่อง "Bernard Quesnay" "Climats" ฯลฯ
คนผู้นี้ปราศจากความดิ้นรน แต่มีความสงบ เต็มไปด้วยความรู้ก็ค่อย ๆ กลายเป็นนักเขียนเรื่องชีวิตที่น่าอ่านที่สุด เขียนเรื่องชีวิตที่แปลกประหลาด ที่ยุ่งเหยิงที่สุด นับตั้งแต่มาร์แชล ปรูสต์ ไปถึงสเตนคาล โดยผ่านไปทางไบรอน แชลลีย์ โชแปง
นอกจากเป็นนักนวนิยาย นักชีวประวัติแล้ว โมรัวส์ยังเป็นนักเขียนประวัติศาสตร์อีก เมื่อ ค.ศ.1943 เขาจำหน่ายหนังสือ "ประวัติศาสตร์อังกฤษ" ต่อมา "ประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส" เมื่อเร็ว ๆ นี้เขาเขียน "ประวัติศาสตร์ขนานสหรัฐอเมริกาและรัสเซีย" เขาเขียนร่วมกับ อารากอง
โมรัวส์เต็มไปด้วยจิตใจ
สิ่งสำคัญของโมรัวส์ก็คือความสุข เขาเองเคยพูดว่า เขามี "สัญชาติญาณแห่งความสุข" มนุษย์เกิดมาเพื่อหาความสุข ตลอดชีวิตของเขา เขาพยายามให้คนเข้าใจน้ำหนักของความเรียบร้อย ไม่ใช่ความเรียบร้อยที่น่าเบื่อ แต่ที่มีสติปัญญา สงบ อยู่ในหลังคาที่ไม่โคลงเคลง ยืนอยู่บนขาที่มั่นคง พื้นรองเท้าหนักแน่น และเบาจิต เมื่อเบาจิตแล้วก็รอดพ้นจากความเห็นฝ่ายข้างร้าย ซึ่งมีอยู่เป็นประจำตามสมัย กล่าวได้ว่า โมรัวส์มีความเชื่อในความสุข
เพื่อน ๆ เชื่อในความสุขหรือเปล่าครับ?
Thursday, October 17, 2013
ศิลปะการอ่านหนังสือ
ผมยังอ่าน "เรื่องรักในปักกิ่ง" ไม่จบ ช่วงนี้ฝนตกอากาศชื้น "ช่างเหอะ" ทำอะไรไม่ได้มากนัก ประจวบกับพี่ชายได้ขันเกลียวความเครียดในตัวผมให้แน่นขึ้นด้วยการกระทำ สกรูดูเหมือนว่าใกล้จะขาด!
ผมคงต้องงดรับฟังข่าวสารบ้านเมือง รวมทั้ง deactivate FB สักระยะนึงด้วย!
วันนี้หยิบหนังสือ "ศิลปะการอ่านหนังสือ" ออกมาอ่าน เป็นหนังสือหนา ๑๒๒ หน้า เขียนโดย ดร.ครรชิต มาลัยวงศ์ พิมพ์ครั้งแรกเมื่อเดือนธันวาคม ๒๕๒๘ ราคาจำหน่ายเล่มละ ๑๕ บาท ผมอดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมหนังสือถึงได้ราคาถูกเช่นนี้!
อ่อ...เป็นหนังสือที่จัดจำหน่ายโดยชมรมเด็ก ในหน้าแรกมีเขียนไว้ว่า...
หนังสือต่าง ๆ ของชมรมเด็ก จะเป็นเรื่องอ่านเสริมความรู้ หรือเรื่องบันทึกที่เลือกสรรแล้วว่าเหมาะสมกับเยาวชน จุดประสงค์ของชมรมเด็ก คือส่งเสริมให้เยาวชนรักการอ่าน รู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ชมรมเด็กหวังว่าท่านคงเพลิดเพลินและได้คติจากการอ่านหนังสือเล่มนี้
หน้า ๒๓-๒๔ เขียนว่า...
ผู้อ่านหลายท่านอาจจะคิดว่า ตนเองมีเวลาน้อยจนไม่อาจจะอ่านหนังสือเล่มใดได้นาน ๆ ท่านต้องการอ่านให้จบ ๆ โดยเร็ว เพื่อที่จะได้จับเรื่องใหม่ หาหนังสือเล่มใหม่อ่านต่อไป การคิดเช่นนี้เท่ากับว่าท่านได้ให้ความสำคัญต่อความเร็วของการอ่านมากเกินไป หนังสือแต่ละประเภทนั้น ผู้อ่านจะต้องอ่านด้วยความเร็วต่าง ๆ กันออกไป ท่านไม่อาจอาจ "ตรรกศาสตร์" ของ จำนงค์ ทองประเสริฐ ได้รวดเร็วเท่ากับที่อ่าน "ล่องไพร" ของ น้อย อินทนนท์ และขณะเดียวกัน แม้ในเรื่องจีนด้วยกัน ท่านก็อาจจะอ่าน "สามก๊ก" ของเจ้าพระยาพระคลังให้เร็วเท่ากับที่อ่าน "เซียวฮื้อยี้" ของ ว.ณ เมืองลุง
เวลาที่มีเพียงสั้น ๆ ของคน ๆ หนึ่งนั้น ไม่จำเป็นต้องพร่าให้หมดไปด้วยการอ่านหนังสือให้ได้มากที่สุด และเร็วที่สุด เพราะถ้าท่านต้องการเช่นนี้ ท่านอาจหาเรื่องย่อที่คนอื่นเขาอ่านเรื่องจริงแล้วนำมาย่อพิมพ์ขายมาอ่านได้ง่าย ๆ นอกจากนี้ หนังสือบางเล่ม ท่านยังต้องใช้ความคิดพิจารณาไปตามเหตุผลที่ผู้ประพันธ์ได้หยิบยกขึ้นมาอ้าง ในกรณีเช่นนี้ท่านไม่อาจจะตะลุยอ่าน "ข้อคิดของ ม. ชูพินิจ" ให้จบในชั่วโมงเดียว เพราะถ้าท่านทำเช่นนั้น ท่านจะไม่เหลือเศษอะไรไว้ในสมองเลย ตรงข้ามท่านต้องอ่านข้อคิดทีละเรื่อง อาจะเป็นเพียงคืนละเรื่อง แล้วพิจารณาใคร่ครวญตามไปนั่นแหละ ท่านจึงจะเข้าใจ และได้รับสิ่งที่นักประพันธ์ผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้ต้องการให้เราทราบ....
หุหุ วันนี้ขอเอามาเป็นข้ออ้างที่จะดองหนังสือ "เรื่องรักในปักกิ่ง" ไว้อีกสักเพลานึง
Wednesday, October 16, 2013
ยอยพวงมาลัย
อาจกล่าวได้ว่าการกลับไปเรียนภาษาอังกฤษที่มหาวิทยาลัยพายัพนั้น ช่วยกระตุ้นให้ผมสนใจในเรื่องที่มาของศัพท์แสงต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น...
ภาพจมูก - ที่มา sopon.ac.th |
อย่างเช่น คำว่า "จมูก" ผมไม่รู้หรอกนะว่าทำไมถึงเรียกเช่นนั้น แต่ถ้าเป็น "กำเมือง" เค้าเรียกว่า "ฮูดัง" ถ้าอย่างนี้ก็ชัดเจน เพราะมันมี "รู" และเวลาหายใจแรง ๆ จะเกิดเสียงดัง ถ้าบอกว่า "กั๊ดฮูดัง" ผมจะเห็นภาพได้ชัดเจนกว่า "คัดจมูก"
มีคำหลายคำที่น่าสนใจ พูดแล้วทำให้เห็นภาพ อย่างเช่น จานเสียง/แผ่นเสียง....
ภาพจานเสียง/แผ่นเสียง - ที่มา 3d-viera.blogspot.com |
หรือหีบเพลง...
คำไทยที่ใช้ทับศัพท์ภาษาอังกฤษก็มีเยอะ (เข้าไปดูได้ใน www.rta.mi.th/chukiat/story/thai_eng1.htm) ส่วนศัพท์ช่างที่เรียกกันคุ้นหูก็มีไม่น้อย อย่างที่ผมเคยพูดว่า "ตอกกิ๊ปเดินสายไฟ" หรือ "ฝังพุกยึดที่วางสบู่" ฯลฯ เคยมีช่างจากนครปฐมแวะมาพบ"เจ้าโต" จอดอยู่หน้าบ้าน เค้าเปิดฝากระโปรงขึ้นดู แล้วชี้ให้ผมดูบริเวณจุดเชื่อมต่อแกนพวงมาลัย (steering shaft) พูดเสียงดังว่า " ถ้าไม่อยากตกเขาตาย ให้รีบซื้อยอยพวงมาลัยมาเปลี่ยนได้แล้ว!"
"ช่างรอด" ได้ช่วยตรวจสอบ และซื้ออะไหล่มาเตรียมไว้แล้วครับ...
เห็นเค้าเขียนว่า "ยางยอยพวงมาลัยพร้อมสกรู"...
น่าสนใจจัง! คิดว่า "ยอย" น่าจะเพี้ยนมาจากคำว่า "joint" ผมลองออกเสียงคำ ๒ คำสลับไปมา...
เจ้าตูบตัวน้อยยืนทำหูกางมองดูอยู่ห่าง ๆ มันคงไม่รู้จักยอยพวงมาลัยหรอก!
Tuesday, October 15, 2013
ทำสมุดเก็บข้อมูล
ศจ. ระพี สาคริก - ภาพสแกนจากรูปที่ได้ตัดเก็บไว้ |
ผมเพิ่งเขียนเรื่องของ ศาตราจารย์ระพี สาคริก ลงในบล็อก "ฟังลุงน้ำชาคุย" ตามปกติก็จะประกอบเรื่องที่เขียนด้วยภาพที่ถ่ายด้วยตนเอง แต่ถ้าหากไม่มี ก็จะไปค้นหาในอินเทอร์เน็ต นำมาโพสต์ไว้แล้วระบุที่มาไว้ใต้ภาพ!
ค้นหาภาพอาจารย์ปู่วันนี้...ผมต้องหยิบ "สมุดเก็บข้อมูล" เล่มหนึ่งออกมา
จำได้ว่าผมเคยตัดเก็บภาพเล็ก ๆ (จากนิตยสารอะไรจำไม่ได้) ของอาจารย์ระพีมาเก็บไว้ สีสันยังดูสดสวยอยู่เลย นำไปสแกนแล้วก็ยังดูดี...
สมัยที่ยังไม่มีการจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบดิจิตอล ผมต้องเก็บรูปภาพและข้อเขียนต่าง ๆ โดยตัดมาจากหนังสือ (ภาษาอังกฤษเรียกว่า Clipping = the cutting-out of articles from a paper publication) แล้วนำไปทากาว ติดไว้บนสมุดวาดเขียน...
ด้วยเหตุนี้ ช่างเหอะจึงมีสาระหลากหลายมาให้เพื่อน ๆ อ่าน อย่างเช่นเรื่อง "การย้ายต้นไม้"
ทั้งภาพและบทความ (เขียนโดยอาจารย์ธนิต มะลิสุวรรณ) ก็นำมาจาก "สมุดเก็บข้อมูล"...
ถ้าไม่มีสมุดเล่มนี้ เรื่องราวหรือสาระที่มีประโยชน์เช่นนี้ ก็คงจะหาได้ไม่ง่ายนัก!
ทุกวันนี้ผมก็ยังคงใช้วิธีการเก็บข้อมูลแบบเดิม ๆ อยู่ โดยทำควบคู่กันไปกับการบันทึกเป็นระบบดิจิตอล ไว้ใน hard disk ขนาด 500-1,000 GB อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำ "สมุดเก็บข้อมูล" มีเพียงสมุดวาดเขียน ๑ เล่ม และกาว (เป็นกาวใส กาวลาเท็กซ์ หรือ กาวหลอดแบบลูกกลิ้งก็ได้) ส่วนเครื่องมือก็มีเพียงกรรไกรและใจรักก็พอแล้ว!
เพื่อน ๆ ลองทำแก้กลุ้มก็ได้นะ... :)
Subscribe to:
Posts (Atom)