Monday, August 12, 2013

รัฐแคชเมียร์ อินเดีย

ผมมีหนังสือ "อินเดีย - ท่องไปในเมืองเดลฮีและภาคเหนือ" พิมพ์แจกฟรีให้แก่ผู้สนใจโดยสำนักงานท่องเที่ยวรัฐบาลอินเดีย (The Department of Tourism of India) เมื่อปี ๒๕๒๔...


วันนี้อยากจะนำบทความเรื่อง "รัฐแคชเมียร์" มาให้เพื่อน ๆ ได้อ่านดังนี้...



จักรพรรดิโมกุลผู้ยิ่งใหญ่ในสมัยศตวรรษที่ 17 ซาห์ เจฮัน เมื่อทอดพระเนตรเห็นหุบเขาแคชเมียร์เป็นครั้งแรกทรงอุทานว่า "ถ้าสวรรค์บนพื้นพิภพนี้มีจริง ก็จะต้องอยู่ที่นี่แน่นอน" ที่รัฐนี้มีภูเขาที่สูงที่สุดในโลก บนยอดปกคลุมด้วยหิมะขาวชั่วนาตาปี สูงตะหง่านเงื้อมเสมือนจะปกป้องหุบเขาที่เขียวขจีสีมรกตเบื้องล่าง ซึ่งมีลำธารน้ำจากภูเขาไหลผ่านหลายสาย และมีทุ่งหญ้าที่ดาระดาษด้วยดอกไม้สวย ๆ มากมาย

เมืองศรีนาการ์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐแคชเมียร์ ในอดีตเคยเป็นอุทยานแห่งความใฝ่ฝันของจักรพรรดิโมกุลหลายต่อหลายพระองค์ เป็นเมืองเก่าแก่ตั้งแต่ยุคกลางที่น่าทึ่ง มีสะพานและตลาดบาซาร์ที่แฝงอยู่ใต้ร่มเงาของเทือกเขาน้ำแข็งและทะเลสาปสีเงิน สมัยเมื่อ 400 ปีมาแล้ว พวกโมกุลได้สร้างอุทยานที่สวยงามตามแบบฉบับขึ้นหลายแห่ง และตั้งชื่อให้อย่างไพเราะเพราะพริ้ง ฟังดูเหมือนเสียงน้ำที่สาดกระทบหินจากน้ำพุ มิฉะนั้นก็เสียงท่องโศลกของชาวเปอร์เซียน เช่นชื่อว่า ซาลิมาร์ นิษัท ชัษมาซาฮี เป็นต้น

ทะเลสาปคาลที่สงบนึ่ง สะท้อนภาพสวยงามจากอุทยานเหล่านี้ ซึ่งแวดล้อมทะเลสาปอยู่ ทะเลสาปคาล มีทางน้ำติดต่อกับคลองและแม่น้ำเจลัม ดังนั้นทะเลสาปคาลจึงเป็นเส้นทางสำคัญของการคมนาคมโดยเรือ  ใต้ลงไปมีทะเลสาปอีกแห่ง ชื่อ นาคิน มีขนาดเล็กกว่า แต่ทว่าสวยงามทัดเทียมกับทะเลสาปคาล และเป็นสถานที่ที่นิยมกันมากในการเล่นสกีน้ำ ว่ายน้ำ ดำน้ำ และแล่นเรือ ท่านอาจจะเช่าเรือนแพ หรือบ้านที่อยู่บนเรือ ที่จอดลอยลำอยู่บนทะเลสาปเหล่านี้ได้ จะมีผู้คนพายเรือมาขายสินค้าให้ท่านจนถึงหน้าเรือนแพของท่าน เรือที่เขาใช้กันนี้เรียกว่า ชิคาราส เป็นเรือพายแบบของแคชเมียร์ นอกจากนี้ท่านยังจะได้ชื่นชมกับตลาดน้ำจำหน่ายผลไม้ ดอกไม้ ผ้าพันคอ พรม เครื่องเพชรพลอย และงานฝีมือประเภทศิลปพื้นเมืองต่าง ๆ ที่เคลื่อนไหวไปมาอยู่รอบ ๆ เรือนแพของท่าน


ไม่ไกลจากเมืองศรีนาการ์มากนัก ประมาณความสูงระดับ 2730 เมตร มีหมู่บ้านชื่อกุลมาร์ก หรือ "ท้องทุ่งแห่งดอกไม้" ซึงอยู่กลางระหว่างยอดเขาสูง ๆ คือ ยอดเขานังคะพาร์บัท (8100 เมตร) ท้องฟ้าที่แจ่มใสและแสงแดดแจ่มจ้าตลอดจนไหล่ลาดเขาที่เหมาะยิ่งสำหรับการเล่นสกี ทำให้กุลมาร์กมีชื่อเสียงว่าเป็นสวรรค์สำหรับนักกีฬาในฤดูหนาว นอกจากนี้ กุลมาร์กยังได้ชื่อว่ามีสนามกอล์ฟธรรมชาติที่สวยที่สุดและอยู่สูงที่สุดในโลกอีกด้วย สนามดังกล่าวนี้อยู่ติดกับทางเดินบนเขา ซึ่งปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่และต้นไม้ประเภทเฟอร์ต่าง ๆ

เมื่อออกเดินทางจากศรีนาการ์ ผ่านทุ่งนาและสะพานไม้แบบชนบทเก่าแก่ และเสียงกึกก้องของน้ำตก ท่านจะมาถึงพาฮัลกัม ซึ่งตั้งอยู่ตอนกลางของหุบเขาที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง ชื่อหุบเขาลิคเด้อร์ หุบเขานี้มีทางผ่านช่องเขาแคบและชันซึ่งปกคลุมด้วยต้นเฟอร์ มีภูเขาสูงทะมึน ที่ยอดปกคลุมด้วยหิมะ มีลำธารน้ำใสที่เย็นเฉียบและป่าลึก ทำให้บรรยากาศของภูเขาโปร่งสบายและเป็นจุดตั้งต้นที่วิเศษยิ่งของการเดินป่า

ในปีหนึ่ง ๆ ท่านจะมีโอกาสได้เข้าร่วมขบวนจาริกแสวงบุญไปยังถ้ำอมาร์นาท ซึ่งเป็นถ้ำน้ำแข็ง ภายในถ้ำมีศิวลึงค์ ซึ่งเกิดจากน้ำแข็งตามธรรมชาติ คิวลึงค์นี้จะเปลี่ยนขนาดไปตามความเปลี่ยนแปลงของดวงจันทร์ การจาริกแสวงบุญนี้ทำกันปีละครั้งเดียว ระหว่างเดือนสิงหาคม - กันยายน

ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของศรีนาการ์ มีหุบเขาอีกแห่งหนึ่งซึ่งมีแม่น้ำสินธุไหลผ่าน เรียกว่า หุบเขาสินธุ ในอดีตกาลบรรดาพ่อค้าจากเอเซียตอนกลางเคยเดินทางผ่านบริเวณนี้มาก่อน และได้ชื่นชมกับความสงัดเงียบของทะเลสาปและความมโหฬารของภูเขาน้ำแข็ง

จากศรีนาการ์ไป 83 กิโลเมตรจะถึงซอนมาร์ก (2740 เมตร) ซึ่งได้สมญาว่าเป็น "ทุ่งหญ้าสีทอง" บนพื้นที่สูงของซอนมาร์กประดับด้วยต้นไม้จำพวกเฟอร์และสน ปะปนกับต้นเบิร์ชและซิคามอร์

ลงไปทางใต้ของซอนมาร์กเพียง 3 กิโลเมตร ถึาภูเขาน้ำแข็งที่ชื่อทาจิวาส มีที่ราบสูงอยู่ที่เชิงเขา ซึ่งมีบรรยากาศที่เหมาะสมกับการตั้งค่ายพักแรมอย่างยิ่ง เทือกเขาทั้งหมดถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็ง ซึ่งมีน้ำตกลงมาเป็นแผ่นสีเงิน นอกจากนี้ซอนมาร์กยังเป็นจุดตั้งต้นสำหรับการเดินป่าที่น่าสนุกสนานไปยังทะเลสาปหิมาลัยที่อยู่เหนือขึ้นไป...

สำหรับท่านที่ชอบการผจญภัย ขอแนะนำให้ท่านเดินทางจากศรีนาการ์ไปตามเส้นทางที่วกวนคดเคี้ยวเป็นระยะทาง 434 กิโลเมตรถึงลาดัด ซึ่งเป็นเมืองแห่งหินผา เปรียบได้กับพื้นผิวของดวงจันทร์ที่เต็มไปด้วยก้อนหินโดดเดี่ยวและกรวดเม็ดเล็ก หมู่บ้านของลาดัดดูเหมือนจะยิ่งเล็กลงเมื่อเปรียบเทียบกับภูเขาหินแกรนิตที่สูงทะมึน ซึ่งห้อมล้อมหมู่บ้านอยู่ ที่นี่คือดินแดนของวัดแบบธิเบตที่สร้างโดยการเจาะลึกลงไปในภูเขาหินแกรนิต พระพุทธรูปที่ประดับด้วยหินมีค่า ศิลปวัตถุที่ล้ำค่า เช่น ทังคาส หรือภาพเขียนบนผนังอาคารเต็มไปด้วยสัญญลักษณ์ของวัฒนธรรมอันรุ่งโรจน์ในอดีตกาลของดินแดนบริเวณนี้


อินเดียน่าไปเที่ยวเหมือนกันครับ ค่าวีซ่า ๒ พันกว่าบาท อยู่ได้ ๖ เดือน เอาให้คุ้มไปเลย อิอิ

No comments: