เมื่อวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๕๖ ผมนั่งรถเมล์เขียวจากลำปางไปเชียงแสน เห็นหญิงสาว ๒ คนซึ่งนั่งถัดไปทางด้านข้าง เธอนำชาเขียวยี่ห้อดังขึ้นมาเปิดดื่ม แล้วแกะซองมันฝรั่ง (ยี่ห้อดังเช่นกัน) หยิบเข้าปากเคี้ยว...ในขณะที่สายตาจ้องจับอยู่กับหน้าจอโทรศัพท์!
สำหรับผมแล้ว ผมคิดว่าอาหารเหล่านั้นเป็นอาหารขยะ (junk food) ไม่เคยซื้อกิน! ส่วนท่านที่ชอบและคิดว่าเป็นของดีก็เป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล.... ไม่ว่ากัน!
ตอนนั่งรถกลับจากเชียงแสนไปพะเยา ผมก็เห็นพนักงานสาวของรถเมล์เขียวเปิดชาเขียว ๑ ขวดส่งให้คนขับรถ ส่วนตัวเองก็ดื่มด้วย จากนั้นก็หยิบมันฝรั่งในถุงส่งเข้าใส่ปาก เธอยื่นถุงให้พนักงานขับรถใช้มือล้วงเจ้ามันฝรั่งเคลือบผงชูรสไปกิน ไม่นานนักมันฝรั่งก็หมดถุง!
คนหนุ่มคนสาวทั้งนั้นเลย ที่ผมเห็นบริโภคอาหารดังกล่าว!!
สำหรับคนแก่อย่างผม ไม่เคยดื่มทั้งเครื่องดื่มชูกำลังและชาเขียว ซุบไก่ก็ไม่เคยกิน ผมยังคงเชื่อว่า "You are what you eat." จึงอยากจะเลือกแต่สิ่งดี ๆ ให้ร่างกาย แม้ว่ามันจะไม่อร่อยหรือไม่ซาบซ่าเท่ากับอาหารขยะ...
Central Plaza เปิดใหม่ที่ลำปางได้หลายเดือนแล้ว ผมไม่คิดที่จะไปเดินดูหรือหาอะไรกิน (มีครั้งเดียวที่ต้องไปเล่นเปียโนให้เด็ก ๆ แสดงไวโอลินและเชลโล ผมตรงไปที่เวที หมดหน้าที่แล้วกลับเลย)
เช้าวันนี้ หลังจากดื่มน้ำผลไม้ ๑ แก้ว ผมอุ่นข้าวธัญพืชที่ซื้อมาจากตลาดเก๊าจาวกิน ส่วนผสมก็มีข้าวกล้อง ข้าวโพด ถั่วแดง แครอท และลูกเดือย ราคาแค่ถุงละ ๑๐ บาทเอง...
ที่เห็นในภาพนั่น ผมกินไปเกือบครึ่งนึงแล้วนะ.... หมดชามก็อิ่ม!
ทำไมถึงอิ่ม? ก็เพราะผมค่อย ๆ เคี้ยว (ไม่ได้รีบกลืน) บางครั้งก็นับไปด้วย (เคี้ยว ๒๒ ครั้ง) จนอาหารแหลกเป็นน้ำ กระพุ้งแก้มและลิ้นได้ลิ้มรสความอร่อย และซึมซับสารอาหารที่มีคุณค่าเข้าสู่กระแสเลือดได้โดยตรง ไม่ต้องรอให้กระเพาะอาหารและลำไส้ทำหน้าที่ พอกินหมดชาม...สัญญาณก็ส่งไปยังสมองบอกว่า "อิ่มแล้ว"
อิ่มจริง ๆ นะ! แต่ถ้าอยากจะล้างปาก ผมก็ชงโกโก้ร้อนถ้วยเล็ก ๆ ดื่มอีกหน่อย ผมพยายามหันหลังให้กาแฟมาได้เป็นเดือนแล้ว รู้สึกว่าสุขภาพดีขึ้น น้ำหนักตัวลดลง เดินเหินได้คล่องแคล่ว เกิดความหวังว่าอาจจะอยู่ได้ถึงเลข ๗
แค่นั้นก็พอแล้วคร้าบบบ...
No comments:
Post a Comment