สเปคของมันมีดังนี้ครับ...
- Sony 7.2 Megapixel effective CCD image sensor
- Carl Zeiss 3x Zoom (38-114mm equivalent in 35mm photography)
- Compact, lightweight and durable aluminum alloy body
- MPEG Movie: 640x480 VX Fine w/audio at 30fps (Memory Stick Pro required),
- 640x480 VX at 16fps, length limited only by media
- Auto, Program AE, Full Manual plus 9 Scene modes
- 5-shot Burst (7MP Fine) up to 100 (VGA std quality) at 1.1fps
- Histogram display in capture and playback mode
- 5 Area Multi-point AF; auto or selectable Spot AF point
- 2.0" TFT color (134,000 pixels) LCD screen with Auto Brightness
- ISO Sensitivity: Auto, 100, 200, 400
- Adjustable color saturation, contrast and sharpness
- Noise Reduction: Automatically cleans up long exposure images
- 14bit A/D Conversion - allows a wider dynamic range from highlight to shadow
- Built-in flash with Auto Fill, Red Eye Reduction and Slow Synchro
- USB 2.0 Auto-Connect to host computer
- Li-ion rechargeable battery and charger included
- Memory Stick & Memory Stick Pro compatible, 32MB included
- DPOF and PictBridge direct-print USB compatible
ขอบคุณที่มา - http://www.steves-digicams.com
กล้องจากครูหน่อยมาพร้อมกับ memory stick ขนาด 256 MB เมื่อนำำไปอ่านใน Card Reader แ่ล้วมีปัญหา กล่า่วคือ มันมองเห็น folder แต่อ่านไม่ได้ ตอนได้กล้องมาใหม่ ๆ ผมไม่รู้ว่าจะนำภาพออกมาได้อย่างไร แต่ในที่สุด "ช่างเหอะ" ก็หาวิธีแก้ไขได้ด้วยการ import โดยใช้โปรแกรม Picasa3 ของอากู๋ (Google) ทำให้สามารถถ่ายโอนไฟล์ภาพที่ถ่ายไว้มาเก็บในคอมพิวเตอร์ได้
กล้องรุ่นนี้ใช้งานง่ายมาก คุณภาพของภาพที่ออกมาก็จัดว่าดีทีเดียว ผมใช้บันทึกภาพเด็กนักเรียนวงโยฯ ของโรงเรียนเทศบาล ๕ ไว้มากมาย แต่ทว่าก่อนหน้านั้นเจ้าโซนี่ได้ถูกใช้งานมาหนักและผ่านการซ่อมมาแล้ว มันจึงรวนเรื่อยมา ถ่ายได้บ้างไม่ได้บ้าง และผลที่ตามมาก็คือ เจ้าตัววงแหวนครอบหน้าเลนส์ (ตรงที่มีอักษรว่า Carl Zeiss) ได้หลุดหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้!
ดูขี้แหร่ไปถนัดตา (อย่างที่เห็นในภาพ) แต่ก็ยังใช้งานได้อยู่ ผมต้องใจเย็น ๆ ถ้าบันทึกหรือดูภาพไม่ได้ ก็ขยับบ้าง ตบเบา เดี๋ยวมันก็ดีเอง!
เมื่อวันที่ครูหนิงมาซ่อมจักรยานพับให้ หลังจากใช้เจ้าโซนี่บันทึกภาพ ผมก็วางมันไว้บนหลังแกรนด์เปียโนตัวที่เห็น....
พอครูหนิงจากไป ผมเื้อื้อมมือไปหยิบกล้องเพื่อจะนำไปถ่ายภาพอีกครั้ง ไม่รู้ว่าพลาดได้ยังไง เจ้า SONY DSC-P200 ดันตกจากหลังเปียโนลงสู่พื้นโดยที่ผมคว้าไว้ไม่ทัน!! เ้ดชะบุญที่ไม่ตกบนกระเบื้องปูพื้น มันตกลงบนพรม!! แต่ก็พังครับ...พังเพราะตอนตกสู่พื้นนั้น เลนส์กล้องอยู่ในตำแหน่งยื่นออก (เหมือนในภาพบนสุด) ด้วยระยะความสูงขนาดนั้น...มันเอาเลนส์กระแทกพื้นพรมอย่างแรงจนทำให้กระบอกเลนส์เอียงยุบไปข้างนึง เลื่อนเข้าเลื่อนออกไม่ได้อีกต่อไป เห็นสภาพแล้ว...ผมสิ้นความหวังทันทีว่ากล้องตัวนี้จะยังใช้งานได้อีก ตระหนักดีว่าระบบกลไกของเลนส์มีเฟืองที่บอบบางมาก ๆ!!
ผมลองกดสวิชปิดเิปิด หุหุ เงียบสนิท เจ้าเลนส์พิการไม่ขยับ! (เสียดายจริง ๆ ที่ไม่สามารถถ่ายภาพมาให้ดูได้) แต่เอาเหอะ....ไหน ๆ ก็พังแล้ว "ช่างเหอะ" ขอลองซ่อมดูหน่อย เริ่มต้นด้วยการใช้มือขยับกระบอกเลนส์ พยายามดึงและดันให้มันกลับมาตั้งตรงเหมือนเดิม แต่ก็ไม่สำเร็จ! ถึงตอนนั้นผมแทบไม่เหลือความหวังอีกต่อไป!
เอ้า...ขอลองต่อ นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร...ผมใช้ผ้าขนหนูรองหน้าเลนส์ แล้วใช้ด้ามค้อนเคาะ โห! โหดร้ายจริง! แต่มันก็ยังไม่ยอมลง ผมคิดว่าเฟืองพังแน่นอนแล้ว!
หลังจากนั้นผมจำไม่ได้ว่าทำอย่างไรกับมันบ้าง คิดว่าน่าจะออกแรงข้อมือเพิ่มขึ้น ขยับโดยใช้ผ้าขนหนูรอง แต่ไม่ได้ใช้ค้อนเคาะอีกต่อไป อ๊ะ...อยู่ ๆ เจ้าเลนส์เดี้ยงก็กลับเข้าที่!!! ผมลองเปิดปิดสวิช...มันเลื่อนเข้าเลื่อนออกได้ตามปกติ ไม่น่าเชื่อเลย! ไม่เท่านั้นนะ...อาการลักปิดลักเปิดกลับหายเกลี้ยง ตั้งแต่นั้นมันไม่เคยรวนอีกเลย!
วันที่ผมไปหาหมอฟันก็นำเจ้าโซนี่ใส่กระเป๋ากุงเกงไปด้วย ผมหยิบขึ้นมาเปิดสวิชแล้วกดชัตเตอร์ได้เลย ไม่มีคำว่าอิดออด ได้ภาพออกมาดังนี้...
ต้องยอมรับว่าเจ้า SONY DSC-P200 เป็นกล้องทรหดจริง ๆ ขอบันทึกไว้เป็นหลักฐาน!
No comments:
Post a Comment