Wednesday, April 03, 2013

เช้านี้ที่โรงพยาบาลลำปาง

เช้าวันนี้ผมตื่นตั้งแต่ตีห้า เพราะต้องไปหาหมอฟันที่โรงพยาบาลลำปาง…


อาบน้ำสระผม กินอาหารและยาให้เรียบร้อย แปรงฟันอย่างดีเพื่อไม่ให้มีเศษอาหารติดฟัน ประมาณ ๖.๑๕ น. เปิดประตูบ้านแล้วนำจักรยานยนต์ขี่ออกไปที่หน้าโรงงาน เพื่อซื้ออาหารให้พี่ชาย ปรากฏว่ามันยังเช้าเกินไป แม่ค้ายังไม่มา ต้องเลือกว่าจะไปหาซื้ออาหารให้พี่ก่อนหรือว่าจะไปโรงพยาบาลเลย? ผมเลือกภาระกิจหลัง!



๐๖.๔๕ น. ผมว่าไปเช้าแล้วนะ แต่ก็ยังช้ากว่าคนไข้อีกหลาย ๆ คนที่กำลังนั่งรออยู่ที่หน้าห้องเบอร์ ๑  ผมนำบัตรโรงพยาบาลแนบกับบัตรผู้บริจาคโลหิตไปยื่นให้กับเจ้าหน้าหนุ่มซึ่งนั่งอยู่ในช่องรับบัตรดาวสีฟ้า แล้วแจ้งว่าอยากไปหาหมอฟัน!  รู้สึกชื่นชมระบบงานของแผนกเวชระเบียนซึ่งแตกต่างจากในอดีตเป็นอย่างมาก  เค้าให้การบริการกันตั้งแต่เช้ามืดเลยก็ว่าได้ (แต่ก่อนนั้นกว่าจะเปิดช่องกระจกก็ต้อง ๘ โมงตรง ทำให้ผู้คนต้องยืนเข้าแถวกันยาวเหยียดเพื่อยื่นบัตร)  เจ้าหน้าที่รับบัตรผมไปดู  กดคีย์คอมพิวเตอร์แล้วถามว่าไม่ได้มาโรงพยาบาลนานแล้วใช่ไหม?  ผมถึงได้รู้ว่าประวัติเก่าของผมได้ถูกทำลายไปตั้งแต่ปี ๕๒  อืมมม…ที่เคยไปวิ่งสายพาน ผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ตา ยิงเลเซอร์ ทำฟัน แคะหู และอื่่น ๆ  ตอนนี้ไม่เหลือในระเบียนอีกแล้ว!!  โรงพยาบาลต้องออกบัตรประจำตัวผู้รับบริการเลขที่ 0-25-92-21  ให้ผมใหม่!


ในข้อมูลที่อยู่เก่า บ้านผมอยู่ที่แอร์พอร์ทวิลล่า พอทำบัตรใหม่ผมต้องใช้ที่อยู่บ้านปงแสนทอง ส่วนสิทธิก็ยังคงใช้ “ผู้บริจาคโลหิต ๒๔ ครั้งขึ้นไป” เค้ารักษาให้ฟรีเหมือนเดิม

ระบบงานดีมากครับ ยังไม่ ๘ โมงเจ้าหน้าที่มาทำงานมากขึ้น ผมนั่งรอที่เก้าอี้ยาวรวมกับคนไข้คนอื่น ๆ ประมาณครึ่งชั่วโมง เค้าก็ประกาศเรียกให้ไปรับ OPD Card และใบสั่งยาฯ  รับเอกสารแล้วก็นำไปหาหมอฟันได้เลย!!


อ่อ…วันนี้มีหญิงลำปางคนหนึ่ง อายุประมาณสัก ๓๐ กว่า ๆ เธอมาหาหมอด้วยอาการเจ็บในเบ้าตา ในระหว่างนั่งรอ ได้เล่าให้ผมและคนไข้คนอื่น ๆ ฟังว่า แต่ก่อนสายตาดีทุกอย่าง สุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ  แต่ต้องมาถูกทำร้ายร่างกายเพื่อชิงทรัพย์  เธอบอกว่าเป็นแม่ค้าซึ่งทำแต่ความดี ทำบุญ บริจาคทานมาโดยตลอด ค้าขายก็โดยสุจริต  ในวันที่จะโดนทำร้ายรู้สึกไม่สบายใจก็ไปทำบุญ ถวายสังฆทาน พอตกค่ำประมาณหนึ่งทุ่ม คนร้ายซึ่งเป็นชายหนุ่มที่มาซื้อล๊อตเตอรี่ ๒ ใบในตอนเช้า ก็เข้ามาตีหัวเธอจนสลบ แล้วชิงเอาเงินสดประมาณหมื่นกว่าบาทและแหวน ๑ สลึงไป  หญิงผู้ยังมีรอยยิ้มบนใบหน้ากล่าวว่า “เลือดออกประมาณครึ่งถัง (น้ำคุ)   ตอนใกล้หมดสติเหมือนกับว่าฝันไป  เวลาล้มคงจะเอาบริเวณขอบตาไปกระแทกกับอะไรสักอย่าง”

ได้ฟังเรื่องราวแล้ว นอกจากจะรู้สึกเห็นใจกับประสบการณ์เลวร้ายที่ผู้หญิงดี ๆ คนหนึ่งได้รับ ผมก็แอบคิดอยู่ในใจว่าปัจจุบันนี้สังคมไทยเลวร้ายลงทุกที ๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้นำขาดคุณธรรม  ทำให้ช่องว่างระหว่างคนจนและคนรวยห่างออกอย่างเห็นได้ชัด  เป็นยุคที่มือใครยาวสาวได้สาวเอา  ต่อไปโจรผู้ร้ายจะเต็มบ้านเต็มเมือง  ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินจะลดน้อยลงเรื่อย ๆ

แล้วเราจะทำกันอย่างไรดี?

No comments: