ในบล็อกช่างเหอะ ผมเคยเขียนเรื่อง "วิธีตากกล้วย" และ "วิธีเตรียมเสบียงก่อนออกเดินทาง" ก็ต้องยอมรับว่า "กล้วยตาก" ช่วยให้ผมเดินทางท่องโลกได้อย่างราบรื่นมาแล้วหลายครั้ง...
คนสูงวัยที่ต้องกินยาเป็นประจำ บางครั้งไม่มีอะไร ก็ได้เจ้ากล้วยตากนี่แหละ กินกับขนมปังโฮลวีทและแลคตาซอยเป็นอาหารเช้า ทำให้สามารถกินยาหลังอาหารได้ บางครั้งอยู่บนรถโดยสารก็อาศัยกล้วยตากช่วยบรรเทาความหิวไปได้....
ลงทุนซื้อกล้วยน้ำว้ามา ๔๐ บาท สามารถทำกล้วยตากได้อย่างเหลือเฟือ สำหรับผมมันเป็นเสบียงที่คุ้มค่าที่สุดก็ว่าได้!
ผมไปหลวงพระบางก็เห็นชาวบ้านนำกล้วยมาวางตากไว้ข้างถนน อย่างที่เห็นในภาพ...
ตอนเดินเข้าไปเที่ยวในวัดหมื่นนาฯ ผมก็เห็นวิธีตากกล้วยของคนลาว เค้าใส่ถาดวางกับพื้นดินเลยเชียว
ข้าวเหนียวเหลือกินก็นำมาตาก...
คิด ๆ ดูแล้ว การตากกล้วยของผมน่าจะดีกว่าของลาวนิดนึง ตรงที่ว่ามันอยู่สูงและมีตาข่ายกันแมลงวัน...
ทีนี้มาพูดถึง "ปี๊บ" กันหน่อย นอกจากจะใช้คลุมหัว (สำหรับผู้นำบางคน) แล้ว ก็ยังสามารถนำมาดัดแปลงทำตู้เป็น "ตู้อบพลังแสงอาทิตย์" ได้ด้วย (ตามคำแนะนำของคุณเมธี)
ผมเก็บปี๊บเก่าเอาไว้เป็นปี รอจนกระทั่งมีสีน้ำมันสีดำที่เหลือจากงานช่าง...จึงได้ลงมือทำ ผมใช้ที่เปิดกระป๋องตัดด้านที่เป็นฝาออก แล้วทารอบนอกด้วยสีดำ
แต่งขอบปี๋บโดยรอบให้ดี อย่าให้มีคม แล้วล้างให้สะอาด.ก็ได้ตู้อบแล้ว!.
ผมทดลองใช้ทำพริกแห้งก่อนเลย....
สีดำจะดูดความร้อนเข้าไปภายในปี๊บ ทำให้พริกขี้หนูสดที่ใช้ปี๊บครอบไว้กลายเป็นพริกแห้งได้ภายในเวลาไม่กี่วัน (ขึ้นอยู่กับแดดจัดหรือไม่จัดด้วย) ความจริงพริกแค่เนี้ย ถ้าจะตากกับแสงแดดโดยตรงก็ได้ แต่การใช้ปี๊บทำให้กันผุ่น (บ้านผมฝุ่นเยอะ) และที่ผมชอบมากที่สุดคือ เราไม่ต้องคอยกังวลว่าจะลืมเก็บแล้วปล่อยให้โดนฝน หุหุ ผมทิ้งมันไว้อย่างนั้นเลย แกล้งทำเป็นลืม...พอไปเปิดดูอีกทีพริกสดกลายเป็นพริกแห้งไปซะแล้ว!
เพื่อน ๆ มีปี๊บเก่าอย่าทิ้งเด้อ ถ้าไม่เอาไว้ใช้คลุมหัว ก็เอามาทำตู้อบแสงอาทิตย์ได้...อิอิ!
No comments:
Post a Comment