กลับมาคุยเรื่องดวงตาของผมดีกว่า คุณหมอพงษ์ศักดิ์ตรวจดวงตาของผมด้วยเครื่องตรวจจอประสาทตาแล้วบอกกับผมว่ายังใช้ได้อยู่ อีก ๖ เดือนค่อยไปตรวจอีกที ผมเสียค่าตรวจแค่ ๑๐๐ บาทเองครับ...
สายตาผมสั้นจากพันธุกรรม คุณแม่สายตาสั้นมาก ผมและพี่ชายก็สายตาสั้นระดับพันกว่าทั้งสองคน ตอนเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น (สมัยนั้นจากประถม ๔ ก็เป็นมัธยม ๑ เลย) ครูประจำชั้นมีหนังสือแจ้งให้คุณแม่ทราบว่าผมมีปัญหาเรื่องสายตา แต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไข ครอบครัวคนขายกาแฟมีคุณพ่อเป็นคนหัวโบราณไม่เข้าใจผลอันเกิดจากการมองกระดานดำไม่ชัดของลูกชาย มีแต่คุณแม่ซึ่งคอยเป็นห่วง แต่ก็ยังมิได้ให้ผมได้รับการตรวจวัดสายตาจากจักษุแพทย์ เด็กกะโปโลอย่างผมจึงได้เรียนได้เล่นแบบคนสายตาเสื่อมลงเรื่อย ๆ (ไม่รู้ว่าเรียนผ่านแต่ละชั้นมาได้ยังไง) แม้ว่าจะอยู่ชั้น ม.ศ.๓ แล้วก็ตาม ผมก็ยังคงไม่ได้สวมแว่นตา จำได้ว่าผมอยู่ห้อง C โต๊ะเดียวกับอนันต์ จันตา (ไอ่แมวน้อย – บ้านอยู่แม่ริม) นั่งอยู่ติดผนังทางด้านขวา ประมาณกลาง ๆ ห้อง ตอนนั้นสายตาคงจะสั้นประมาณ ๗-๘๐๐ ถึงระดับที่อ่านตัวหนังสือตัวเล็กที่ครูเขียนบนกระดานดำไม่ออกแล้วล่ะ การเรียนผมแย่ลงมากชนิดหัวปริ่มน้ำ โดยเฉพาะวิชาภาษาไทยซึ่งต้องอ่านที่ครูเขียนบนกระดานดำ ผมเรียนเพียงแค่ขอให้ผ่าน หันไปเล่น ๆๆ เบิกเงิน ๕๐ บาทจากธนาคารออมสินไปซื้อลูกฟุตบอลเบอร์ ๓ ไปเตะกับเพื่อน ๆ ที่ทุ่งนา ถนนหน้าบ้านป้าเงา สนามโรงเรียนปริ้นซ์
ผมหันไปเล่นกีต้าร์ อย่างที่เห็นในภาพการบรรเลงในวันคริสต์มาสปลายปี ๒๕๐๘ ยังไม่มีแว่นตาใส่!!! |
ตารางสอบเข้าวิทยาลัยเทคนิคภาพพายัพ ปี ๒๕๐๙ |
จำได้ว่ามาสเตอร์ประเสริฐ มั่นศิลป์ เปิดสอนพิเศษให้นักเรียนที่จะไปสอบเข้าเรียนต่อสถาบันมีชื่ออย่างเช่น เตรียมอุดม เตรียมทหาร ฯลฯ ผมก็สมัครเรียนกับเค้าด้วย เราไปเรียนกันที่บ้านมาสเตอร์ ผมไปได้ไม่กี่ครั้งก็เลิกไป เพราะมองไม่เห็นตัวหนังสือบนกระดานดำ
มาถึงวันนี้ ผมอดแปลกใจไม่ได้ว่าเรียนจบชั้น ม.ศ.๓ ที่โรงเรียนมงฟอร์ตมาได้อย่างไร ดูกระดานดำก็ไม่เห็นชัด ครูชี้ให้ผมลุกขึ้นตอบคำถามบนกระดาน ผมตอบไม่ได้ เพื่อนร่วมชั้นต้องบอกครูว่า “เขาผ่อบ่อหันครับ…”
เนื่องจากผมเป็นเด็กที่ชอบอ่านหนังสือ ชอบประดิษฐ์ของเล่น ทำกล้องฉายหนัง เลยต้องใช้สายตาหนัก ตาก็ยิ่งสั้นลงทุกที ๆ พอสอบเข้าเรียนต่อที่แผนกช่างไฟฟ้าวิทยาลัยเทคนิคภาคพายัพได้ ผมจำเป็นต้องสวมแว่นตา! คุณพ่อบอกว่าไม่ต้องใส่แว่นก็ได้มั้ง แต่คุณแม่พาไปวัดสายตาและตัดเเว่นที่ร้านวิมลการแว่น ใกล้สี่แยกอุปคุต ถึงตอนนั้นเลนส์ที่ใช้ก็หนาเตอะแล้ว!!!
เล่นกีต้าร์ที่โรงอาหารวิทยาลัยเทคนิคภาพพายัพ ตอนนั้นสวมแว่นตาแล้ว |
ตอนอยู่ปี ๑ ผมได้เรียนวิชาฟิสิกส์กับอาจารย์วัฒนาและวิชาเคมีกับอาจารย์หญิงท่านหนึ่ง (ขออภัยที่จำชื่อไม่ได้) วิชาฟิสิกส์เรียนในห้องเล็ก (อยู่ด้านขวาของอาคารด้านหน้า) กระดานดำอยู่ไม่ไกล ผมสอบได้เกรด A แต่วิชาเคมีเรียนในห้องปฏิบัติการเคมี เป็นห้องกว้าง นักศึกษาต้องแบ่งเป็นกลุ่ม นั่งตามโต๊ะปฏิบัติงาน ผมมีชื่ออักษร ว. จึงได้นั่งอยู่ห่างจากกระดานดำในระยะไกล มองตัวหนังสือไม่เห็น เจ้าวิชานั่นก็ดันมีแต่อะไรไม่รู้ที่ต้องเขียน ๆๆๆๆ ตารางแร่ธาตุเอย สูตรและสมการต่าง ๆ เอย ยังจำได้ถึงตอนที่ถูกอาจารย์ถามชื่อสัญลักษณ์ธาตุที่อยู่บนกระดาน ผมตอบไม่ได้เพราะมองไม่เห็น ตอนนั้นไม่ยักมีใครพูดขึ้นว่า “เขาผ่อบ่อหันครับ…” ในที่สุดวิชาเคมีก็เป็นวิชาแรกและวิชาเดียวในชีวิตที่ผมได้เกรด D
พี่อู๊ดเคยพาไปดูหนัง แล้วเห็นผมสวมแว่นตาเฉพาะตอนอยู่ในโรงหนัง ยังบอกให้ผมใส่แว่นติดตา สายตาจะได้ไม่เสื่อมไว แต่ผมกลับไม่ทำตาม
ผมยิ่งอ่านหนังสือหนักกว่าเดิม เขียนนิตยสารทำเองอ่านเอง ทำสมุดภาพ ต่อเครื่องขยายเสียงให้ตัวเองและเพื่อน (ประสาท เผ่าชัย) ประกอบเครื่องรับวิทยุและเครื่องส่ง จนสายตาเสื่อมลงถึงขั้นที่ถอดแว่นแล้วเห็นเพียงภาพเบลอ ๆ เวลาไปหาใคร ผมหาไม่เจอ มองไปแล้วไม่รู้ว่าเป็นคนที่ต้องการพบหรือเปล่า! สายตาตอนนั้นคงสั้นถึงพันแล้วล่ะ…
พออยู่ปี ๓ เริ่มดีขึ้นเมื่อสามารถหาแว่นตาที่เป็นกรอบโลหะได้ คิดว่าใส่แล้วดูดีว่างั้นเหอะ แม้ว่าเลนส์จะหนา ผมก็เลยใส่ติดตามากขึ้น...
ภาพนี้ถ่ายบนดาดฟ้าตึกช่างไฟฟ้า วทพ. หน้าหนาวปี ๒๕๑๑-๑๒ |
อยู่ปี ๓ แล้ว ได้แว่นตาที่ดูดี ก็เลยใส่ติดตา.. |
เรียน ร.ด. ไม่สวมแว่น ภาพนี้ถ่ายที่สนามยิงปืนหนองฮ่อ |
No comments:
Post a Comment