Friday, January 07, 2011

ดรีม อ้อ และเอิน…

คุณเมธีตั้งชื่อให้ cello ของผมว่า “เรไร”  ผมไม่ได้โอบกอดแม่เรไรมานานหลายเดือนแล้ว!  น้องเริงร่า (viola ตัวโปรด) และน้องระริน (ไวโอลินตัวที่ตั้ง sound post เมื่อไม่นานมานี้) ก็เช่นกัน


เมื่อวานนี้ผมไปที่โรงเรียนดนตรีธีรดา ได้เห็นภาพวง string ensemble ที่มีผมเล่น cello กับลูกศิษย์ไวโอลินอีก ๓ คน คือ ดรีม เอิน และอ้อ ถูกเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ของครูแต้ม  จึงได้ขอนำมาโพสต์ไว้ที่นี่ เพื่อรำลึกถึงความหลังที่เคยได้ทำวงเครื่องสายสากลเล็ก ๆ ขึ้นมา…

ตอนที่มาสมัครเรียนไวโอลินนั้น น้องดรีมเคยเรียนที่โรงเรียนดนตรียามาฮ่ามาแล้วเป็นปี ผมก็เพิ่งจะเริ่มรับสอนไวโอลิน (เพราะสถานการณ์บังคับ) ตอนแรกก็รู้สึกหนักใจไม่น้อย แต่พอได้เห็นท่าจับไวโอลินและการสีของน้องดรีมในชั่วโมงแรก ผมก็มั่นใจว่าพอสอนได้ น้องดรีมข้อมือซ้ายงอและหนีบไวโอลินไม่ได้ สีโน้ตเพลงในตำราของ Alfred ก็ยังไปได้ไม่มาก ผมแก้ไขท่าจับไวโอลินให้ใหม่แล้วทบทวนแบบฝึกหัดในตำรา Alfred  ขณะเดียวกันก็เสริมโดยใช้ตำราซูซูกิอีกเล่มนึง ผมสอนไปด้วย…ศึกษาไปด้วย

ต่อมาอีกไม่นานก็มีน้องอ้อมาสมัครเรียนไวโอลิน คุณแม่เป็นพยาบาลอยู่โรงพยาบาลศูนย์บอกกับผมว่าลูกสาวอยากไปสอบเข้ามหิดลขอให้ผมช่วยสอนให้เล่นเพลงที่จะใช้สอบ จำได้ว่าวันนั้นนำโน้ตเพลงมาให้ผมดูด้วย เพลงยากมาก ผมสอนไม่ได้หรอก แต่ถ้าเป็นขั้นพื้นฐานก็พอสอนให้ได้ น้องอ้อตกลงเรียนครับ ดูเหมือนว่าจะจ่ายค่าเรียนครบหลักสูตร ๑ ปีด้วยมั้ง นับเป็นนักเรียนคนแรกที่ผมได้สอนตั้งแต่เริ่มต้น

สำหรับเอินนั้นมาทีหลังเพื่อน ผมก็สอนแบบเดียวกับที่สอนดรีมและอ้อ นักเรียนทั้ง ๓ จบหลักสูตรเบื้องต้นภายในระยะเวลา ๑ ปี  เรียนตำราซูซูกิถึงครึ่งเล่มสอง และตำรา Alfred เล่มสองอีกค่อนเล่ม

ช่วงที่อ้อเหลืออีกสักประมาณ ๒-๓ ครั้งจะครบหลักสูตร ผมโทรศัพท์ไปที่โรงเรียนดนตรีมีทอง (ถนนท่าคราวน้อย) เพื่อฝากงานให้  เย็นวันนั้นอ้อก็ไปสมัคร ครูปี้ขอให้อ้อเล่นไวโอลินให้ฟังแล้วรับไว้เป็นครูไวโอลินเลย

เมื่อครบหนึ่งปี ผมบอกนักเรียนทั้งสามว่าสอนต่อไม่ได้อีกแล้ว ถ้าจะเรียนในระดับสูงขึ้นไปก็ต้องไปเรียนกับครูคนอื่น ดรีมเลือกที่จะไม่เรียนต่อ แต่ยังคงเล่นไวโอลินเพื่อความเพลิดเพลิน ในขณะที่เรียนหนักทางด้านภาษาจีน  เอินไปสมัครเรียนต่อที่ Piano Studio เชิงสะพานพัฒนาภาคเหนือ (ได้ข่าวว่าครูให้สอบเกรดด้วย)  ส่วนอ้อไปเป็นครูไวโอลินอยู่ที่มีทองเปียโนแล้วย้ายไปสอนที่ยามาฮ่า จากนั้นก็ไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยศิลปากร




ผมก็ยังคงเป็นตาแก่ที่เก็บตัวเงียบอยู่เหมือนเดิม...

No comments: