Sunday, July 01, 2012

busking bag


เมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๕๕ ผมเขียนเรื่อง "เสื้อจิงโจ้...สิ่งที่ขาดไม่ได้" โดยกล่าวว่า "เอกสารสำคัญ ๆ อย่างเช่น หนังสือเดินทาง หรือตั๋วเครื่องบิน รวมทั้งกระเป๋าสตางค์จะต้องถูกเก็บไว้ในกระเป๋าจิงโจ้...ให้แนบตัวไว้ตลอดเวลา..."  ถึงวันนี้ผมก็ยังเห็นประโยชน์ของเสื้อจิงโจ้  เพราะมันทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจ เมื่อได้สวมใส่ทุกครั้งที่ต้องเดินทางไกล 

วันที่ ๑๗ มิถุนายนที่ผ่านมา ผมเดินทางด้วยรถด่วนขบวน 52 จากเชียงใหม่ลงกรุงเทพฯ


ผมเดินทางมาบนโบกี้ชั้น ๓ วันนั้นมีผู้โดยสารน้อยมาก ผมเห็นบางคนเปลี่ยนที่นั่งให้เป็นที่นอน...


ส่วนผมก็นั่งหลับได้สบาย...ไม่ต้องกังวลเรื่องเอกสารสำคัญและกระเป๋าสตางค์ เพราะรู้ว่าเสื้อจิงโจ้จะช่วยเก็บรักษามันไว้เป็นอย่างดี


ระหว่างที่อยู่ในกรุงเทพฯ เพื่อขอวีซ่า ผมก็ยังคงเก็บสตางค์ไว้ในกระเป๋าเสื้อจิงโจ้ คุณเมธีบอกว่ามันทำให้ดูเหมือนคนลงพุง ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ แต่ผมไม่อาย...

วันที่ ๑๘ หลังจากยื่นขอวีซ่าที่สถานทูตพม่า ผมก็เดินไปแลกเงินที่ Super Rich สาขาถนนสีลม


ไปพม่า...ต้องแลกเงินดอลลาร์สหรัฐไปอย่างเดียวครับ เวลาแลกก็ต้องบอกเค้าด้วยว่าจะไปพม่า ขอธนบัตรใบใหม่ ๆ  เจ้าหน้าที่ Super Rich เค้ารู้ดี จะจัดให้เราเสร็จว่าเป็นแบ๊งค์ ๑๐ หรือ ๒๐ กี่ใบ แต่ละใบล้วนมีสภาพใหม่ ไร้รอยพับ


แถมมีซองใส่ให้ด้วย...


คิดว่าธนบัตรดอลลาร์สหรัฐที่แลกมาควรเก็บให้อยู่ในสภาพดี ไม่พับใส่กระเป๋าสตางค์ เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาเวลานำออกจ่ายหรือแลกเป็นเงินจั๊ด ดังนั้นผมจึงเก็บซองใส่เงินดังกล่าวไว้กับปกสมุด แล้วใส่ไว้ในถุงที่ผมเรียกว่า ถุงบีเค หรือ busking bag   (หนังสือเดินทางผมก็เก็บไว้ด้วยกัน)


"ถุงบีเค" ปัจจุบันนี้มีอายุ ๒๔ ปีแล้วครับ ผมมีภาพถ่ายบน Sydney Tower เมื่อปี ๒๕๓๑ มาให้ดูด้วย...


หน้าที่ของ "ถุงบีเค" คือใช้เป็นที่เก็บเงินซึ่งได้จากการเล่นดนตรีเปิดหมวก (busking) ผมคุ้นเคยกับการมีเหรียญจำนวนมากมายอยู่ในถุง น้ำหนักของสายผ้าห้อยคอจะเพิ่มขึ้นเมื่อจำนวนเงินในถุงมีมากขึ้น ไม่น่าเชื่อว่า ๒๔ ปีแล้ว...สายที่ห้อยคอก็ยังไม่เคยขาด

สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับถุงผ้าใบนี้คือ เศษเงินเหรียญที่จะต้องอยู่ก้นถุง เพื่อให้ยังคงความรู้สึกเดิม ๆ ไว้ ในยามที่ได้สะพายถุงไว้กับคอ...

ถ่ายกับนักเดินทางคนหนึ่ง ที่มาดีเกสต์เฮ้าส์ ซอยอ่อนนุช
ตั้งแต่วันออกเดินทางไปย่างกุ้ง ผมมีถุงบีเคห้อยคอไปด้วยตลอดเวลา...

ช่วงที่ผมเดินทางท่องเที่ยวในพม่า...ถุงบีเคได้ทำหน้าที่แทนเสื้อจิงโจ้ด้วยดีมาโดยตลอด!

Tips - แลกเงินไปเท่าไหร่ดี? สำหรับผมตีไว้วันละ ๓๐ เหรียญ ไป ๘ วัน...ผมพกไปด้วย ๒๕๐ เหรียญ ปรากฏว่าเอาเข้าจริง...ใช้ไปแค่ครึ่งเดียวเอง!!  เงินจั๊ดที่แลกได้ก็เก็บไว้ในกระเป๋าตังค์ซึ่งใส่ไว้ในถุงบีเคอีกที

3 comments:

สวัสดิ์ said...

จะเตือนว่าถุงบีเคนี่แหละตัวของหายเลยครับ เวลาเบียดเสียดเขากรีดก้นถุงแล้วล้วงไปไม่รู้ตัวเพราะมันแกว่ง พวกกระเป๋าเป้, ย่าม, กระเป๋าสะพายผู้หญิงโดนกันนักต่อนักแล้ว ขนาดกระเป๋าที่อยู่ขอบด้านในขอบกางเกง ตรงตำแหน่งติดพุงยังกรีดล้วงเอาไปได้เลยนับประสาอะไรกับบีเคที่ห้อยอยู่ข้างหน้า ผมชอบนุ่งยีนส์ฟิตครับ กระเป๋าตังค์ผมเองยังดึงแทบไม่ออก ใครมาล้วงไปนี่รู้ตัวทันที

Wichai said...
This comment has been removed by the author.
Wichai said...

ขอบคุณคุณเมธีมาก ๆ ครับ ผมเห็นด้วยจริง ๆ ที่ว่าถุงอย่างเจ้าบีเคมีโอกาสถูกกรีดได้ง่ายจริง ๆ เท่าที่ผ่านมา...ผมใช้วิธีการเก็บของสำคัญไว้ในกระเป๋าเสื้อจิงโจ้มาโดยตลอด แต่ไปพม่าคราวนี้เปลี่ยนไปใช้ถุงบีเค ซึ่งมีอายุได้ ๒๔ ปี ผมก็ต้องระวังอย่างเต็มที่ เรียกว่าแทบจะกอดไว้ด้วยมือข้างซ้ายเหมือนอุ้มลูกไปด้วย

โชคดีที่พม่าเป็นเมืองที่มีคนดีมาก เรื่องเศร้าจึงไม่เกิด ซึ่งถ้าเป็นกรุงเทพฯ...ผมก็คงไม่เหลืออะไร หากถ้าคนร้ายจ้องที่จะเล่นงานจริง ๆ มันก็ง่ายมาก ๆ เพราะช่วงเวลาที่เผลอมีมากมาย...

ผมคิดว่าถ้าจะมีอีกซักประเทศนึงที่ผมสามารถใช้ถุงบีเคได้ ก็น่าจะเป็น "ลาว" ส่วนกรุงเทพฯ นั้น ไม่ต้องพูดถึง ขนาดตู้เอทีเอ็มยังถูกลากออกจากที่ตั้ง

หุหุ นับประสาอะไรกับถุงห้อยคอสภาพเก่า ๆ โทรม ๆ อย่างเจ้าบีเค